เล่นแล้วเล่า "AirPods Pro (รุ่นที่ 2)" หูฟังไร้สายตัวท็อปที่ไว้ใจได้ พร้อมช่องเสียบ USB-C
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง สำหรับในครั้งนี้ ก็ได้เวลาที่จะมาทดลองหูฟังอีกรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการคือ AirPods Pro 2 สำหรับในรอบนี้มันจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง เรามาดูกันดีกว่า
แกะกล่อง AirPods Pro (รุ่นที่ 2) พร้อมกับ USB-C
- กล่องและหูฟัง AirPods
- สายชาร์จไฟ USB-C to USB-C รอบนี้ให้สายถักมาเลย
- จุกปรับขนาดทั้ง XS, S, L ส่วนในหูฟังจะมีขนาด M
- คู่มือ / ใบรับประกัน / สติ๊กเกอร์
ดีไซน์ของ AirPods Pro (รุ่นที่ 2)
ยังคงมีการออกแบบที่คล้ายกับรุ่นแรก โดยกล่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีขาวสุดสวย และจับได้ถนัดมือ ด้านหน้ามีไฟสถานะ
ด้านหลังมีปุ่มกดสำหรับเข้า Pairing Mode
ด้านข้างทั้ง 2 ออกแบบเรียบ แต่ฝั่งขวามาพร้อมกับช่องสำหรับใส่ที่จับหรือจะเป็นสายคล้องคอ
ด้านล่างมาพร้อมกับ USB-C ไฟสถานะชาร์จไฟ และลำโพงเพื่อใช้ตามหากล่องได้
เปิดฝาเอาหูฟังออกมาทำได้ง่ายมากครับ
ตัวหูฟังเป็นอย่างไร
หูฟังมาพร้อมกับจุกแบบ In-Ear ที่สามารถเปลี่ยนจุกได้ โดยไมโครโฟนมีทั้งหมด 6 ตัวแบ่งออกเป็นข้างละ 3 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Touchpad ที่สามารถกดปีปสั่งงาน หรือจะเลื่อนขึ้นลงเพื่อปรับระดับเสียงได้ด้วย
การสวมใส่ ยังทำได้ดี น้ำหนักเบากำลังดี ในเรื่องของขนาดถือว่าเป็นหูฟังที่มีขนาดเล็ก และยังสามารถกดสั่งงานได้สะดวกมากเพราะติ่งที่ยื่นออกมาตำแหน่งหาง่ายด้วย
คุณสมบัติกันน้ำ
สำหรับ AirPods Pro รุ่นที่ 2 รองรับมาตรฐานกันน้ำแบบ IP54 ทำให้สามารถกันน้ำได้ดีระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่แนะนำให้โดนน้ำโดยตรง ถ้าโดนเหงื่อยังพอทนได้
คุณภาพเสียง / ระบบไมโครโฟน
ด้วย Driver ขนาดที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง จาก AirPods Pro รุ่นที่ 2 ที่เป็นแบบ Lightning ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาถือว่าทำได้ดี แต่ว่าการปรับแต่งเสียงอาจจะต้องทำกับ iPhone / iPad เมื่อเทียบกับหูฟังคู่แข่งแล้ว ถ้าสายฟังเฉยๆ ก็เพลิดเพลินได้ แต่อาจจะไม่ตามสั่งเท่าไหร่ อันนี้ต้องใช้ Software อื่นๆ ช่วย
นอกจากนี้ถ้าใช้กับ iPhone และอุปกรณ์ของ Apple จะรองรับ ระบบติดตามการหัน หรือ spatial audio และยังสามารถปรับรูปแบบของการตัดเสียง หรือ ANC ตามสถานที่ที่คุณล็อคว่าเอาระดับไหนก็ได้
แต่เรื่องของไมโครโฟน อันนี้ต้องยอมครับ เพราะมันเก็บเสียงได้ชัดเจนมาก แม้ว่าสถานที่ๆ มีเสียงรบกวนเยอะก็ตาม ยังคงฟังออกมาคมชัดมากพอสมควรเลยครับ และยังรองรับกับฟีเจอร์ Voice Isolation กับ iPhone ด้วย
การเชื่อมต่อครั้งแรก / การบอกสถานะ
แน่นอนว่า AirPods Pro รุ่นที่ 2 ยังรองรับ ฟีเจอร์ Pop-Up Pairing การทำงานคือเมื่อแค่เปิดฝาหูฟัง AirPods Pro รุ่นที่ 2 จะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังพร้อมกับการตั้งค่าได้สำหรับครั้งแรก แต่หลังจากนั้นจะมีการบอกสถานะแบตเตอรี่ และบอกชื่อหูฟัง เพื่อให้รู้ว่าหูฟังนี่ของคุณนะ
แต่สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นต้องกดปุ่มด้านหลังที่กดเพื่อ Pairing ใหม่
คุณสมบัติเด่นของ AirPods Pro (รุ่นที่ 2)
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ยังคงมีดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ก้านที่สั้นลงและตัวเรือนที่เล็กลง นอกจากนี้ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ยังมาพร้อมชิป H2 ใหม่ที่มีพื้นฐานมาจากชิป Apple A15 Bionic ซึ่งช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Apple ได้เปิดตัว AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่เพิ่งเปิดตัวโดยเป็นรุ่นอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ ๆ มากมาย ดังนี้
- รองรับการชาร์จด้วย USB-C
- ทนฝุ่นเพิ่มเติมที่ระดับ IP54
- เสียงแบบ Lossless บน Apple Music
- คุณสมบัติเสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อมแบบใหม่ ที่ตัดเสียงออกมาดีมากขึ้น
- Conversation Awareness
- ยังสามารถให้แจ้งเตือนพูดออกมาที่หูฟังได้
- สามารถตามหาหูฟังผ่าน Find My รองรับการหาแบบ UWB บอกว่าหูฟังอยู่ไหนก็ได้ แถมยังส่งเสียงได้ด้วย
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ
สำหรับแบตเตอรี่ของ AirPods Pro รุ่นที่ 2 สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อรวมกับกล่อง ส่วนหูฟังสามารถใช้งานได้นานสุด 6 ชั่ซโมง แต่ถ้าเปิดระบบ Spatial Audio หรือ การระบุตำแหน่งเพื่อปรับ ANC จะทำให้ใช้งานได้ 5.5 ชั่วโมง
ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับ USB-C และชาร์จไฟแบบ MagSafe
สรุปหลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน AirPods Pro (รุ่นที่ 2)
เรียกได้ว่าการปรับปรุงของ AirPods Pro รุ่นที่ 2 ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง USB-C แต่ยังมีการใส่ลูกเล่นเข้ามาเล็กน้อยเพื่อให้สามารถใช้งานกับ iPhone 15 Series แต่ในภาพรวมแล้วยังคงเป้นหูฟังตัวท็อปที่ให้สาวกได้ใช้ แต่คนอื่นที่ใช้มือถือค่ายอื่นมาใช้ก็ได้เพราะ ไมโครโฟนของรุ่นนี้แต่ว่าความสามารถจะหายไปบางอย่างนะ
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 8,990 บาท ถือว่าไม่ได้เพิ่มจากเดิม ทั้งนี้สามารถวางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยหาซื้อได้ที่ทั้ง Apple Store หรือออนไลน์
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