เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สู้ฝุ่น pm 2.5 ใช้งานง่าย ดีไซน์สวย
ในยุคที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพ หลายคนจึงมองหาตัวช่วยอย่างเครื่องฟอกอากาศ แต่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมาย หลายคนอาจสับสนว่าจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ซึ่งวันนี้ Sanook Hitech จะมาแนะนำเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ
เมื่อ PM 2.5 มันอันตรายแบบนี้ การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของแต่ละบุคคล เช่น งบประมาณ ความต้องการในการใช้งาน และขนาดห้อง เป็นต้น
แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024 สู้ฝุ่น pm 2.5 ราคาถูกด้วย
1. Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อต่างๆ ทั่วโลก ด้วยประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่สูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.95% มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบมาเพื่อให้เงียบทำงานได้แม้ตอนกลางคืน เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-14 ตารางเมตร
คุณสมบัติเด่นของ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.95%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาเพื่อให้เงียบทำงานได้แม้ตอนกลางคืน
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-14 ตารางเมตร
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตราย
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Dyson Link App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- และยังมีหน้าจอแสดงผลคมชัดมองเห็นได้ในเวลากลางคืน
Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีเงิน ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 13,900 บาท
2. Philips รุ่น AC0820/20
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสำหรับห้องขนาด 20-40 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Philips รุ่น AC0820/20
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Philips Air Matters App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
และยังมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 5,990 บาท ถือว่าไม่แพง
3. Toshiba CAF-H20
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-60 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97% มาพร้อมระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV-C ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย
คุณสมบัติเด่นของ Toshiba CAF-H20
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มาพร้อมระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV-C ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Toshiba Air Purifier App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 4 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Toshiba CAF-H20 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 12,990 บาท อาจจะดูสูงแต่ก็รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง
4. Xiaomi Air Purifier 3C
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ออกแบบให้ห้องที่มีขนาดเล็กเพียง 10-20 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีดีไซน์มินิมอล ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Air Purifier 3C
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์มินิมอล สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Mi Home App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 3 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Mi Air Purifier 3C มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 3,190 บาท
5. Sharp FP-J30TA
มาทางฝั่งญี่ปุ่นกับ Sharp โดยรุ่นนี้ยังสามารถใช้กับห้องขนาด 10-20 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Plasmacluster ที่ช่วยขจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 4 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Sharp FP-J30TA
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Plasmacluster ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 4 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Sharp Air Purifier App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 3 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Sharp FP-J30TA มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 4,990 บาท
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ขนาดห้องที่ต้องการฟอกอากาศ
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ
- คุณสมบัติเพิ่มเติมที่ต้องการ เช่น ฆ่าเชื้อโรค กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น
- งบประมาณ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนะคะ