รีวิว “ROG Phone 7” ที่สุดของมือถือเล่นเกมของปี 2023 ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ นะ

รีวิว “ROG Phone 7” ที่สุดของมือถือเล่นเกมของปี 2023 ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ นะ

รีวิว “ROG Phone 7” ที่สุดของมือถือเล่นเกมของปี 2023 ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ นะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ก่อนที่คุณจะพบกับรีวิวของ ROG Ally วันนี้มีอีก 1 ตัวที่เปิดตัวก่อนหน้านี้และเข้าถึงได้ง่ายกว่า สำหรับคอคนเล่นเกมมือถือ ที่รอคอยสุดยอดมือถือเล่นเกมอย่าง ROG Phone 7 วันนี้เราได้มาแล้วกับรุ่นเริ่มต้นตัวนี้ มาดูกันว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน รับชมได้เลย

batch_20230615_204907

รายละเอียดสเปกของ ROG Phone 7

  • ขนาด : 173 x 77 x 10.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 239 กรัม
  • หน้าจอ : 6.78 นิ้ว แบบ AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate สูงสุด 165Hz สามารถปรับได้ทั้ง 60 / 120 / 144 และ 165 Hz ความสว่าง 1,200 nits ใช่กระจก Gorilla Glass Victus
  • ความละเอียดหน้าจอ 2448 x 1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต / กราฟิกการ์ด : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 / Adreno 740
  • มาตรฐานกันน้ำ : IP54
  • RAM 16GB
  • ความจำในตัว : 512GB
  • ความจำภายนอก : ไม่รองรับ
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : 5G, Wi-Fi 7 (802.11 be), Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS
  • กล้องหน้า : 32 ล้านพิกเซลจาก Sony IMX663, วิดีโอ 1080p 30 FPS
  • กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จาก Sony IMX766 พร้อมกับ มุมกว้าง 84.6 องศา
    • กล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล 120 องศา
    • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
    • รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K, 4K 60 FPS, 1080p 120FPS
  • ไฟหลังเครื่อง : ไฟด้านหลังในแบบ Illuminated RGB
  • ไมโครโฟน : 3 จุดรอบตัวเครื่อง
  • ลำโพง คู่ด้านบนและล่างมีขนาด 12 x 16 มิลลิเมตร (เพิ่มกำลัง Sub-Woofer ผ่าน AeroActive 7)
  • ช่องเสียบ : หูฟัง 3.5 มม. USB-C (มี 2 จุดคือกลางเครื่องและด้านล่างมุมซ้าย)
  • แบตเตอรี่ : 6000 mAh
  • ระบบชาร์จไฟ : USB-C ระบบ Hyper Charging กำลังสูงสุด 65W และเป็นแบบ PD
  • สีสัน : Phantom Black, Storm White

แกะกล่อง ROG Phone 7

batch_img_4686

  • ตัวเครื่อง ROG Phone 7
  • คู่มือ  / เคสตัวเครื่อง / เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
  • สาย USB-C To USB-C
  • ปลั๊กสำหรับชาร์จไฟ กำลัง 65W Hyper Charging

สำหรับพัดลม AeroActive 7 นั้นจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดกับ ROG Phone 7 Ultimate เท่านั้นแต่จะมีจำหน่ายแยกหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าใครมี AeroActive 6 ใช้แทนได้เลยแค่จะไม่มี Sub-Woofer เท่านั้น

