[รีวิว] Samsung Galaxy S23 FE รุ่นเล็ก บอดี้สวย เน้นกล้องครบที่ไม่โปรก็ถ่ายสวยได้
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ในรอบนี้ สำหรับแฟนคลับ Samsung Galaxy ที่บอกว่า S Series ไม่มีรุ่นที่ราคามิตรภาพเลย และรุ่น S21 FE รุ่นเดิมมันเก่าไปแล้ว ไม่ต้องให้รอนาน เพราะตอนนี้ Samsung ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่แล้วอย่าง Galaxy S23 FE หลังจากหายไป 2 ปีจะเป็นอย่างไร มาดูกันเลย
รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S23 FE
- ขนาด : 155.7 x 74.5 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 209 กรัม
- หน้าจอ : ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 60 – 120Hz แบบ Adaptive
- กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus
- มาตรฐานกันน้ำ : IP68
- CPU : Samsung Exynos 2200 Octa Core
- GPU : Xclipse 920
- RAM : 8GB
- ความจำภายใน : 128 / 256GB
- ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1 สามารถอัปเดต
- สเปกกล้องหน้า
- ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (F/2.2) Fixed Focus
- สเปกกล้องหลัง
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
- วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 24 FPS, 4K, FHD
- การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและ ไร้สาย
- ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
- ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
- พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
- แบตเตอรี่ : 4500 mAh
- ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 25W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 15W และ Reveres Charging
- ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
- สีสัน : Mint ,Lavender, Cream, Graphite และมีสี Indigo และ Tangerine
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Samsung Galaxy S23 FE
เริ่มจากหน้าจอด้านหน้า Samsung Galaxy S23 FE จะออกแบบให้ตัวเครื่องมีความโค้งมนทเวลาที่มองเห็นจากด้านหน้า แต่หน้าจอทั้งหมดเป็นแบบเรียบ ขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว แม้จะคล้ายกับรุ่นกลางอย่าง Galaxy A54 แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันเยอะ เนื่องจาก Panel ของรุ่นนี้เลือกใช้ Dynamic AMOLED 2X ที่คมชัดกว่าและ Refresh Rate 120 Hz แบบสูงสุด
ส่วนบนจะมีกล้องความละเอียด 10 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ Ear Peach หรือลำโพงสนทนา ที่สามารถแปลงตัวเองเป็นลำโพงแบบ Dual Speaker ได้ ทั้งนี้ลำโพงส่วนบนจะเบากว่าข้างล่างเล็กน้อย
ส่วนล่างของหน้าจอจะมีปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android ที่สามารถเปลี่ยนระหว่างปุ่ม และการปัดสัมผัสได้ เลื่อนมาอีกนิดจะเป็นระบบสแกนนิ้วมือด้านใน
ด้านข้างรอบตัวเลือกใช้วัสดุแบบ อลูมิเนียม เกรดดีพอสมควร ทำให้การสัมผัสแตกต่างออกไป และไม่ว่าจะเลือกสีอะไร จะได้สีเงินทั้งหมด ฝั่งซ้ายจะไม่มีอไร แต่มีการออกแบบให้ขอบมีที่อยู่ของเสาอากาศเครื่อง
