พาชม “LG OLED” รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 97 นิ้ว และรุ่นใหม่อีกมากมาย
ถ้าพูดถึง LG เป็นอีกผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเกาหลีที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะเทคโนโลยีหน้าจอ OLED ที่ตอนนี้ครบรอบ 10 ปีแล้วในรรอบนี้มีการเปิดตัวเทคโนโลยี Lineup ของปี 2023 ที่จัดหนักมากทั้งการเปิดตัว LG OLED evo 4K ขนาดใหญ่สุดถึง 97 นิ้วและยังมีทั้ง LG OLED Posé, LG StanbyME และอื่นๆ เช่น OLED, QNED, NanoCell และ UHD
ในการเปลี่ยนแปลงปี 2023 นี้มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ตั้งแต่
การอัพเกรดชิปประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI
หัวใจสำคัญที่สุดของทีวีแอลจีคือขุมพลังชิปประมวลผลที่ออกแบบมาเพื่อจอแสดงผล OLED โดยเฉพาะ ที่ช่วยให้ทีวีทำงานได้มีประสิทธิภาพและเสถียรมากขึ้น โดยในปีนี้มีทีวี LG OLED ทั้งหมด 3 ซีรีส์ที่ได้รับการอัพเกรดชิปประมวลผล α9 (อัลฟ่า) AI Processor Gen6 ได้แก่ LG OLED 8K evo ซีรีส์ Z3 ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล α 9 AI Processor 8K Gen6 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่ก้าวล้ำที่สุดของทีวี OLED
ตามมาด้วย LG OLED evo 4K ซีรีส์ G3 และ C3 ที่ขับเคลื่อนด้วยชิพประมวลผล α9 AI Processor 4K Gen6 ซึ่งชิปประมวลผล AI จะมอบภาพที่มีมิติและคมชัดยิ่งขึ้นทั้งในโทนมืดและสว่าง รวมถึงยกระดับการจำลองเสียงรอบทิศทางเป็น 9.1.2 แชนแนล และมอบความสมดุลของเสียงได้มากยิ่งขึ้น
มอบความสว่างและคมชัดมากขึ้น 70% ด้วยเทคโนโลยี Brightness Booster Max
พัฒนาการอีกขั้นของนวัตกรรมทีวีแอลจีในปีนี้ คือการอัพเกรดความสว่างบนจอภาพเพิ่มขึ้นถึง 70% ในทีวี LG OLED evo 4K ซีรีส์ G3 ผู้ชมจึงสัมผัสได้ถึงสีสันที่สวยสมจริงและภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น ทีวีทุกรุ่นยังมาพร้อมเทคโนโลยี Eye Comfort Display ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และแสงสะท้อนที่ทำให้ไม่สบายตา รวมทั้งลดการสั่นไหวของจอ ทำให้รับชมคอนเทนต์ต่อเนื่องได้อย่างสบายตาและไม่เมื่อยล้าสายตา
การันตีคุณภาพระดับชั้นนำที่วางใจได้
แอลจีได้รับการทดสอบจาก RTINGS.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการทดสอบคุณภาพของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่น่าเชื่อถือ โดยจากการทดสอบจอทีวี LG OLED ของ RTINGS.com พบว่าผู้บริโภคสามารถลดความกังวลในเรื่องอาการ Burn-in ของจอภาพ เนื่องจากจอ OLED ของแอลจีใช้การทำงานของเม็ดพิกเซล 4 สี (RGBW) ทำให้ไม่ต้องใช้เม็ดพิกเซลหลายสีรวมกันเป็นสีขาว
จึงเกิดอาการ Burn-in ได้ยากกว่าทีวีที่ใช้งานเม็ดพิกเซลเพียงแค่ 3 สี (RGB) เพราะเม็ดพิกเซลต้องรวมตัวกันแสดงสีขาว จึงเกิดการความร้อนสะสมได้มากกว่า และทำให้เกิดการ Burn-in ได้ง่ายกว่า ซึ่งคุณภาพที่เชื่อถือได้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แอลจีครองสถานะผู้นำนวัตกรรมทีวี OLED มาตลอด 10 ปี
ไลฟ์สไตล์ทีวีดีไซน์สวย ลงตัวกับทุกการใช้งาน
ในปี 2566 แอลจียังก้าวเข้าสู่ตลาดไลฟ์สไตล์ทีวีอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบและความลงตัวกับการตกแต่งบ้าน จึงได้เปิดตัวทีวี LG OLED Posé ขนาด 55 นิ้ว ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงามลงตัวทุกมุมมอง
และมอบคุณภาพของภาพที่สวยคมชัดด้วยหน้าจอ OLED evo นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว LG StanbyME จอสัมผัสเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระด้วยล้อลากและแบตเตอรี่ในตัว และจอภาพที่ออกแบบมาให้ปรับหมุนได้ จึงตอบโจทย์เทรนด์การรับชมสตรีมมิ่งคอนเทนต์จากแอปพลิเคชันต่างๆ เหมาะสำหรับการรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงได้จากทุกพื้นที่ภายในบ้าน
เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ
ทีวีแอลจีรุ่นปี 2566 ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ webOS 23 ทำให้อินเทอร์เฟซการใช้งานของทีวีมีความเรียบง่ายและเป็นสัดส่วนมากขึ้น การจัดหน้าจอแบบ Quick Cards ช่วยให้ผู้ชมค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ต้องการได้ง่ายกว่าเดิม ฟีเจอร์ Quick Settings ยังช่วยให้ตั้งค่าฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปเลือกจากเมนูเต็มรูปแบบทุกครั้ง นอกจากนี้เมนู Home Hub ยังรองรับการเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ IoT ภายในบ้านอย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน LG ThinQ และมีฟีเจอร์ Game Optimizer ที่สามารถตั้งค่าการเล่นได้โดยไม่ต้องเสียเวลาหยุดหรือออกจากเกม จึงเพลิดเพลินกับเกมสุดสนุกได้อย่างไม่ขาดตอน
ทั้งหมดนี้ LG ได้เคาะราคาทีวีใหม่ดังนี้
- LG OLED evo 4K ซีรีส์G2 ขนาด 97 นิ้ว ราคา 999,990 บาท
- LG StanbyME ราคา44,990 บาท
- LG OLED Posé 55” ราคา 67,990 บาท
- LG OLED 4 ซีรีส์11 รุ่น ได้แก่ Z3, G3, C3, และ B3 ในขนาด 48-88 นิ้ว พร้อมจำหน่ายแล้วในราคา 49,990 – 999,990 บาท
- LG QNED3 ซีรีส์ 10 รุ่น ได้แก่ LG QNED MiniLED ซีรีส์ QNED86 4K ซีรีส์ QNED80 4K และซีรีส์ QNED75 4K ในขนาด 55-86 นิ้ว ราคา 24,990 – 149,990 บาท
- LG NanoCell 2 ซีรีส์8 รุ่น และ LG UHD ทั้งหมด 4 ซีรีส์ 15 รุ่น ราคา 12,990 – 84,990 บาท
โดยเริ่มจำหน่ายแล้วในบางรุ่นกับผู้จำหน่ายทั่วไป
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