[รีวิว] ASUS Zenbook S 13 OLED (UM5302LA-LV755WS) บางเฉียบ เบาหวิว แต่แรงแซ่บสไตล์ AMD
กลับมาพบกับรีวิว Gadget สุดล้ำจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้เราจะมาแกะกล่องทดลองใช้ ASUS Zenbook รุ่นใหม่กับรหัส UM5302 รุ่นใหม่ล่าสุดที่น้ำหนักเบาหวิวและสเปกถือว่าแรงใช้ไดืมันดีแค่ไหน เรามารับชมกันเลย
รายละเอียดสเปกของ ASUS Zenbook S 13 (UM5302LA-LV755WS)
- ขนาด : 29.67 x 21.05 x 1.49 ~ 1.49 เซนติเมตร
- หนัก : 1 กิโลกรัม
- มาตรฐานความแกร่ง US MIL-STD 810H military-grade
- หน้าจอ : 13.3 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) สัดส่วน 16:10
- ชิปเซ็ตประมวลผล : AMD Ryzen™ 7 7840U Mobile Processor 3.0GHz (8-core/16-thread, 16MB cache, up to 5.1GHz max boost)
- ชิปประมวลผลกราฟิก : AMD Radeon™ Graphics (OnBoard)
- RAM : แบบ 16GB LPDDR5 (OnBoard)
- ความจุ : 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
- กล้องหน้า : Full HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 2 x USB 3.2 รุ่น 1 Type-C รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ
- 2x USB 4.0 Gen 3 Type-C support display / power delivery
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- ลักษณะ Keyboard : Backlit Chiclet Keyboard พร้อมไฟเรืองแสง
- กล้อง Webcam : ความละเอียด HD+
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 AX (Wi-Fi 6E) + Bluetooth 5.3
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้าผ่าน Iris Scanner
- ลำโพง : 2 จุด, รองรับ Dolby ATMOS Smart Amplifier ปรับจูนโดย Harman/Kardon
- ไมโครโฟน : 2 ตัว + AI Noise Cancellation
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11
- แบตเตอรี่ขนาด 67 Wh (4 Cell) ที่ชาร์จแบบ ทั้งแบบ Power Delivery USB-C กำลัง 65W
- สีเครื่อง : ขาว Refined White
แกะกล่องใน ASUS Zenbook S 13 (UM5302LA-LV755WS)
- ตัวเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED
- สาย USB-C to USB-A
- สาย USB-C to USB-C
- ซองใส่ Notebook
- ปลั๊กชาร์จไฟ 65W
- คู่มือ / ใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์ ASUS Zenbook S 13 (UM5302LA-LV755WS)
ต้องยอมรับการออกแบบของ ASUS กับตระกูล Zenbook S 13 เพราะจริง มันถอดแบบจากรุ่นที่เคยทดลองรีวิวให้คุณรับชมก่อนหน้านี้อย่าง ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304VA-NQ731WS) แต่ว่าการออกแบบมันต่างกันเล็กน้อยตั้งแต่การใช้โลโก้ A แบบใหม่และมีคำว่า ASUS อยู่ด้านล่าง จับแล้วอาจจะดูเหมือนโพลีคาร์บอนเนต แต่จริงๆ มันคืออลูมิเนียมทั้งตัวเครื่องนะครับ
รอบตัวเครื่องเป็นสีขาวโครงสร้างดูแข็งแรงแต่สีขาวก็ต้องห่วงสวยกับมันสักหน่อย ทั้งซ้ายและขวามีช่องเสียบ USB-C มาให้รวมกัน 3 ช่อง แต่ต่างกันที่ไฟสถานะ, ช่องเสียบหูฟัง อยู่ด้านขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะมีช่องระบายอากาศด้านข้าง
