[รีวิว] ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304VA-NQ731WS) บางเบา แต่สเปกไม้ได้มาเล่นๆ
กลับมาพบกับรีวิว Gadget สุดล้ำจาก Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้ทีมได้รับคอมพิวเตอร์บางเฉียบจาก ASUS โดยเป็นรุ่น Zenbook S 13 OLED ใหม่ล่าสุดกับสเปก Intel Core i7 EVO Platform รุ่นที่ 13 เห็นแบบนี้ จะมีความน่าใจและเบาจริงไหม มารับชมกันเลย
รายละเอียดสเปกของ ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304VA-NQ731WS)
- ขนาด : 29.62 x 21.63 x 1.09 ~ 1.18 เซนติเมตร
- หนัก : 1 กิโลกรัม
- มาตรฐานความแกร่ง US MIL-STD 810H military-grade
- หน้าจอ : 13.3 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) สัดส่วน 16:10
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Intel® Core™ i7-1355U Processor 1.7 GHz (12MB Cache, up to 5.0 GHz, 10 cores, 12 Threads)
- ชิปประมวลผลกราฟิก : Intel Iris Xe (OnBoard)
- RAM : แบบ 16GB LPDDR5 (OnBoard)
- ความจุ : 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 Performance SSD
- กล้องหน้า : Full HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 2x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
- 1x HDMI 2.1 TMDS
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- ลักษณะ Keyboard : Backlit Chiclet Keyboard พร้อม RGB 4 Zone เปลี่ยนสีไฟได้
- กล้อง Webcam : ความละเอียด HD+
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 AX (Wi-Fi 6E) + Bluetooth 5
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้าผ่าน Iris Scanner
- ลำโพง : 2 จุด, รองรับ Hi-Res Audio, Smart Amplifier ปรับจูนโดย Harman/Kardon
- ไมโครโฟน : 2 ตัว + AI Noise Cancellation
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11
- แบตเตอรี่ขนาด 63 Wh (4 Cell) ที่ชาร์จแบบ ทั้งแบบ Power Delivery USB-C กำลัง 65W
- สีเครื่อง : เทา Basalt Grey
ภายในกล่องมีอะไรบ้าง
- ตัวเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED
- ปลั๊กชาร์จไฟ 65W
- คู่มือ / ใบรับประกัน
นอกจากนี้ที่ขั้นกล่องเก็บเครื่องยังสามารถาเอมาใช้เป็น Docking เพื่อยกเครื่องให้สูงขึ้นได้
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ASUS Zenbook S 13 OLED
เริ่มต้นกับฝาด้านหน้ามีการเลือกใช้วัสดุสุดล้ำที่มีชื่อว่า “พลาสมาเซรามิก อลูมิเนียม” มีการผลิตที่มีความปราณีตสูง และยังรีไซเคิลกลับมาทำใหม่ได้ ดังนั้นเรียกได้ว่ารักษ์โลกอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีลวดลายแบบฉบับของ Zenbook พร้อมกับโลโก้รุ่น ASUS ทางด้านล่างซ้ายมือ
พลิกมาด้านล่างมีการใช้วัสดุ แมกนีเซียน-อะลูมิเนียมที่มีการรีไซเคิล กับยางกันลื่นพร้อมช่องระบายอากาศ
รอบตัวเครื่องเลือกวัสดุรีไซเคิลแมกนีเซียม-อะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล (PIR) เช่นเดียวกับด้านล่าง ช่วยให้สัมผัสไม่ด้านเกินไป ช่องเสียบมีให้ครบทั้งฝั่งซ้าย HDMI, USB-C ทั้งหมด 2 ช่อง
ฝั่งซ้ายจะมาพร้อมกับ USB-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านหน้าจะมาพร้อมกับบานพันที่เป็นแบบซ่อนสามารถยกระดับเครื่องได้ 4.5 องศาและเป้นที่อยู่ของพัดลมระบายอากาศอีกด้วย
ด้านหลังที่หันมาหาคุณก่อนจะเปิดเครื่องมีการเว้นร่องทำให้เปิดหน้าจอได้ง่าย
เมื่อเปิดฝาเครื่องขึ้นมา
คุณจะพบกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว AMOLED ที่สวยงามและที่สำคัญคือมีการเคลือบสายกันรอยนิ้วมือ สบายใจได้สำหรับคนที่กลัวเรื่องลายนิ้วมือติดที่หน้าจอ พูดเลยว่าเบาใจได้แทบไม่มีรอยแต่ต้องเห็น และด้านบนจะมีเซนเซอร์เยอะมากโดยเฉพาะระบบ Iris Scanner เท่ากับคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไม่ได้ให้ระบบสแกนลายนิ้วมือ
ส่วนแผง Keyboard และ Touchpad ขนาดใหญ่ใช้งานคล่องมือในรอบนี้ปุ่ม Power สำหรับเปิดเครื่องย้ายมาอยู่ที่ถัดเข้ามาแทนที่ปุ่ม Delete ทำให้ไม่มีการลั่นไปกดปิดง่ายเหมือนรุ่นก่อน แต่เวลาเปิดเครื่องอย่าเผลอกดผิดนะครับ
ส่วนการพิมพ์จริงพบว่าตัวเครื่องมีการยกขึ้นทำให้ไม่ปวดมือ Keyboard ตอบสนองได้ดีตอบสนองมีความยืนหยุ่น ด้วยปุ่มที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิมช่วยให้การพิมพ์มีความคล่องมือมากขึ้น และ ASUS ยังให้ปุ่มปิดไมโครโฟนและ Webcam มาให้ด้วย เพิ่มความสะดวกในการกดใช้งานแทนการเลื่อน
น้ำหนัก/การพกพา
