รีวิว "Samsung Galaxy Watch 6" สมาร์ทวอชท์ จอใหญ่กว่าเดิม แต่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ

รีวิว "Samsung Galaxy Watch 6" สมาร์ทวอชท์ จอใหญ่กว่าเดิม แต่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ

รีวิว "Samsung Galaxy Watch 6" สมาร์ทวอชท์ จอใหญ่กว่าเดิม แต่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ในรอบนี้ สำหรับคนที่มองหา Smart Watch เรือนใหม่ของ Samsung ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่ารุ่นนี้จะดีไหม วันนี้พบกับรีวิว Samsung Galaxy Watch 6 รุ่นเริ่มต้นที่มีจุดเด่นมากมายและมันจะน่าใช้แค่ไหน มาเริ่มกันเลยครับ

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy Watch 6 / Watch 6 Classic

  • ขนาด
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร  : 38.8 x 40.4 x 9 มม.
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร  : 42.8 x 44.4 x 9 มม.
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร  : 42.5 x 42.5 x 10.9 มม.
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร  : 46.5 x 46.5 x 10.9 มม.
  • น้ำหนัก
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร  : 28.7 กรัม
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร  : 33.3 กรัม
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร  : 52 กรัม
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร  : 59 กรัม
  • สี
    • Galaxy Watch 6 : Graphite, เงิน
    • Galaxy Watch 6 Classic : เงิน และ สีดำ
  • หน้าจอ
    • Samsung Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 432 x 432 พิกเซล 
    • Samsung Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
    • Samsung Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 432 x 432 พิกเซล 
    • Samsung Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 44 มิลลิเมตร จะได้หน้าจอขนาด 1.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
  • วัสดุ 
    • ตัวเรือน :  Galaxy Watch 6 ทำจาก อลูมิเนียม | Galaxy Watch 6 Classic ทำจาก สแตนเลส สตีล
    • สายมีทั้งแบบยาง, ผ้า, หนัง Vegan และ โลหะ
  • ระบบปฏิบัติการ : WearOS + One UI 5
  • ปุ่มกด : มี 2 ปุ่มฝั่งขวา ปุ่มบนสำหรับสั่งงานปิด / ปิด และสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มล่างเป็น Quick Menu
  • ระบบตรวจจับ
    • Accelerometer
    • gyro
    • compass
    • Heart Rate Sensor (ECG, Blood Pressure)
    • barometer
    • thermometer
    • ระบบวัดอุณภูมิทางผิวหนัง
    • GPS
  • ระดับการกันน้ำ : 5 ATM water resistant ลงน้ำได้ 5 - 10 เมตร
  • การเชื่อมต่อ :
    • Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3
    • Wi-Fi AC
    • 4G (เฉพาะรุ่น Classic eSIM)
  • รองรับกับมือถือ : Android (ต้องลง Apps Galaxy Wearable)
  • แบตเตอรี่
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 40 มิลลิเมตร: 300 mAh (ขนาด 40 มิลลิเมตร)
    • Galaxy Watch 6 ขนาด 44 มิลลิเมตร: 425 mAh (ขนาด 44 มิลลิเมตร)
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 43 มิลลิเมตร :  300 mAh (ขนาด 43 มิลลิเมตร)
    • Galaxy Watch 6 Classic ขนาด 47 มิลลิเมตร : 425 mAh (ขนาด 47 มิลลิเมตร)
  • ระบบชาร์จไฟ : ไร้สาย รองรับกำลังสูงสุด 10W

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Watch 6

batch_dsc09856

สำหรับรอบนี้ทีม Sanook Hitech ได้รับเป็นรุ่นพื้นฐานสุด ที่ออกแบบดูสปอร์ดและดูพร้อมให้คุณใส่ออกกำลังกายมากกว่า เริ่มต้นกับขนาดตัวหน้าจอที่ 40 มิลลิเมตร (จริงๆ จะมีขนาด 44 มิลลิเมตร ให้เลือกด้วย) ความแตกต่างที่เห็นได้ทันทีคือหน้าจอของ Galaxy Watch 6 จะมีขนาดใหญ่กว่า Watch 5 และ Watch 4 เพราะขอบหน้าจอจะชิดมากยิ่งขึ้น ครอบทับด้วยกระจก Sapphire Crystal Glass

batch_dsc09863

รอบตัวเรือนยังคงเป็นวัสดุอลูมิเนียม โดยมีให้เลือกพื้นฐาน 2 สีคือ สีเงิน และ สีดำเท่านั้น ทั้งนี้เครื่องที่ได้มาลองเป็นสายสีดำ และ ตัวเรือนสีเงิน ช่วยให้ดูเข้มแบบแมนๆ ฝั่งซ้ายข้างใต้จะมีลำโพงในตัว

batch_dsc09865

ฝั่งขวาของจะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟน, ปุ่มกดโดยปุ่มบนเป็นปุ่มที่มีเครื่องหมายสีแดงจะเพื่อกดสั่งงานระบบคำสั่งเสียง ส่วนปุ่มล่างจะไว้ สำหรับใช้กดเมนูลัดได้เช่นเดียวกัน

batch_dsc09860
batch_dsc09875

ด้านบนและล่างจะมีที่อยู่ของสาย และมีไมโครโฟนอีกจุดที่อยู่ด้านบนอีกตัว

batch_dsc09869

พลิกมาด้านล่างจะมาพร้อมกับระบบวัดชีพจร ที่รอบนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะยังมีฟีเจอร์ตรวจจับสุขภาพได้รอบตัว ซึ่งสามารถจับได้ทั้ง ECG, เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวที่ทำงานร่วมกับระบบเตือนการล้มหรือ Fall Detection ด้วย และอีกสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนในส่วนนี้คือสาย เดิมที่การเปลี่ยนสายเขาบอกว่าทำได้ยากเพราะต้องปลดเดือยเพื่อเปลี่ยน แต่ว่าครั้งของ Samsung ถูกเปลี่ยนเป็นแบบกดแทน

batch_dsc09878
batch_dsc09881

ส่วนตัวสายนั้นเปลี่ยนไปเพราะรอบนี้การปลดสายทำได้ง่ายเพราะใช้ปุ่มกด ซึ่งรอบนี้ไเราได้มาเป็นเวอร์ชั่นจริง ทำให้การกดนั้นทำได้ง่าย แต่พูดตรงๆ ว่าปุ่มมันเเล็กไปหน่อยทำให้การกดนั้นค่อนข้างยากหากไม่ได้มีเล็บไว้กด แต่ข่าวดีใครที่มีสายเดิมหรืออยากเปลี่ยนสายทั่วไป ยังทำได้เหมือนเดิม แค่หาสายขนาด 20 มิลลิเมตร มาก็พอแล้ว และมีสายให้เลือกเยอะหลากหลายรูปแบบอีกเช่นเคย

batch_20230729_192043

batch_p1090451

ความแตกต่างจาก Samsung Galaxy Watch 6 Classic

เรื่องนี้จะต้องพูดกันสักหน่อยเพราะจริงๆ มันจะมีความแตกต่างอยู่สำหรับคนที่สงสัยว่ารุ่นไหนจะเหมากับคุณเพราะปีนี้ตัวเลือกอย่างตัวท็อปจะเป็น Classic สิ่งที่แตกต่างกันนั่นคือ

  • ตัวเรือนเป็นแบบสแตนเลสสติล
  • ขนาดของเรือนจะเริ่มต้น 43 มิลลิเมตร จบที่ 47 มิลลิเมตร ถือว่าใหญ่กว่ารุ่นปกติ
  • วงแหวน ที่เพิ่มขึ้นมาทำหน้าที่แทนการหมุนแทน
  • ราคาตัวเรือนเริ่มต้น 13,900 บาท

batch_p1090459

น้ำหนัก / การสวมใส่

batch_dsc09885_1

ถือว่าไม่ได้แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ทำให้ในเรื่องของการ แต่การสวมใส่ยังทำได้ง่ายเหมือนเดิม ทั้งคนมือเล็กและมือใหญ่ ทั้งนี้ความง่ายการถอดสายอาจจะทำให้คุณเปลี่ยนสายได้มากขึ้น

การเชื่อมต่อกับมือถือ

batch_wa1_1

สำหรับการเชื่อมต่อของ Samsung Galaxy Watch 6 ยังคงต้องใช้ Application อย่าง Galaxy Wearable ถ้าเป็นมือถือ Samsung เองจะมีติดตั้งมาให้อยู่แล้วแทบทุกรุ่น แต่ว่า ถ้าเป็นมือถือยี่ห้ออื่นต้องติดตั้ง Plug-in เพื่อให้สามารถส่ังงานได้ แต่อาจจะใช้งานไม่ได้ทุกฟังก์ชั่น ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ยังไม่สามารถทำได้

