รีวิว 2 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวท็อปปี 2023 “DreameBot L20 Ultra” และ “Roborock S8 Pro Ultra”

ทำอะไรหลายอย่างจนขี้เกียจทำความสะอาดบ้านอยู่หรือเปล่า?
กำลังมองหาผู้ช่วยแบบฉลาดล้ำ มาช่วยดูแลความสะอาดภายในบ้านอยู่ใช่มั้ย?
หุ่นยนต์ทำความสะอาดแบบไหนจะเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์แสนยุ่งในยุคนี้?
หาเจอแล้ว ซื้อตัวไหนดี?

พอคิดจะมองหาผู้ช่วยแสนฉลาดมาช่วยทำความสะอาดบ้าน คำถามผุดขึ้นมาเยอะเลย วันนี้เลยขอรีวิวหุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวท็อปสองรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวมาในปี 2023 นี้ ในราคาที่ใกล้เคียงกัน อย่าง DreameBot L20 Ultra และ Roborock S8 Pro Ultra เดี๋ยวจะขอเล่าไปทีละรุ่น ตั้งแต่ดีไซน์ ระบบการทำความสะอาด ฟังก์ชั่นสุดล้ำ AI และตัวแท่นชาร์จ พร้อมราคา เอาไว้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ

DreameBot L20 Ultra

ดูดฝุ่น ถูพื้น ถูซ้ำในคราบหนัก ซักม็อบ อบม็อบแห้ง เติมและระบายน้ำได้อัตโนมัติ

1. ดีไซน์
   

   ตัวเครื่องสีดำ ตัดขอบทองดูพรีเมียม จัดวางมุมไหนก็เข้ากันดีกับบ้าน แท่นชาร์จมีถังเก็บน้ำดี น้ำเสีย อยู่ด้านบน พร้อมถังน้ำยาถูพื้น และที่เก็บแปรงทำความสะอาด ซึ่งตรงนี้จะมีระบบหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ DreameBot L20 Ultra จะมีระบบเติมน้ำ และระบบการระบายน้ำอัตโนมัติ! ส่วนด้านหน้าเปิดมาจะเป็นช่องสำหรับถุงเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ถึง 3.2 ลิตร และมีช่องสำหรับเก็บอะไหล่ถุงอยู่ในตัว (ไม่ต้องแยกเก็บให้หาไม่เจอ) ซึ่งดีไซน์ช่องต่างๆ ออกแบบมาอย่างดีดูลงตัวน่าใช้งานมาก
   
   

2. ระบบทำความสะอาด
   

   - แรงดูดทรงพลังถึง 7000Pa ซึ่งเท่าที่เห็นมา นี่ถือว่ามีกำลังในการดูดที่แรงที่สุดของหุ่นยนตร์ดูดฝุ่นในตอนนี้เลยก็ว่าได้
   
   
   

   - แผ่นม็อบคู่ ใช้แรงกดแบบวน เป็นระบบที่ทำให้ตัวม็อบสามารถหมุนพร้อมกดได้ใกล้เคียงกับการใช้มือถู เข้าถึงซอกมุมต่างๆ ได้ดี ทำให้การทำความสะอาดได้มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว ในตัวหุ่นยนต์ยังสามารถเก็บน้ำและปล่อยน้ำออกมา ตลอดระยะการทำความสะอาด ทำให้ผ้าม็อบเปียกอยู่เสมอ
   - ทำความสะอาดแบบชิดขอบผนังกำแพงได้ถึง 2 มม. โดย DreameBot L20 Ultra ถือว่าเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดรุ่นแรกเลยที่มีแขนยืดแผ่นม็อบออกมาเพื่อทำความสะอาดได้ เมื่อไปเจอซอกซอยที่เข้าไม่ถึง
   
