รีวิว "Samsung Galaxy Watch 6" สมาร์ทวอชท์ จอใหญ่กว่าเดิม แต่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ในรอบนี้ สำหรับคนที่มองหา Smart Watch เรือนใหม่ของ Samsung ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่ารุ่นนี้จะดีไหม วันนี้พบกับรีวิว Samsung Galaxy Watch 6 รุ่นเริ่มต้นที่มีจุดเด่นมากมายและมันจะน่าใช้แค่ไหน มาเริ่มกันเลยครับ
รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy Watch 6 / Watch 6 Classic
- ขนาด
- Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร : 38.8 x 40.4 x 9 มม.
- Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร : 42.8 x 44.4 x 9 มม.
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร : 42.5 x 42.5 x 10.9 มม.
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร : 46.5 x 46.5 x 10.9 มม.
- น้ำหนัก
- Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร : 28.7 กรัม
- Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร : 33.3 กรัม
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร : 52 กรัม
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร : 59 กรัม
- สี
- Galaxy Watch 6 : Graphite, เงิน
- Galaxy Watch 6 Classic : เงิน และ สีดำ
- หน้าจอ
- Samsung Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 432 x 432 พิกเซล
- Samsung Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
- Samsung Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 432 x 432 พิกเซล
- Samsung Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 44 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
- วัสดุ
- ตัวเรือน : Galaxy Watch 6 ทำจาก อลูมิเนียม | Galaxy Watch 6 Classic ทำจาก สแตนเลส สตีล
- สายมีทั้งแบบยาง, ผ้า, หนัง Vegan และ โลหะ
- ระบบปฏิบัติการ : WearOS + One UI 5
- ปุ่มกด : มี 2 ปุ่มฝั่งขวา ปุ่มบนสำหรับสั่งงานปิด / ปิด และสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มล่างเป็น Quick Menu
- ระบบตรวจจับ
- Accelerometer
- gyro
- compass
- Heart Rate Sensor (ECG, Blood Pressure)
- barometer
- thermometer
- ระบบวัดอุณภูมิทางผิวหนัง
- GPS
- ระดับการกันน้ำ : 5 ATM water resistant ลงน้ำได้ 5 - 10 เมตร
- การเชื่อมต่อ :
- Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3
- Wi-Fi AC
- 4G (เฉพาะรุ่น Classic eSIM)
- รองรับกับมือถือ : Android (ต้องลง Apps Galaxy Wearable)
- แบตเตอรี่
- Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร: 300 mAh (ขนาด 40 มิลลิเมตร)
- Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร: 425 mAh (ขนาด 44 มิลลิเมตร)
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร : 300 mAh (ขนาด 43 มิลลิเมตร)
- Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร : 425 mAh (ขนาด 47 มิลลิเมตร)
- ระบบชาร์จไฟ : ไร้สาย รองรับกำลังสูงสุด 10W
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Watch 6
สำหรับรอบนี้ทีม Sanook Hitech ได้รับเป็นรุ่นพื้นฐานสุด ที่ออกแบบดูสปอร์ดและดูพร้อมให้คุณใส่ออกกำลังกายมากกว่า เริ่มต้นกับขนาดตัวหน้าจอที่ 40 มิลลิเมตร (จริงๆ จะมีขนาด 44 มิลลิเมตร ให้เลือกด้วย) ความแตกต่างที่เห็นได้ทันทีคือหน้าจอของ Galaxy Watch 6 จะมีขนาดใหญ่กว่า Watch 5 และ Watch 4 เพราะขอบหน้าจอจะชิดมากยิ่งขึ้น ครอบทับด้วยกระจก Sapphire Crystal Glass
รอบตัวเรือนยังคงเป็นวัสดุอลูมิเนียม โดยมีให้เลือกพื้นฐาน 2 สีคือ สีเงิน และ สีดำเท่านั้น ทั้งนี้เครื่องที่ได้มาลองเป็นสายสีดำ และ ตัวเรือนสีเงิน ช่วยให้ดูเข้มแบบแมนๆ ฝั่งซ้ายข้างใต้จะมีลำโพงในตัว
ฝั่งขวาของจะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟน, ปุ่มกดโดยปุ่มบนเป็นปุ่มที่มีเครื่องหมายสีแดงจะเพื่อกดสั่งงานระบบคำสั่งเสียง ส่วนปุ่มล่างจะไว้ สำหรับใช้กดเมนูลัดได้เช่นเดียวกัน
ด้านบนและล่างจะมีที่อยู่ของสาย และมีไมโครโฟนอีกจุดที่อยู่ด้านบนอีกตัว
พลิกมาด้านล่างจะมาพร้อมกับระบบวัดชีพจร ที่รอบนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะยังมีฟีเจอร์ตรวจจับสุขภาพได้รอบตัว ซึ่งสามารถจับได้ทั้ง ECG, เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวที่ทำงานร่วมกับระบบเตือนการล้มหรือ Fall Detection ด้วย และอีกสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนในส่วนนี้คือสาย เดิมที่การเปลี่ยนสายเขาบอกว่าทำได้ยากเพราะต้องปลดเดือยเพื่อเปลี่ยน แต่ว่าครั้งของ Samsung ถูกเปลี่ยนเป็นแบบกดแทน
ส่วนตัวสายนั้นเปลี่ยนไปเพราะรอบนี้การปลดสายทำได้ง่ายเพราะใช้ปุ่มกด ซึ่งรอบนี้ไเราได้มาเป็นเวอร์ชั่นจริง ทำให้การกดนั้นทำได้ง่าย แต่พูดตรงๆ ว่าปุ่มมันเเล็กไปหน่อยทำให้การกดนั้นค่อนข้างยากหากไม่ได้มีเล็บไว้กด แต่ข่าวดีใครที่มีสายเดิมหรืออยากเปลี่ยนสายทั่วไป ยังทำได้เหมือนเดิม แค่หาสายขนาด 20 มิลลิเมตร มาก็พอแล้ว และมีสายให้เลือกเยอะหลากหลายรูปแบบอีกเช่นเคย
ความแตกต่างจาก Samsung Galaxy Watch 6 Classic
เรื่องนี้จะต้องพูดกันสักหน่อยเพราะจริงๆ มันจะมีความแตกต่างอยู่สำหรับคนที่สงสัยว่ารุ่นไหนจะเหมากับคุณเพราะปีนี้ตัวเลือกอย่างตัวท็อปจะเป็น Classic สิ่งที่แตกต่างกันนั่นคือ
- ตัวเรือนเป็นแบบสแตนเลสสติล
- ขนาดของเรือนจะเริ่มต้น 43 มิลลิเมตร จบที่ 47 มิลลิเมตร ถือว่าใหญ่กว่ารุ่นปกติ
- วงแหวน ที่เพิ่มขึ้นมาทำหน้าที่แทนการหมุนแทน
- ราคาตัวเรือนเริ่มต้น 13,900 บาท
น้ำหนัก / การสวมใส่
ถือว่าไม่ได้แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ทำให้ในเรื่องของการ แต่การสวมใส่ยังทำได้ง่ายเหมือนเดิม ทั้งคนมือเล็กและมือใหญ่ ทั้งนี้ความง่ายการถอดสายอาจจะทำให้คุณเปลี่ยนสายได้มากขึ้น
การเชื่อมต่อกับมือถือ
สำหรับการเชื่อมต่อของ Samsung Galaxy Watch 6 ยังคงต้องใช้ Application อย่าง Galaxy Wearable ถ้าเป็นมือถือ Samsung เองจะมีติดตั้งมาให้อยู่แล้วแทบทุกรุ่น แต่ว่า ถ้าเป็นมือถือยี่ห้ออื่นต้องติดตั้ง Plug-in เพื่อให้สามารถส่ังงานได้ แต่อาจจะใช้งานไม่ได้ทุกฟังก์ชั่น ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ยังไม่สามารถทำได้
ฟีเจอร์ทั่วไปที่สามารถทำได้
มาดูในเรื่องฟีเจอร์ทั่วไป สำหรับ Samsung Galaxy Watch 6 จะใช้ One UI 5 สำหรับ Smart Watch และยังมีระบบปฏิบัติการ WearOS ใหม่ที่ทำให้การทำงานของเครื่องนั้นรวดเร็ว และยังดาวน์โหลด Application ผ่านทาง Google Play Store แทบทุก Apps โดยมีความจำภายใน 16GB และ RAM 2GB และขุมพลัง Exynos W930 ใหม่ สิ่งที่เพิ่มเติมก็คือ
- Dynamic Watch Face เดิมทีเขาบอกว่าหน้าปัดเรียบไปและไม่มีอะไรให้เล่น สำหรับรอบนี้จะมีการขยับไปมาและเป็นแบบ Dynamic มากขึ้น
- สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ของ Samsung Galaxy ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดกล้องสั่งถ่ายภาพและแสดงผลภาพได้ทันที
- Widget มีให้เลือกมากขึ้นและทำงานร่วมกับ Apps ได้
- สามารถยิ่งภาพจากกล้องมือถือมาที่ Smart Watch ได้ลื่นไหลมากขึ้น โดยรุ่นปกติที่ได้รับมาสามารถซูมได้ผ่านขอบหน้าจอ แต่ถ้าเป็นรุ่น Classic จะหมุนที่วงแหวน
- การโทรสามารถคุยผ่านนาฬิกา และสามารถแยกเป็นอิสระจากกัน ในรุ่น eSIM โดยคุณเอา Galaxy Buds มาต่อเชื่อมกับนาฬิกาได้ในตัว
- ทำงานตามโหมดของมือถือได้ แถมยังเชื่อมต่อกับ Smart Things ได้
ทั้งนี้รุ่นเก่าไม่ต้องน้อยใจเพราะถ้าคุณอัปเดต One UI 5 ตามกำหนดที่ออกมา จะได้ฟีเจอร์แบบนี้ทั้งหมด
ฟีเจอร์การดูแลสุขภาพ
นอกจากฟีเจอร์ทั่วไปที่จัดหนักกว่าเดิมแล้ว มาดูฟีเจอร์ในเรื่องการดูแลสุขภาพกันบ้างดีกว่าเพราะในรอบนี้ก็มีฟีเจอร์ที่จัดหนักกว่าเดิม ตั้งแต่ฟีเจอร์การออกำลังกายที่สามารถตั้งค่าได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะเป็นโหมดให้กดที่สามารถเลือกได้มากและคาดว่าจะเกิน 100 แบบ แต่ว่าการออกแบบ icon ใหม่น่าดูกว่าเดิม แถมยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในร่ม, การวิ่งในร่วม, การออกกำลังกายการแจ้ง แตกต่างดังนี้
- ในร่มจะไม่มีการบอกอะไรนอกจากการเผาพลาน, จัดงหวะการเต้นของหัวใจ
- วิ่งในร่วมจะมีการนับจำนวนก้าวได้
- กลางแจ้งจะมีการบอกพิกัด GPS, จำนวนก้าว, ความเร็ว การวิ่ง, บอกค่า Pace ได้
นอกจากนี้ในเรื่องการดูแลสุขภาพอื่นๆ ยังมีมาให้ครบๆ ได้แก่
- ระบบวัดชีพจรทำได้ทั้ง
- ECG ระบบวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า
- ระบบวัดความดันหรือ Blood Pressure ที่ทำงานร่วมกับเครื่องวัดความดัน,
- Smart Fall Detection ตรวจจับการลื่นล้ม ถ้าเกิดขึ้นระบบจะส่งข้อความช่วยเหลือไปยังหมายเลขที่ใส่ทันที