ด้านข้างฝั่งขวา จะมีปุ่ม เพิ่มลดระดับเสียง และปุ่ม Power ที่สามารถสั่งงานของคำสั่งเสียง และกด 2 ครั้ง สามารถเปิดกล้องได้
ส่วนบนนอกจากติดตั้งไมโครโฟนแล้ว ยังมีช่องใส่ซิมแบบ Dual Nano SIM
ด้านล่างมีช่องเสียบ USB-C และมีการวางตำแหน่งไมโครโฟน และลำโพงของเครื่องตัวหลักด้วยครับ
พลิกมาด้านหลังจะเด่นที่กล้องหลัง 3 ตัว อยู่มุมซ้ายมือและมีการล้อมรอบด้วยวงแหวนสีเงิน พร้อมกับแผ่นด้านหลังเป็นกระจกทั้งหมด จับแล้ว Premium ขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใส่ระบบ NFC และ Wireless Charging
น้ำหนัก / การจับถือ
ถือว่าเป็นอีกมือถือที่น้ำหนักกำลังดี แต่การออกแบบจับถือรู้สึกว่ามันจะลื่นง่ายไปหน่อย แนะนำว่าความจริงแล้วถ้าใส่เคสจะคล่องตัวกว่านี้ เรื่องขอบคมนั้นอาจจะมีบ้างแต่ไม่ถึงกับบาดเท่าไหร่
ส่วนสีสันของเครื่อง มี 6 สีให้เลือกได้แก่สี Mint ออกเขียว, ครีม ซึ่งเป็นสีที่ได้มารีวิว สีม่วง Lavender และ สีเทา Graphite และยังมีอีก 2 สีคือน้ำเงิน Indigo และส้ม Tangering
การแสดงผลหน้า / ระบบเสียง
การแสดงผลหน้าจอรุ่นนี้เป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด FHD+ การแสดงผลถือว่าสีสันสดใสสวยงามตามท้องเรื่อง รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ และ Refresh Rate ระหว่าง 60 – 120Hz แบบ Adaptive
ส่วนระบบเสียงของเครื่องจะมาพร้อมกับลำโพงทั้งบนและล่างของเครื่องรองรับ Dolby ATMOS ทั้งระบบเสียงจากลำโพง และสามารถต่อแบบ USB-C ออกเป็นช่องเสียบหูฟัง และ Bluetooth
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อไร้สาย
กับขุมพลัง Exynos 2200 ที่ใช้คำว่า การทำงานถือว่ามีเรื่องที่ดีและอาจจะต้องปรับปรุง เรื่องที่ดีคือคะแนนกราฟิกทำได้สูงและรองรับกราฟิกเกมได้หนักๆ เพราะมีเทคโนโลยี Ray Tracking ที่อยู่กับคอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอระดับสูง แต่เรื่องที่ต้องปรับคือมันก็ยังเป็น CPU ที่ร้อนง่ายอยู่ดี แค่ระยะเวลานานกว่า เนื่องจากมีการออกแบบระบบรายความร้อนใหม่ ให้การออกแบบระบบระบายความร้อนโดยขยายแผ่น VC ใหม่ให้ระบายความร้อนดีขึ้น
ส่วนตัวช่วยในการเล่นเกมมีทั้ง Game Launcher เก็บเกมไว้เป็นที่และสามารถดาวน์โหลด Plug in เกี่ยวกับการควบคุมตัวเกมและ Game Booster ไว้จัดการกับเกมได้ทั้งหมด
ด้านการเขื่อมต่อรองรับการทำงานครบทั้ง Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS และ 5G มาแบบครบๆ แถม USB-C เป็นมาตรฐาน 3.2 Gen 1 ถือว่าสูงสุดของมือถือในตอนนี้เลยครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ทางด้านระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy S23 FE ใช้คำว่าเป็นเหมือนกับ Galaxy S23 และ S23+ ที่จะได้ Android 13 + One UI 5.1 และไปต่อกับ Android 14 ได้แน่นอน แถมยังสามารถใช้ Multi Tasking ได้ดีสามารถปัด Edge Panel มาใช้งานได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ซ่อนแอบอีกมากมายเช่น
- การเชื่อมต่อกับ 2 อุปกรณ์ หรือ Multi Control
- การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ของ Galaxy EcoSystem
- Samsung Dex สามารถแปลงมือถือเป็น PC ได้ทั้งไร้สาย ผ่านคอมพิวเตอร์
- สามารถรับสายแทนอุปกรณ์ได้
ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนนิ้วมือ และระบบสแกนใบหน้า และเพิ่มความปลอดภัยด้วย Samsung
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
- สเปกกล้องหน้า
- ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (F/2.2) Fixed Focus
- สเปกกล้องหลัง
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
- วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 24 FPS, 4K, FHD
ลูกเล่นของกล้อง Samsung Galaxy S23 FE
พูดเลยว่ามีความคล้ายคลึงกันกับ Samsung Galaxy ตระกูล S และ Z คือเมนูกล้องต่าง ๆ จะคล้ายกันตั้งแต่โหมดการถ่ายภาพทั่วไปที่สามารถปรับแต่งให้สามารถถ่ายได้ง่ายและโหมดต่างๆ ที่จำเป็นอยู่ข้างนอก ถ้าอยากเพิ่มก็สามารถทำได้โดยการกดปุ่ม เพิ่มเติม หรือ More
การถ่ายวิดีโอ แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดของ Galaxy S แต่ก็ยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 8K 24FPS, 4K 60 FPS และ Full HD แบบครบๆ นอกจากนี้ยังรองรับ Pro Video ปรับได้เยอะทั้ง ISO, ความเร็วชัดเตอร์ ไมโครโฟน ความสว่าง เป็นต้น และยังมี Super Slowmotion 960 FPS และ HyperLapse ได้ กล้องหน้าลูกเล่นไม่ต่างจากกล้องหลังเท่าไหร่
ผลงานภาพนิ่งจาก Samsung Galaxy S23 FE
กล้องหน้า
กล้องหลัง
(ภาพกลางวัน)
(ภาพกลางคืน}
(อื่นๆ)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่แบตเตอรี่ไม่ได้เล็กตามเพราะให้ถึง 4500 mAH ถือว่าเยอะขึ้น การใช้งานทั่วไปถือว่าใช้ได้นานอยู่ แต่ถ้าเล่นเกมบ่อยจะพบว่ามันกินไฟค่อนข้างเร็วไปนิด
อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S23 FE นั้น สามารถชาร์จไฟได้แบบสาย 25W และไร้สายกำลัง 15W แถมจ่ายไฟออกได้กำลัง 10W เท่ากับกำลังทั้งหมดเท่ากับ Galaxy S23 และ S23+ ไม่มีผิด
สรุปหลังทดลองใช้ Samsung Galaxy S23 FE มาสักพักหนึ่ง
ต้องบอกว่ามันเป็นมือถือรุ่นหนึ่งที่จัดว่าเป็น Lite Flagship ของ Samsung ที่หายไปนาน กับคุณสมบัติใกล้เคียงกับรุ่นที่ขายอยู่ทำให้ต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพและลูกเล่นของมือถือรุ่นนี้ไม่ได้เป็นสองรองใคร อาจจจะผิดหวังเรื่องขุมพลังบ้างแต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวและมีให้เลือกสีสันเยอะ อัปเกรดนานตามสไตล์ของ Samsung ครับ
สำหรับราคาจะอยู่ที่ 22,900 - 25,900 บาท ซึ่งตอนนี้ก็มีโปรโมชั่นอยู่สำหรับในช่วงเวลานี้จนะถึงต้นปลายเดือนตุลาคม ฉะนั้นใครที่อยากได้รีบหน่อยครับ โปรทั้งอัปเกรดความจุและแถม Care+ อาจจะหมดไม่ช้านี้แล้ว ดังนั้นถ้าบอกจบกับบทความนี้ สรุปสั้นๆ ว่ามันคือมือถือที่ Pay Safe ได้หากจะใช้ยาวๆ เน้นสมดุลกล้องสวยขุมพลังไม่ได้ใหม่มากนัก ผมว่าตัวนี้เลือกได้อยู่ครับ
จุดเด่น
- งานออกแบบดูดีและสีสันเยอะ
- อัปเกรดนาน
- ระบบปฏิบัติการไว้ใจได้
- รองรับการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ
- กล้องสวยถ่ายภาพดี
- รองรับ Wireless Charging มาให้ด้วย
ข้อสังเกต
- ขุมพลังเป็นรองเยอะไปหน่อย
- ราคาสูง
อัลบั้มภาพ 40 ภาพ