   
   - ถ้าเจอการทำความสะอาดบริเวณที่มีความสกปรกมากๆ หรือเจอคราบหนักๆ ก็จะมีการถูกซ้ำ แล้วเมื่อตรวจเจอความสกปรกของแผ่นม็อบ ก็จะมีการซักซ้ำ 2 ครั้งให้โดยอัตโนมัติ
   - ในการทำความสะอาดพรม ถ้าเลือกโหมดถอดม็อบไว้ DreameBot L20 Ultra ก็จะถอดม็อบไว้ในแท่นชาร์จอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่ได้เลือกโหมดถอดม็อบไว้ เมื่อเจอพรม หุ่นยนต์ก็จะทำการยกตัวแผ่นม็อบขึ้นได้ถึง 10.5 มม. ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดที่หุ่นยนต์ทำความสะอาดทำได้ในตอนนี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องพรมเปียกชื้นอีกแล้ว
   
   

3. ฟังก์ชัน AI
   

   - DreameBot L20 Ultra มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับสุดล้ำ อย่าง LiDAR NAVIGATION สแกนพื้นที่เพื่อนำทาง, เลเซอร์ตรวจจับวัตถุ และโครงสร้างแบบ 3 มิติ เพื่อหลบสิ่งกีดขวางระหว่างการทำงาน ประมวลผลร่วมกับระบบ AI ที่ช่วยตรวจจับสิ่งสกปรก และระบุชนิดสิ่งของได้ถึง 55 ชนิด รวมถึง LED Night Vision การส่องไฟอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่มืด ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็น และทำความสะอาดในที่มืดได้ดีขึ้นด้วย
   
   
   - เชื่อมต่อกับแอป Dreamehome สั่งงานได้ทุกที่ทุกเวลา เข้าโหมดวิดีโอ บังคับสั่งงานหุ่นยนต์ในการช่วยดูแลบ้าน และคุยออนไลน์ได้ ถ้าบ้านไหนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ก็ส่งเจ้าหุ่นยนต์ DreameBot ไปเล่นตอนไม่อยู่บ้านได้ด้วยนะ รวมถึงการสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะโดย Google, Alexa หรือ Siri ได้ด้วย

4. แท่นชาร์จ
   

   - ซักม็อบ และอบแห้งอัตโนมัติด้วยการเป่าลมร้อนผ่านท่อลมคู่ ผ้าแห้งสนิทดี ไม่มีกลิ่นอับ
   
   
   - ในการทำความสะอาดแท่นชาร์จ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้สะดวกมาก มีอุปกรณ์ในการทำความสะอาดเก็บไว้ในตัวเครื่องหยิบใช้ง่ายอีกด้วย
   
   
   - ถุงเก็บฝุ่น ขนาด 3.2 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 75 วัน
   - ถังเก็บน้ำ ขนาด 4.5 ลิตร โดย DreameBot L20 Ultra มีรุ่นที่รองรับการเติมน้ำ เทน้ำได้เองแบบอัตโนมัติ

5. ราคาและความประทับใจ
   

   ในส่วนที่ประทับใจก็คงเป็นเรื่องของการยืดแผ่นม็อบออกมาทำความสะอาดได้ชิดผนังชิดกำแพงได้มากๆ แล้วพอเจอจุดที่สกปรกมากๆ ก็มีการถูซ้ำๆ ทำงานเหมือนคนจริงๆ เลย สำหรับราคาของ DreameBot L20 Ultra อยู่ที่ 36,990 บาท แต่ถ้ามีการเพิ่มชุดเติมน้ำท่อน้ำทิ้ง ราคาก็จะเป็น Dreame Bot L20 Ultra และชุดเติมน้ำท่อน้ำทิ้ง 43,990 บาท

   
   

Roborock S8 Pro Ultra

ดูดฝุ่น ถูพื้นด้วยแรงสั่นสะเทือน เติมน้ำ ซักผ้า เป่าลมร้อน ทำความสะอาดแท่นอัตโนมัติ

1. ดีไซน์

   ตัวเครื่องสีขาวตัดดำดูเท่ แท่นชาร์จมาพร้อมถังน้ำเสีย น้ำสะอาด ถุงเก็บฝุ่นที่ดีไซน์การจัดเก็บออกมาได้อย่างลงตัว ตัวถังเก็บน้ำมีหูจับ ดึงออกมาเติมน้ำ หรือทำความสะอาดถังน้ำเสียได้ง่าย ส่วนถังเก็บฝุ่น มีฝาปิดมิดชิด ด้านในเป็นถุงเก็บฝุ่นใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องคอยทำความสะอาดให้เสียเวลา 
   