- วัดอุณหภูมิผิวหนังได้
- ระบบตรวจจับการนอนที่สามารถวัดได้ทั้ง เสียงกรน, บอกคะแนนเพื่อให้สามาถรวัดว่าต้องปรับปรุงการนอนอย่างไร
- ระบบตรวจจับไขมันในตัว โดยการแตะที่ปุ่มสั่งงานข้างขวา
- โปรแกรมตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ และ สามารถเลือกเพิ่มเติมได้ด้วย
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
เห็นตัวเล็กแค่ 40 มิลลิเมตร แบบนี้ ยังให้แบตเตอรี่ขนาด 300 mAh โดยเปิดให้มีการแจ้งเตือน และออกกำลังกายพบว่าจะต้องไปชาร์จไฟทันที แต่ถ้าใช้แค่ Mode Smart Watch จะอยู่ได้ที่ 2 วันถือว่านานอยู่ แต่อาจจะไม่ได้นานเท่ากับ Galaxy Watch 5 Pro หรือ Galaxy Watch 6 Classic รวมถึงรุ่นใหญ่อย่างขนาด 44 มิลลิเมตร
ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับกำลังสูงสุด 10W โดยสายชาร์จติดกล่องจะเป็นสาย USB-C เพื่อทำให้จ่ายไฟได้เร็ว แต่ถ้าใช้ของเดิม ก็ทำได้ แต่ความเร็ว ยังทำได้ 5W อาจจะใช้ระยะเวลาชาร์จไฟนานหน่อย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ใช้งานจริงกับ Samsung Galaxy Watch 6
โดยรวมแล้วสำหรับ Samsung Galaxy Watch 6 รอบนี้มีให้เลือกทั้งแบบหรูหราอย่าง Classic ที่ได้พรีวิวไป แต่สำหรับคนที่ต้องการเน้นความสปอร์ด เรียบง่ายและเน้นความแกร่งกับกระจก Sapphire Crystal Glass เรียกได้ว่าเรียบหรู เน้นจอใหญ่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทั้งชิปใหม่ ความเร็วที่สูงขึ้น และระบบชาร์จไฟเร็วมากขึ้น ถ้าใครไม่ต้องการดูหรูเกินไปหรือไม่ชอบวงแหวน รุ่นปกติก็เพียงพอแล้ว
ส่วนราคาของ Samsung Galaxy Watch 6 Series ที่วางจำหน่ายมีดังนี้
- Samsung Galaxy Watch6 40 mm.
- Bluetooth Wi-Fi : 9,900 บาท
- Samsung Galaxy Watch6 44 mm.
- Bluetooth Wi-Fi : 11,900 บาท
- Samsung Galaxy Watch6 Classic 43 mm.
- Bluetooth Wi-Fi : 13,900 บาท
- LTE : 14,900 บาท
- Samsung Galaxy Watch6 Classic 47 mm.
- Bluetooth Wi-Fi : 15,900 บาท
- LTE : 16,900 บาท.
ทั้งนี้ใครที่ซื้อ Samsung Galaxy Z Fold5 และ Galaxy Z Flip5 รวมถึง Tab S9 Series จะยังได้ลด 30% ถือว่าคุ้มมากๆ เลยทีเดียว และตอนนี้ก็วางจำหน่ายแล้ว วันนี้ดังนั้น ถ้าใครใช้มือถือ Samsung และอยากได้ Smart Watch แบบครบทุกสิ่งและเข้ากับอุปกรณ์ได้ดี Galaxy Watch 6 ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ
จุดเด่น
- จอใหญ่มากขึ้นแม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดก็ตาม
- ชิปใหม่ทำงานได้ว่องไว
- โปรแกรมดูแลสุขภาพจัดเต็ม
- ควบคุมกล้องผ่านมือถือและสั่งซูมได้
- เปลี่ยนสายได้ง่ายมากขึ้น
- เข้ากับ Eco System ของ Samsung ได้ดี
ข้อสังเกต
- ความแตกต่างในภาพรวมไม่ต่างกันเท่าไหร่
- ข้อจำกัดกับการใช้งานกับมือถือต่างค่ายยังเห็นได้ชัดเจน
อัลบั้มภาพ 24 ภาพ