สำหรับน้ำหนักเบามากเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น โดยจุดเด่นของการเลือกใช้วัสดุที่ดีและมีคุณภาพอย่างพลาสมาเซรามิก อลูมิเนียม ช่วยทำให้จับแล้วไม่เป็นรอยง่ายอีกด้วย ดังนั้นกทารพกพาเลยทำได้ง่ายมากครับ เพราทั้งบางเพียง 1 เซนติเมตร
สำหรับสีสันมีแค่สีเทา Basalt Gray เท่านั้น
การแสดงผลภาพ / ระบบเสียง
การแสดงผลของหน้าจอ OLED ให้สีสันคมชัดและมีค่าแวสดงผล DCI-P3 VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 ผ่ายการรับรองจาก PANTONE แสดงสีได้สูงสุ 1.07 พันล้านสี คมชุดและดูหนังและทำกราฟิกเรียกว่าสบายๆ เลยครับ
ส่วนระบบเสียงที่ไว้ลำโพงข้างเครื่องให้เสียงที่ดีและมีการปรับแต่งจูนเสียงจาก Harman / Kardon ช่วยให้คุณภาพของเสียงดีขึ้นและยังมี Smart AMP ติดตั้งมาด้วย
ประสิทธิภาพของเครื่อง / การเชื่อมต่อไร้สาย
จากคะแนนประสิทธิภาพของเครื่องที่เรียกว่ามาพร้อมกับจัดเต็มมากพอสมควร ในรอบนี้ขุมพลังเป็น Intel EVO Generation 13 ที่เรียกว่าออกมาที่ออกแบบเพื่อให้สามารถใช้งานทุกรูปแบบแต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมนะ
การเชื่อมต่อจะรองรับ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5 รุ่นใหม่ล่าสุดทำให้สามารถตอบโจทย์ในการเชื่อมต่อได้อย่างสบายๆ เลยครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home Edition ที่ไม่ได้ตกแต่งสักเท่าไหร่ แต่ะสำหรับเวอร์ชั่นของ Windows 11 ใหม่นี้ก็เน้นความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้คล่องตัว
ฟีเจอร์ภายในของเครื่องจะมีทั้งการปรับแต่จาก MyASUS ประกอบด้วย
- ปรับแต่งตั้งค่าหน้าจอ, ระบบเสียงได้เบื้องต้น
- การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen
- อัปเดต Software ภายในเครื่อง
- AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้
- ติดต่อกับ Call Center ผ่านเครื่องได้
- โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่
- Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ, File, แชร์หน้าจอ เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยของ ASUS Zenbook S 13 OLED จะมาพร้อมกับ Iris Scanner ที่สามารถสแกนใบหน้าและดวงตาได้เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น โดยรุ่นนี้ไม่มีระบบสแกนนิ้ว ทำงานร่วมกับ Windows Hello
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แบตเตอรี่ขนาด 63mWh เมื่ออยู่กับขุมพลัง Intel EVO Platform กลับทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากพอสมควรถึง 14 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วถ้าเปิดโหมดปกติ อยู่ได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง แต่ถ้าทำงานหนักก็จะลดลง โดยลดต่ำสุดที่ 6 ชั่วโมง เมื่อมีการใช้งานกราฟิกหนักๆ
ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับ Power Delivery แบบ USB-C กำลังสูงสุด 65W สามารถนำที่ชาร์จที่มีกำลังสูงกว่ามาเียบชาร์จได้เช่นเดียวกันครับ
สรุปหลังทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้ ASUS Zenbook S 13 OLED มาพักหนึ่ง
หลังจากที่ได้ใช้งานมาต้องบอกว่านี่เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความบางเบาและสีสันถือว่าแปลตากับ Baslt Grey ที่เน้นวัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล รักษ์โลกตั้งแต่ของในกล่อง ยันสเปกที่จัดเต็มกับ Intel EVO Core i7 แม้อาจจะไม่ได้มีการ์ดจอแยก แต่ก็ทำงานได้ดี รวมถึงจอเปิดได้แบบ 180 องศาเพิ่มการมองเห็นและคมชัดกับจอ OLED พูดเลยว่า
ถ้าต้องจ่ายเงินแค่ 49,990 บาท และแลกกับสิ่งที่ให้ทั้งความบาง, เบา, สเปกใหม่, เชื่อมต่อครบและรวมไปถึง ช่องเสียบที่ให้มาทั้งหมดจัดว่าคุ้มค่า และแปลงมาใช้แบบธุรกิจได้สวย ถือว่าเป็น Notebook รุ่นที่บางเบาที่สุดอีกตัวที่ซื้อใจได้ ถ้างบถึงนะครับ
นอกจากนี้ ASUS Zenbook S 13 OLED ยังมาพร้อมกับ ASUS Exclusive Care ครอบคลุมการบริการซ่อมถึงที่ (on-site service) 3 ปี, ประกันระหว่างประเทศ 83 ประเทศทั่วโลก และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีเต็ม พร้อมด้วย Windows 11 และ Pre-installed Office Home & Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานทันที พร้อมรับสมาชิก Adobe Creative Cloud® ฟรี เป็นระยะเวลาสามเดือน มาให้ด้วยครับ
จุดเด่น
- เครื่องบางและเบามาก
- วัสดุแข็งแรงแม้จะเป็นการรีไซเคิล
- ได้สเปกใหม่
- ประหยัดไฟมาก
- Keyboard ให้การสัมผัสที่ดี
- หน้าจอคมชัด แสดผลได้สว่างและถนอมสายตาได้
ข้อสังเกต
- วัสดุเวลาจับอาจจะไม่ได้พรีเมี่ยม อย่าไปซีเรียดเลย
- มีให้เลือกสีเดียว
อัลบั้มภาพ 24 ภาพ