   

2. ระบบทำความสะอาด

   - แรงดูด 6000 Pa ที่มาพร้อมระบบ VibraRise 2.0 ที่ใช้แรงสั่นสะเทือนในการถูกว่า 3,000 ครั้ง ใน 1 นาที
   - ทำความสะอาดด้วยแปรงคู่แบบ DuoRoller Riser โดยมีวัสดุทำด้วยยางเพื่อลดโอกาสพันของเส้นผมหรือขนสัตว์ได้ดีขึ้น พร้อมแผ่นม็อบขนาดใหญ่
   
   
   - ตัวหุ่นยนต์ ยังสามารถตรวจจับพรม โดยจะยกแผ่นม็อบขึ้นได้ 5 มม. ไม่ต้องกังวลว่าพรมจะชื้นจากผ้าถูพื้น และยังสามารถตั้งให้มีการเพิ่มกำลังแรงดูดบนพรม หรือจะตั้งเป็นโหมดหลีกเลี่ยงพรมก็ได้ด้วยนะ
   
   

3. ฟังก์ชั่น AI
   

   - หุ่นยนต์ Roborock S8 Pro Ultra มีเซ็นเซอร์ LiDAR สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ โดยมีกล้อง Reactive 3D จับวัตถุแบบสามมิติได้ แต่แยกแยะวัตถุแบบละเอียดไม่ได้
   
   
   - มี AI ในการจดจำซอกมุมที่เคยเข้าไปติดบ่อยๆ จนมนุษย์ต้องเข้าไปช่วยเหลือ เจ้าหุ่นยนต์นี้ก็จะมีการเรียนรู้และไม่เข้าไปอีกในที่สุด
   - เชื่อมต่อสั่งงานได้ด้วยแอป Roborock

4. แท่นชาร์จ
   

   - ซักม็อบและอบแห้งอัตโนมัติด้วยระบบเป่าแห้งลมร้อน อาจจะใช้เวลาเป่านานแต่ผ้าก็แห้งสนิท ไม่มีกลิ่นอับชื้น แต่เราต้องทิ้งน้ำเสียด้วยตัวเอง
   
   
   - มีฟังก์ชั่นทำความสะอาดแท่นชาร์จอัตโนมัติ
   - ถุงเก็บฝุ่น ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 49 วัน
   - ถังเก็บน้ำ ขนาด 2.7 ลิตร

5. ราคาและความประทับใจ
   

   สำหรับ Roborock S8 Pro Ultra ที่ออกมาก่อนไม่กี่เดือน เปิดมาในราคา 34,999 บาท เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีความอัจฉริยะ มีการเรียนรู้จุดที่ทำให้ติดขัดและไม่เข้าไปติดอีกในที่สุด มนุษย์อย่างเราก็ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือในช่วงแรกๆ แล้วก็ยังสามารถทำความสะอาดแท่นชาร์จได้เอง แต่ในเรื่องการเติมน้ำ ถึงแม้ว่าตัวหุ่นยนต์จะวิ่งกลับมาเติมน้ำเอง แต่หน้าที่การเติมน้ำ เทน้ำทิ้งของแท่นชาร์จยังเป็นของเราที่ต้องทำเองอยู่

สามจุดเด่นของ L20 Ultra อย่างการยืดม็อบที่ช่วยแก้ปัญหาเครื่องดูดฝุ่นไม่สามารถทำความสะอาดในซอกมุมได้, การซักซ้ำและการถูซ้ำ ที่ใกล้เคียงกับการทำงานของมนุษย์จริงๆ, แรงดูดสูงสุดถึง 7000 pa ทั้งหมดนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในตลาดเครื่องดูดฝุ่น โดยทั้งสองรุ่นมีราคาที่ใกล้เคียงกัน สามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบของแต่ละบุคคลได้เลย

L20 Ultra 
Shopee：https://bit.ly/44RiSFV
Lazada：https://bitly.ws/UHpF

[Advertorial]