บานพับเป็นสีเงินสามารถกางได้ 180 องศา พาจอนอนไปเลย เช่นเดียวกับด้านหน้า เปิดง่ายมากเว้นร่องให้นิ้วสอดแล้วยกจอได้เลย
ใต้เครื่องมีลำโพงที่จับมือกับ Harman / Kardon ในการพัฒนาเสียงและมีช่องระบายความร้อนที่เหมาะสม พร้อมกับยางกันลื่น
เปิดฝาเครื่องกัน
คุณจะพบกับหน้าจอ OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ไม่รองรับ Touch Screen นะครับ แต่สีสันคมชัดเช่นเคย
พร้อมกับปุ่ม Keyboard ที่ยกขึ้นมา 4 องศา พร้อมไฟเรืองแสงและมีระบบสแกนนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่อง แต่มีจุดสังเกตคือ Power กับ Delete มองว่าสลับที่กันอาจจะทำให้ไม่มีการลั่นไปกดปิดง่ายเหมือนรุ่นก่อน แต่เวลาเปิดเครื่องอย่าเผลอกดผิดนะครับ
ส่วนการพิมพ์จริงพบว่าตัวเครื่องมีการยกขึ้นทำให้ไม่ปวดมือ Keyboard ตอบสนองได้ดีตอบสนองมีความยืนหยุ่น ด้วยปุ่มที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิมช่วยให้การพิมพ์มีความคล่องมือมากขึ้น และ ASUS ยังให้ปุ่มปิดไมโครโฟนและ Webcam มาให้ด้วย เพิ่มความสะดวกในการกดใช้งานแทนการเลื่อน
น้ำหนักในการพกพา
ยังคง Concept น้ำหนักแบบแบบเหนียวแน่นเพราะถ้าก้างสเปกดีๆ แล้ว ASUS Zenbook S 13 ตัวนี้พบว่าน้ำหนักของเครื่อง 1 กิโลกรัมพอดี ทำให้พกพาได้ง่ายและคล่องตัวแบบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม เห็นบางๆ แบบนี้ มันผ่าน US MIL-STD 810H military-grade standard ด้วยนะและป้องกันแบคทีเรียได้ด้วยสบายใจเวลาใช้แน่นอน
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
รุ่นก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร รุ่นนี้ก็เหมือนเดิม ตั้งแต่การแสดงผลของหน้าจอ OLED ให้สีสันคมชัดและมีค่าแวสดงผล DCI-P3 VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 ผ่ายการรับรองจาก PANTONE แสดงสีได้สูงสุ 1.07 พันล้านสี คมชุดและดูหนังและทำกราฟิกเรียกว่าสบายๆ เลยครับ
ส่วนระบบเสียงที่ไว้ลำโพงข้างเครื่องให้เสียงที่ดีและมีการปรับแต่งจูนเสียงจาก Harman / Kardon ช่วยให้คุณภาพของเสียงดีขึ้นและยังมี Smart AMP ติดตั้งมาด้วย
ประสิทธิภาพ / การเชื่อมต่อ
สิ่งที่เปลี่ยนแบบชัดเจนคือขุมพลัง AMD รองนี้มาเต็มครับ เพราะคุณจะได้ความแรงที่เรียกว่า สะใจแน่นอนในเรื่องของคะแนนที่เห็นพูดเลยว่ามันโดดเด่นกว่า สามารถใช้ทำงานตัดต่อและกราฟิกได้ แต่ไม่เหมาะสมกับการเล่นเกมเพราะ CPU แม้จะเป็น AMD แต่ยังคงเน้นเรื่องการประหยัดไฟ โดยรุ่นนี้ถือว่าเป็น Notebook อีกรุ่นที่คุณสามารถพาไปข้างนอกแล้วไม่ต้องห่วงแบตฯหมด ถ้าแบตเตอรี่เกิน 80%
การเชื่อมต่อจะรองรับ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 รุ่นใหม่ล่าสุดทำให้สามารถตอบโจทย์ในการเชื่อมต่อได้อย่างสบายๆ เลยครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home Edition ที่ไม่ได้ตกแต่งสักเท่าไหร่ แต่ะสำหรับเวอร์ชั่นของ Windows 11 ใหม่นี้ก็เน้นความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้คล่องตัว และมีแถม Office 2021 Home & Student แล้วไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเว้นแต่อยากได้พื้นที่จาก One Drive ครับ