ฟีเจอร์ทั่วไปที่สามารถทำได้

batch_dsc09882

มาดูในเรื่องฟีเจอร์ทั่วไป สำหรับ Samsung Galaxy Watch 6 จะใช้ One UI 5 สำหรับ Smart Watch และยังมีระบบปฏิบัติการ WearOS ใหม่ที่ทำให้การทำงานของเครื่องนั้นรวดเร็ว และยังดาวน์โหลด Application ผ่านทาง Google Play Store แทบทุก Apps โดยมีความจำภายใน 16GB และ RAM 2GB และขุมพลัง Exynos W930 ใหม่ สิ่งที่เพิ่มเติมก็คือ 

  • Dynamic Watch Face เดิมทีเขาบอกว่าหน้าปัดเรียบไปและไม่มีอะไรให้เล่น สำหรับรอบนี้จะมีการขยับไปมาและเป็นแบบ Dynamic มากขึ้น 
  • สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ของ Samsung Galaxy ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดกล้องสั่งถ่ายภาพและแสดงผลภาพได้ทันที 
  • Widget มีให้เลือกมากขึ้นและทำงานร่วมกับ Apps ได้

batch_dsc09893

  • สามารถยิ่งภาพจากกล้องมือถือมาที่ Smart Watch ได้ลื่นไหลมากขึ้น โดยรุ่นปกติที่ได้รับมาสามารถซูมได้ผ่านขอบหน้าจอ แต่ถ้าเป็นรุ่น Classic จะหมุนที่วงแหวน
  • การโทรสามารถคุยผ่านนาฬิกา และสามารถแยกเป็นอิสระจากกัน ในรุ่น eSIM โดยคุณเอา Galaxy Buds มาต่อเชื่อมกับนาฬิกาได้ในตัว
  • ทำงานตามโหมดของมือถือได้ แถมยังเชื่อมต่อกับ Smart Things ได้

ทั้งนี้รุ่นเก่าไม่ต้องน้อยใจเพราะถ้าคุณอัปเดต One UI 5 ตามกำหนดที่ออกมา จะได้ฟีเจอร์แบบนี้ทั้งหมด

ฟีเจอร์การดูแลสุขภาพ 

นอกจากฟีเจอร์ทั่วไปที่จัดหนักกว่าเดิมแล้ว มาดูฟีเจอร์ในเรื่องการดูแลสุขภาพกันบ้างดีกว่าเพราะในรอบนี้ก็มีฟีเจอร์ที่จัดหนักกว่าเดิม ตั้งแต่ฟีเจอร์การออกำลังกายที่สามารถตั้งค่าได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะเป็นโหมดให้กดที่สามารถเลือกได้มากและคาดว่าจะเกิน 100 แบบ แต่ว่าการออกแบบ icon ใหม่น่าดูกว่าเดิม แถมยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในร่ม, การวิ่งในร่วม, การออกกำลังกายการแจ้ง แตกต่างดังนี้

  • ในร่มจะไม่มีการบอกอะไรนอกจากการเผาพลาน, จัดงหวะการเต้นของหัวใจ
  • วิ่งในร่วมจะมีการนับจำนวนก้าวได้
  • กลางแจ้งจะมีการบอกพิกัด GPS, จำนวนก้าว, ความเร็ว การวิ่ง, บอกค่า Pace ได้

นอกจากนี้ในเรื่องการดูแลสุขภาพอื่นๆ ยังมีมาให้ครบๆ ได้แก่ 

batch_health

  • ระบบวัดชีพจรทำได้ทั้ง
    • ECG ระบบวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า
    • ระบบวัดความดันหรือ Blood Pressure ที่ทำงานร่วมกับเครื่องวัดความดัน, 
    • Smart Fall Detection ตรวจจับการลื่นล้ม ถ้าเกิดขึ้นระบบจะส่งข้อความช่วยเหลือไปยังหมายเลขที่ใส่ทันที
    • วัดอุณหภูมิผิวหนังได้
  • ระบบตรวจจับการนอนที่สามารถวัดได้ทั้ง เสียงกรน, บอกคะแนนเพื่อให้สามาถรวัดว่าต้องปรับปรุงการนอนอย่างไร
  • ระบบตรวจจับไขมันในตัว โดยการแตะที่ปุ่มสั่งงานข้างขวา
  • โปรแกรมตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ และ สามารถเลือกเพิ่มเติมได้ด้วย

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

batch_20230819_234559

เห็นตัวเล็กแค่ 40 มิลลิเมตร แบบนี้ ยังให้แบตเตอรี่ขนาด 300 mAh โดยเปิดให้มีการแจ้งเตือน และออกกำลังกายพบว่าจะต้องไปชาร์จไฟทันที แต่ถ้าใช้แค่ Mode Smart Watch จะอยู่ได้ที่ 2 วันถือว่านานอยู่ แต่อาจจะไม่ได้นานเท่ากับ Galaxy Watch 5 Pro หรือ Galaxy Watch 6 Classic รวมถึงรุ่นใหญ่อย่างขนาด 44 มิลลิเมตร

ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับกำลังสูงสุด 10W โดยสายชาร์จติดกล่องจะเป็นสาย USB-C เพื่อทำให้จ่ายไฟได้เร็ว แต่ถ้าใช้ของเดิม ก็ทำได้ แต่ความเร็ว ยังทำได้ 5W อาจจะใช้ระยะเวลาชาร์จไฟนานหน่อย

สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ใช้งานจริงกับ Samsung Galaxy Watch 6

batch_dsc09860

โดยรวมแล้วสำหรับ Samsung Galaxy Watch 6 รอบนี้มีให้เลือกทั้งแบบหรูหราอย่าง Classic ที่ได้พรีวิวไป แต่สำหรับคนที่ต้องการเน้นความสปอร์ด เรียบง่ายและเน้นความแกร่งกับกระจก Sapphire Crystal Glass เรียกได้ว่าเรียบหรู เน้นจอใหญ่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทั้งชิปใหม่ ความเร็วที่สูงขึ้น และระบบชาร์จไฟเร็วมากขึ้น ถ้าใครไม่ต้องการดูหรูเกินไปหรือไม่ชอบวงแหวน รุ่นปกติก็เพียงพอแล้ว

ส่วนราคาของ Samsung Galaxy Watch 6 Series ที่วางจำหน่ายมีดังนี้

  •  Samsung Galaxy Watch6 40 mm.
    • Bluetooth Wi-Fi : 9,900 บาท
  • Samsung Galaxy Watch6 44 mm.
    • Bluetooth Wi-Fi : 11,900 บาท
  • Samsung Galaxy Watch6 Classic 43 mm.
    • Bluetooth Wi-Fi : 13,900 บาท
    • LTE : 14,900 บาท
  • Samsung Galaxy Watch6 Classic 47 mm.
    • Bluetooth Wi-Fi : 15,900  บาท
    • LTE : 16,900 บาท.

batch_20230810_113254

ทั้งนี้ใครที่ซื้อ Samsung Galaxy Z Fold5 และ Galaxy Z Flip5 รวมถึง Tab S9 Series จะยังได้ลด 30% ถือว่าคุ้มมากๆ เลยทีเดียว และตอนนี้ก็วางจำหน่ายแล้ว วันนี้ดังนั้น ถ้าใครใช้มือถือ Samsung และอยากได้ Smart Watch แบบครบทุกสิ่งและเข้ากับอุปกรณ์ได้ดี Galaxy Watch 6 ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ

จุดเด่น

  • จอใหญ่มากขึ้นแม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดก็ตาม
  • ชิปใหม่ทำงานได้ว่องไว
  • โปรแกรมดูแลสุขภาพจัดเต็ม
  • ควบคุมกล้องผ่านมือถือและสั่งซูมได้
  • เปลี่ยนสายได้ง่ายมากขึ้น
  • เข้ากับ Eco System ของ Samsung ได้ดี

ข้อสังเกต

  • ความแตกต่างในภาพรวมไม่ต่างกันเท่าไหร่
  • ข้อจำกัดกับการใช้งานกับมือถือต่างค่ายยังเห็นได้ชัดเจน

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ ของ รีวิว "Samsung Galaxy Watch 6" สมาร์ทวอชท์ จอใหญ่กว่าเดิม แต่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook