เปิดสเปก "Infinix ZERO 30 5G" มือถือที่สเปกกล้องสูงสุดจากค่ายนี้ มาเมืองไทยแน่นอน!!!

เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ Infinix ZERO 30 5G ที่เน้นเรื่องการอัปเกรดจาก ZERO 5G รอบนี้ขยับขยายการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60 FPS ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง กับสเปกใช้คำว่า ไว้ใจได้อยู่ มีรายละเอียดดังนี้

รายละเอียดสเปกของ Infinix ZERO 30 5G

• ขนาด: 164.5 x 75 x 7.9 มิลลิเมตร      
• น้ำหนักตัวเครื่อง: 185 กรัม      
• หน้าจอแสดงผล : AMOLED ขนาดหน้าจอ 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 2400 พิกเซล Refresh Rate 144Hz ความสว่างสูงสุด 950 nits
• มาตรฐานกัน : ไม่ได้ระบุ
• กระจกกันรอย : Gorilla Glass 5
• ชิปเซ็ต :  MediaTek Dimensity 8020 Octa Core  | GPU Mali-G77 MC9
• RAM : 8/12 GB         
• ROM : 256 GB         
• ความจำเสริม : ไม่ระบุ
• ระบบปฏิบัติการ:  Android 13 + XOS13
• WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 (Dual Band)      
• Bluetooth 5.2     
• เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G/5G 
• การบอกพิกัด : GPS, A-GPS
• กล้องหลัง 3 ตัว:          
• ตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล F/1.7, OIS, PDAF
• ตัวที่ สอง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา
• ตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (Macro)
• วิดีโอ 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps
• LED Flash
• กล้องหน้าเซลฟี่
• ความละเอียดกล้องหลัก: 50 ล้านพิกเซล  + PDAF, 
• ถ่ายวิดีโอ 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps, gyro-EIS
• LED Flash แบบซ่อน  
• รองรับ: สแกนใบหน้าแบบ 2D + ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
• ชนิดซิมการ์ด : nano SIM สามารถใส่ได้ 2 ช่อง
• ช่องเสียบ : USB-C
• แบตเตอรี่ : Li-Po 5000 mAh  
• ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย 68W เคลมว่าชาร์จ 0 - 80% ได้ในเวลา 30 นาที
• สี :  Rome Green, Golden Hour, Fantasy Purple

จุดเด่นของมือถือรุ่นนี้มีหลายสิ่งตั้งแต่การเลือกใช้หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ พร้อมกับ Refresh Rate 144Hz พร้อมกับการมีค่าการสัมผัสหน้าจอที่ 360 Hz ถือว่ารวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้กล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมกับ PDAF, OIS ในตัว, กล้องมุมกว้าง และ Macro Lens ติดตามแบบครบ

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซลจาก Samsung JN1 รองรับระบบ PDAF มาให้ด้วย

โหมดการถ่าย Mobile Vlog ที่โดดเด่นทำให้สามารถเลือกรูปแบบการถ่ายได้หลากหลายแถมยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS ได้ด้วย 

ทั้งนี้ยังได้สเปกเครื่องมาพร้อมกับขุมพลัง MediaTek Dimensity 8020 พร้อมกับ RAM 8 / 12GB และความจำ 256GB ที่ต้องมาติดตามกันว่าถ้าจำหน่ายในเมืองไทยจะได้สเปกความจำเท่าไหร่

กลับมาที่ตัวเครื่องนอกจากหน้าจอที่สวยงามแล้วรอบนี้มีให้เลือก  3 สีโดยสีเขียว ROME Green จะเป็นสีเดียวที่ด้านหลังจะเป็นแบบหนัง Vegan Leather แต่ที่เหลือก็จะเป็นสีธรรมดาทั้ง Golden Hour, Fantasy Purple เป็นต้น

ทั้งนี้ราคาในต่างประเทศตั้งไว้ที่ 339 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ ไม่เกิน 12,000 บาท ที่ลุ้นกว่าคือ รุ่นนี้วางจำหน่ายในเมืองไทยแน่นอน รอติดตามราคาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้