ฟีเจอร์ภายในของเครื่องจะมีทั้งการปรับแต่จาก MyASUS ประกอบด้วย
- ปรับแต่งตั้งค่าหน้าจอ, ระบบเสียงได้เบื้องต้น
- การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen
- อัปเดต Software ภายในเครื่อง
- AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้
- ติดต่อกับ Call Center ผ่านเครื่องได้
- โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่
- Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ, File, แชร์หน้าจอ เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยของ ASUS Zenbook S 13 OLED UM5302 จะตัดระบบ Iris Scanner ออกไปแต่ได้ระบบสแกนนิ้วมือที่ปุ่ม Power กลับเข้ามาชอบหรือไม่ก็คิดดูเอาแต่ส่วนตัวผมว่าระบบนี้ Work อยู่ทำงานได้ไว
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่รุ่นนี้ถือว่าใหญ่กว่าเดิมเป็น 67W โดยเคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งโรงงานเคลมไว้ 14 ชั่วโมง แต่สำหรับการทดลองของเราพบว่าเมื่อใช้ทำงานทั่วไปเปิดเว็บและมีใช้งาน Adobe Photoshop, Lightroom นิดหน่อยแบตเตอรี่เหลืออยู่บานใช้ได้ทั้งวัน โดยรวมเปิดปิดรวมกันทั้งหมด 10 ครั้งและเปิดหน้าจอเฉลี่ย 4 - 5 ชั่วโมงพบว่ามันเอาตัวรอด ถ้าสรุปเรื่องแบตเตอรี่ใช้งานได้จริง 7 ชั่วโมง เหลือๆ
ส่วนที่ชาร์จก็มีขนาดหน้าตาน่ารักแบบนี้กำลัง 65W แต่ว่าคุณสามารถใช้ที่ชาร์จอื่นมาใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้ แต่แนะนำในช่วง 45 - 65W เป็นขั้นต่ำ แต่ถ้าจะดี 65W ขึ้นไปดีกว่าเพราะระหว่างชาร์จไฟไปและใช้ไฟไปมีช่วงที่กินไฟมากถึง 71W กันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วง มันมีระบบ Quick Charge สามารถชาร์จไฟเต็ม 60% ในเวลา 49 นาที
สรุปหลังจากทดลองใช้งาน ASUS Zenbook UM5302
จะเรียกว่า น้องขาวอย่าง ASUS Zenbook S 13 UM5302LA ตัวนี้เป็นอีก Notebook ที่คล่องตัวใช้งานได้ดีเกินคาดด้วยขุมพลัง AMD Ryzen 7 7000 Series ใหม่ที่อาจจะต้องยอมรับว่ากินไฟกว่า Intel เล็กน้อยแต่ว่าในเรื่องการทำงานภาพรวมแล้วผมว่าเป็นอีกเครื่องที่จัดหนักเรื่องประสิทธิภาพได้อย่างดีเหมือนกันครับ แม้จะต้องห่วงสวยกับมันสักหน่อยก็ตาม
สำหรับราคา ASUS ประเทศไทยตั้งไว้ที่ 37,990 บาท ถือว่าไม่ได้แพงสำหรับ Ultrabook แบบนี้ที่เรียกว่าเบาหวิวเลยครับ แต่ถ้าแพง ASUS Zenbook S 13 Series ก็จะมีรุ่น CPU AMD 6800U ที่ราคาย่อมเยาว์กว่านี้ถ้าสนใจยังไงก็ติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ ASUS ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยครับ
จุดเด่น
- งานออกแบบดูดีมาก
- ภาพและเสียงใช้คำว่าสมบูรณ์แบบ
- ความแรงดีกว่า Intel
- ระบบแบตเตอรี่ยืดหยุดรองรับการใช้งานได้หลากหลาย
- ฟีเจอร์มาแบบแน่นๆ
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูง
- ไม่มี USB-A อีกต่อไป
- บอดี้สีขาวเบื้อนง่าย
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