รูปลักษณ์หน้าตาของ ROG Phone 7

เริ่มต้นกับหน้าตาของ ROG Phone 7 นั้นอยากจะใช้คำว่า “เหล่าเก่า” เพราะหน้าจอยังคงได้ขนาด 6.78 นิ้ว ถือว่าใหญ่กำลังดีมาพร้อมกับการแสดงผลเป็นแบบ AMOLED Display กับการออกแบบจองมีการเว้นส่วนและล่างชัดเจนเพื่อวางลำโพงคู่ที่ด้านหน้า และหน้าจอมีความละเอียด FHD+ และความสว่างสูงสุด 1,200 nits 

batch_img_4718

ส่วนบนของเครื่องจะได้กล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD และยังมีลำโพงตัวที่ 2 ที่มีขนาด 12x16 มิลลิเมตร นอกจากไว้สนทนาได้แล้วเวลาเล่นเพลงหรือเปิดเกมเสียงก็จะดัง คมชัดอีกด้วย

batch_img_4720

ส่วนล่างมีที่อยู่ของลำโพงขนาด 12 x 16 มิลลิเมตร เช่นเดียวกัน พร้อมกับปุ่มกดที่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งรูปแบบของการปัด และการกดแบบปกติ

batch_img_4723

รอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมสวยงามและเป็นสีดำ ส่วนสีขาวรอบตัวเครื่องจะเป็นสีขาว ฝังซ้ายมีช่องเสียบ USB-C ไว้สำหรับเสียบอุปกรณ์พัดลม AeroActive Cooler ทั้งรุ่น 6 และ 7 นอกจากนี้สังเกตดีๆ ว่ามีขั้วสำหรับเสียบ พัดลมเพื่อเพิ่มกำลังขับอย่าง Sub-Woofer พร้อมกับด้านล่างเป็นช่องใส่ซิมการ์ดคู่แบบ Nano SIM และตัวปลดซิมออก ไม่ลึกแล้วนะครับ

batch_20230627_224313

ฝั่งขวามือจะมีปุ่ม Air Trigger ไว้สำหรับเล่นเกม และปรับคำสั่งได้มากถึง 10 อย่างด้วยกัน พร้อมกับปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงและปุ่ม Power  

batch_img_4731
batch_img_4733

ส่วนบนมีไมโครโฟนเท่านั้น

batch_img_4726

ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟัง และ USB-C สำหรับชาร์จไฟ และมีไมโครโฟนในตัว

batch_img_4724

พลิกด้านหลังจะมาพร้อมกับ โลโก้ ROG และมี Dot Matrix พร้อมกับเส้นที่สามารถเปลี่ยนสีไฟได้ด้วย และมีการแบ่งด้านหลังจะเป็นอลูมิเนียม และ แบบใสๆ และยังมีลวดลายเหมือนกับโชว์ความเป็น Mainboard สามารถเปลี่ยนสีได้จัดเต็ม

ความต่างระหว่าง ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate

ROG Phone 7 Ultimate

และหลายคนจะสงสัยนอกจากของแถมที่อยู่ในกล่องเรื่องของความแตกต่างของความต่างระหว่าง ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate จะมีทั้งหมด 2 เรื่องได้แก่

  • หน้าจอ ROG Vision ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จะมีเฉพาะในรุ่น Ultimate ส่วนรุ่นธรรมดาได้ไฟขนาดใหญ่มาแทนแถมเล่น Effect สวยมาก
  • ช่องระบายอากาศ AeroActive Portal จะไม่มีในรุ่น ROG Phone 7

น้ำหนัก และ การจับถือ

batch_20230620_124349(0)

ถึงแม้ว่าเครื่องคล้ายกับรุ่นเดิม แต่ว่าด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงด้านหลังที่เยอะมากพอสมควร ทำให้โดดเด่นมากอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ตั้งข้อสังเกตคือ ผิวเรียบอาจจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้ง่าย น้ำหนักไม่ได้เยอะ แต่การจับถือลื่นไปหน่อย แนะนำให้ใส่เคสจะดีกว่าครับ

นอกจากนี้ยังเป็น ROG Phone รุ่นแรกที่ออกแบบให้กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP54 อีกด้วย

การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

batch_20230624_103132

การแสดงผลหน้าจอของ ROG Phone 7 จะเน้นเรื่องความไวมากกว่าความละเอียดเพราะหน้าจอ 6.78 นิ้วแต่ยังได้ความละเอียด Full HD+ พร้อม Refresh Rate 165 Hz แค่ค่าการสัมผัสสูงมากถึง 720 Hz เรียกว่าโดดเด่น นอกจากนี้สีสันมากถึง 1 พันล้านสี และยัง มีค่า DCI-P3 และยังรองรับ Dolby Vision เป็นน เรียกว่าครบสูตรเลยครับ

batch_img_4720
batch_img_4723

ประกอบกับลำโพงคู่ขนาดใหญ่ทำให้เสียงที่ออกมาครบทุกอารมณ์และยังรองรับ Dolby ATMOS และ DTS Sound System พร้อมกับ Hi-Res และ Dirac ด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังขับ Sub-Woofer

ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อ

 batch_screenshot_20230618-145

คะแนน Geekbench 6 = 1,911 คะแนน (Single Core) | 5,577 คะแนน (Multi Core)

AnTuTu = 1,575,074 คะแนน

batch_screenshot_20230618-170_1

คะแนนประสิทธิภาพใช้คำว่าไม่ต้องพูดเยอะให้เจ็บคอเพราะมันตอบโจทย์การทำงานได้ดีมากจริง นอกจากความดีงามของ Snapdragon 8 Gen 2 แล้วเบื้องหลัง ROG มีการปรับระดับหลายๆ สิ่งภายใน จน ASUS ให้คำนิยามว่า GameCool 7 ประกอบด้วย

  • ออกแบบ ระบบระบายความร้อน (Vapor Chamber) แบบใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายความร้อนได้ดีขึ้นถึง 168%
  • เพิ่มการทำงานของ AeroActive Cooler 7 นอกจากระบายความร้อนดีแล้วยังสามารถเพิ่มกำลังเสียงขับเป็น Sub-Woofer ได้ด้วย
  • ตัวขุมพลังเองหากมีการเสียบปลั๊กใช้งานจะมีการปิดแกนที่ใช้พลังงานน้อยเพื่อขับประสิทธิภาพออกมาให้สูงขึ้นได้ด้วย
  • เฉพาะรุ่น Ultimate จะติดตั้ง AeroActive Portal ทำให้สามารถระบายอากาศได้เร็วและยังรองรับกับ AeroActive Cooler 6 ของเดิมได้

batch_rog_arm1

ฟีเจอร์การเล่นเกมก็มีผลต่อประสิทธิภาพ รุ่นนี้มีให้เลือกผ่านทาง Armoury Crate สามารถปรับประสิทธิภาพอย่าง X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์พลังแบบแรงเหมือนสายน้ำที่ตกอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่ ส่วนคนทั่วไปก็จะมี Dynamic, Ultra Durable และ Advance ในหัวข้อสุดท้ายคือุสามารถปรับค่าได้เองทั้งหมด

batch_rog_game_ge

ทำให้ส่วนของการควบคุมการเล่นเกมหรือ Game Genie ที่สามารถแสดงผลในระหว่างเล่นเกม โดยการปัดมุมซ้าย หรือขวา  ในด้านความสามารถปรับและควบคุมได้แบบครบเครื่องมากเช่น

  • การล็อคความสว่างหน้าจอ
  • การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU
  • การปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เล็งที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน
  • ฟีเจอร์ตั้งค่าการกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor เพิ่มเข้ามาคือ Touch Sensor หรือ การสัมผัสด้านหลัง และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน
  • การบันทึกหน้าจอ, ปิดการแจ้งเตือน บล็อกการโทร เป็นต้น

ยังไม่หมดครับเพราะการเชื่อมต่อของ ROG Phone 7 นอกจากบอกพิกัด GPS ได้ดีมากแล้วยังรองรับ 5G แบบ Dual Standby, Bluetooth 5.3 รองรับ Hi-Res Wireless Audio และ ใหม่ล่าสุด Wi-Fi 7 ตัวแรกของโลกทำให้การเชื่อมต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตทำได้ดีมาก เพราะการเล่นเกม นอกจากมือถือดีเน็ตต้องแรง เรียกว่าจัดเต็ม

batch_20230618_124630

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย

batch_rog_ui

ด้านระบบปฏิบัติการของ ROG Phone 7 (รวมถึง ROG Phone 7 Ultimate) มาพร้อมกับ Android 13 และมีการครอบด้วย ROG UI ที่มีความเรียบง่าย มีฟีเจอร์แบ่งหน้าจอทั้งกรอบ Popup, แบ่งเป็น 2 หน้าจอหรือ Multi Window ก็ทำได้ และยังสามารถปรับแต่งได้ทั้ง ROG UI และแบบ Pure Android ก็ทำได้

นอกจากฟีเจอร์ของการเล่นเกมไปแล้วก็ยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้

Armoury Crate

batch_rog_arm1

ยังคงใช้รูปแบบเดียวกับ ROG Phone 6 เดิมและยังเป็น ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้

  • ค่าความไวของการทัชสกรีน
  • ปรับประสิทธิภาพของเครื่องที่ได้เล่าไปตั้งแต่ช่วงประสิทธิภาพ
  • การกำหนดความลื่นไหลของการสไลด์
  • ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
  • การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มด้านหลังเครื่อง / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 6 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้

Motion Sensor

batch_rog_ges

  • การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
  • ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
  • เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
  • ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
  • เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically)

Ultra Sonic Button (Air Trigger)

batch_rog_ultra

  • สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน

screenshot_20230614-210252_ar

นอกจากนี้ยังสามารถปรับตั้งค่าปุ่มของพัดลม AeroActive Cooler 6 และ 7 สำหรับรุ่นใหม่จะเพิ่มการตั้งค่า Sub-Woofer ในตัวได้ด้วยช่วยให้เสียงมีมิติขึ้นอีกนิด

batch_img_4705

rog_light

และปรับตั้งค่าไฟด้านหลังเครื่องรวมถึงหน้าจอ ROG Vision ในตัว ROG Phone 7 Ultimate

ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้า

เปิดกล้องลองถ่ายภาพ

batch_img_4702

  • กล้องหน้า : 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p 30 FPS
  • กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จาก Sony IMX766
    • กล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล 120 องศา
    • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
    • รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K, 4K 60 FPS, 1080p 120FPS

ฟีเจอร์ภายในกล้อง

ลูกเล่นของกล้องไม่ได้เซนไพรส์ เพราะ ROG Phone 7 จะคล้ายกับ ROG Phone 6 Series ทั้งหมด แต่เล่าคร่าวๆ คือเมนูการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง แต่รอบนี้มีแบ่งเป็นโหมดอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่ม Pro Video, Night Mode และกลางคืน สามารถซูมได้มากสุด 8X

สำหรับวิดีโอ ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS ได้ 2 ระดับทั้งแบบมาตรฐานและ Hyper Smooth ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking  จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น และสามารถซูมได้มากที่สุดแค่ 4X เท่านั้น

batch_rog_cam

กล้องหน้าของ ROG Phone 7 เพิ่มความละเอียดเป็น 32 ล้านพิกเซล แต่ว่าวิดีโอกลับทำได้ที่ 1080p 30 FPS น่าเสียดายที่ลดสเปกลงแต่ว่าสิ่งที่ดีคือ ความละเอียดทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมนะ

batch_rog_fcam

ผลงานของกล้อง ROG Phone 7

(กล้องหลัง)

ภาพกลางวัน / การซูม

 batch_p_20230620_125313
batch_p_20230620_125315
batch_p_20230620_125317
batch_p_20230620_125329
batch_p_20230620_125336

ภาพกลางคืน

batch_p_20230614_200206
batch_p_20230614_200234
batch_p_20230614_200601
batch_p_20230614_201031

โหมดอื่นๆ ที่ถ่ายมา

batch_p_20230618_145619
batch_p_20230618_194903
batch_p_20230618_203507

(กล้องหน้า)

 batch_p_20230614_200614
batch_p_20230618_164159
batch_p_20230618_164205

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

batch_rog_batt

สำหรับแบตเตอรี่ของ ROG Phone 7 ทั้ง 2 รุ่น ยังคงได้ที่ 6000 mAh แต่จากการทดลองใช้งานถ้าอยู่ในลักษณะใช้งานทั่วไปอึดและอยู่ได้นานวันนึงพอดี แต่ถ้าเป็นการเล่นเกมแบบโหมดสุดๆ ทำได้อยู่ที่ 6 ชั่วโมงกว่าเรียกว่าเล่นจนปวดตาไปข้างเลย ส่วน PCMark ใน ROG Phone 7 ปกติทำได้ราวๆ เกือบ 20 ชั่วโมงครับ

batch_img_4693

batch_rog_charge

ส่วนระบบชาร์จไฟของ ROG Phone 7 ทั้ง 2 รุ่น เป็นแบบ USB-C เท่านั้นรองรับกำลังสูงสุด 65W ในแบบ Hyper Charge หรือจะใช้ที่ชาร์จกำลัง 65W ก็ได้

สรุปหลังลองใช้ ROG Phone 7 โดยทีม Sanook Hitech มาสักพักหนึ่ง

batch_img_4709

หลังจากที่ทดลอง “ROG Phone 7” ใหม่ล่าสุดนอกจากมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นเดียวกันทั้ง Ultimate และรุ่น ปกติที่ทดลองใช้งาน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงทั้งการออกแบบระบายอากาศใหม่ทำให้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 แรงมากขึ้น ทำให้เครื่องไม่ได้ร้อนเกินไป แม้ว่าระหว่างการทดลองพบว่าความร้อนสูงเวลาเล่นเกมนานก็ตาม

แต่ภาพรวมไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ก็ตาม สิ่งที่น่าลุ้นกว่าคือราคาของ ROG Phone 7 เพราะเปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่

  • ROG Phone 7 (Phantom Black, Storm White, 16/512GB) 34,990 บาท
  • ROG Phone 7 Ultimate (Storm White, 16/512GB) 42,990 บาท

โดยโปรโมชั่นมีดังนี้

สำหรับช่องทางผู้ให้บริการจะจับมือกับทาง AIS เท่านั้น เมื่อซื้อแบบติดโปรฯ ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490 บาท และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490 บาท

Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. - 18 ก.ค. 66 รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท โดยต้องกดยืนยันการซื้อผ่านช่องทางนี้

สุดท้ายนี่เป็นอีกมือถือที่แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนสเปกแต่ของเดิมดีอยู่แล้วแค่อัปเกรดบางเรื่องที่รุ่นเดิมอาจจะยังดีไม่พอ ให้ปรับจนเรียกว่า น่าสนใจมากขึ้น จนเรียกได้ว่า ROG Phone 7 ยังคงเป็นมือถือเพื่อคอเกมอย่างแท้จริงของปี 2023

batch_img_4691

จุดเด่น

  • การออกแบบจับได้ถนัดมือ
  • ปุ่มกดพร้อมใช้งานและวางตำแหน่งดี
  • อุปกรณ์เสริมใช้กับของเดิมได้
  • ความแรงหายห่วง
  • รองรับ Wi-Fi7 ล้ำสุดในตอนนี้
  • แบตเตอรี่ไม่ได้ใช้เล่นเกมอึดมาก
  • ระบบชาร์จไฟเร็วและรับกับปลั๊ก PD ทั่วไปได้

ข้อสังเกต

  • รุ่นเริ่มต้นไม่มีพัดลมระบายอากาศมาให้ในกล่อง ต้องเป็นรุ่น Ultimate เท่านั้นถึงจะได้
  • ฝาหลังเสี่ยงเป็นรอยง่าย
  • ช่องทางการซื้อจำกัด

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ รีวิว “ROG Phone 7” ที่สุดของมือถือเล่นเกมของปี 2023 ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ นะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook