ไบเดนสั่งบริษัทเทคฯ คุมเข้มความปลอดภัยเอไอ หวั่นอันตรายต่อสังคม
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวในวันอังคารว่า ต้องจับตามองกันต่อไปว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ จะเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน พร้อมเน้นย้ำว่าบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเอไอ
ปธน.ไบเดน กล่าวต่อที่ประชุมสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า ในอนาคตเอไออาจมีประโยชน์ในด้านการรักษาโรคและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงแห่งชาติ
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "บริษัทเทคฯ ต่าง ๆ มีความรับผิดชอบที่ต้องรับประกันว่าผลิตภัณฑ์เอไอของพวกตนจะต้องปลอดภัยก่อนที่จะนำออกสู่สาธารณะ" และว่า สื่อสังคมออนไลน์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีนั้นมีพลังอำนาจในการก่ออันตรายมากแค่ไหนหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม เห็นได้จากผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความรู้สึกและความสิ้นหวัง โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว
ปธน.ไบเดน ยังเรียกร้องอีกครั้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่จำกัดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งการห้ามสื่อโฆษณาที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก
ราคาหุ้นของบริษัทพัฒนาด้านเอไอหลายแห่งปรับตัวลดลงในวันอังคารก่อนการประชุมดังกล่าว เช่น หุ้นของบริษัทซอฟ์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ C3.ai ร่วงลงไป 24% ขณะที่หุ้นของบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์จากประเทศไทย Guardforce AI ลดลงไป 29% และหุ้นบริษัท BigBear.ai ร่วงไป 16%
ปัจจุบัน เรื่องเอไอได้กลายเป็นประเด็นร้อนในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อองค์กรจรรยาบรรณด้านเทคโนโลยี Center for AI and Digital Policy ได้ขอให้คณะกรรมาธิการพาณิชย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟทีซี สั่งยับยั้งบริษัท OpenAI ไม่ให้เปิดตัว GPT-4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถคล้ายมนุษย์ในการเขียนโต้ตอบคำถามต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว