รีวิว "ROG Phone 8 Pro Edition" ที่สุดของความแรงจากมือถือ Gaming Smart Phone
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้สำหรับคนที่รอคอยมือถือที่ใช้คำว่า “บ้าพลัง” ที่สุดของปี 2024 มันมาแล้วครับกับ ROG Phone 8 Pro Edition ที่ได้ RAM เยอะที่สุดในตลาด พร้อมแล้วเรามาพิสูจน์ความแรงกันเลยกับรีวิวชุดนี้
รายละเอียดสเปกของ ROG Phone 8 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 163.8 x 76.8 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 225 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำ IP68
- ถาดใส่ซิม : Dual Nano SIM
- หน้าจอ : ขนาด 6.78 นิ้ว LTPO AMOLED ความละเอียด 1080 x 2448 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 2500 nits Refresh Rate 165Hz
- กระจกหน้าจอ : Gorilla Glass Victus 2
- ระบบปฏิบัติการ Android 14
- ขุมพลัง (CPU) : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- กราฟิก (GPU ) : Adreno 750
- RAM : 12GB / 16GB / 24GB
- ความจำภายใน : 256GB / 512GB / 1TB
- การเชื่อมต่อ : 5G, 4G, Wi-Fi 7 (802.11 a/b/g/n/ac/6e/7) Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS พร้อมระบบขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม
- กล้องหน้า 1 ตัว
- ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล PDAF
- รองรับการถ่ายวิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว
- ตัวหลัก : 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX890) F/1.9 รองรับ PDAF, Laser Focus, OIS Gimbal
- กล้องตัวที 2: Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ระยะ Optical Zoom 3 เท่า รองรับ PDAF + OIS
- กล้องตัวที่ 3 : Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา PDAF
- วิดีโอ : 8K@24fps, 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps, 720p@480fps; gyro-EIS, HDR10+
- LED Flash
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า / สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ : 5500 mAh
- ระบบชาร์จไฟสาย : 65W แบบ PD
- ระบบชาร์จไฟไร้สาย : 15W
- ระบบจ่ายไฟกลับ (Reverse Charge) : รองรับแบบไร้สายกำลัง 10W
- สีสัน : Phantom Black และ Strom Gray
แกะกล่องของ ROG Phone 8 Pro Edition
ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง ROG Phone 8 Pro / Pro Edition
- ชุดพัดลม ROG AeroActive X
- กระเป๋าใส่พัดลม
- เคสแบบแข็ง
- คู่มือ / ใบรับประกัน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- Adapter 65W
- สาย USB-C to USB-C
ทั้งนี้รุ่นธรรมดาจะต่างกันที่พัดลม AeroActive X เท่านั้น
รูปร่างหน้าตาของ ROG Phone 8 Pro / 8 Pro Edition
เริ่มจากหน้าตาของ ROG Phone 8 Series รอบนี้ด้านหน้าของเครื่องจะเป็นแบบเรียบง่ายและดูซ่อนรูป ถ้าไม่บอกว่ามันคือมถือเล่นเกม ก็คงจะคิดว่าเป็นมือถือทั่วไปเพราะตำแหน่งของลำโพงเครื่องด้านบนนั้นถูกย่อเก็บเข้าไปและมีกล้อง ซ่อนในหน้าจอ แต่ไม่ได้เป็นแบบซ่อนเมื่อเปิดหน้าจอ และยังเอาลำโพงไปเก็บด้านบนดูแล้วลงตัว
หน้าจอก็ยังคงมีขนาด 6.78 นิ้ว แบบ LTPO AMOLED แต่เปลี่ยน Panel ใหม่เป็นของ Samsung E6 AMOLED ความสว่าง 2,500 nits, LTPO Touch Sampling Rate 720Hz, Refresh Rate Max 165Hz, Adaptive 1 – 120Hz และส่วนล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่มความคุมอย่างเดียว
รอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม โดยมีช่องเสียบ USB-C ทางฝั่งซ้ายมือ เพื่อเสียบกับพัดลม AeroActive X รุ่นใหม่
ฝั่งขวาจะมีปุ่ม Air Trigger ไว้แตะสั่งงานได้คำสั่งยังคงเหมือนเดิม พร้อมกับปุ่ม Power และ ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง วิธีการ Capture หน้าจอ กดปุ่ม Power + ลดเสียงหรือใช้ 3 นิ้วลากจากด้านบนหน้าจอลงมาล่างก็ได้เช่นกัน
ส่วนบนรอบนี้จะมีแค่ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟังอยู่ขวามือ, ช่องเสียบ USB-C อยู่ทางซ้ายมือ. ลำโพงเครื่องไว้ตรงกลาง และ ถาดใส่ซิมอยู่ข้างๆ ช่อง USB-C
พลิกมาด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้อง ตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นคือ ROG Phone 8 และ ROG Phone 8 Pro จะมีกล้องที่คล้ายกัน แต่จะต่างกันที่ผิวสัมผัสของเครื่อง
- ROG Phone 8 จะเป็นผิวแบบเงา พร้อมกับไฟ RGB มีให้เลือก 2 สี Storm Gray | Phantom Black
- ROG Phone 8 Pro จะเป็นผิวด้าน (Matte) พร้อมกับไฟ Dot Matrix (Anime Vision) จำนวนเม็ดไฟ Mini LED 341 ดวง มีแค่สีเดียวคือ Phamtom Black
ที่สำคัญคือรุ่นนี้รองรับระบบ Wireless Charging แล้วถือว่าเป็นครั้งแรกของ ROG Phone ที่สามารถชาร์จไฟไร้สายได้แต่ตำแหน่งของมันค่อนข้างสูงเหลือเกิน
น้ำหนัก / การจับถือ
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีน้ำหนัก 225 กรัม ถือว่าเยอะอยู่ การออกแบบที่สมดุลทั้งด้านหน้าและหลังทำให้เครื่องถือแล้วไม่ปวดมือและยังออกแบบได้สวยงามลงตัวอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครอยากได้มือถือเล่นเกมที่ถือคล่องๆ นี่เป็นอีกรุ่นที่แนะนำอยู่ครับ แถมข่าวดี รุ่นนี้รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 แล้ว แต่ไม่ได้รองรับมาตรฐานกันตกนะ
AeroActive X
สำหรับพัดลมระบายอากาศรอบนี้จะมีขนาด 36 x 38 มิลลิเมตร มี Thermoelectic 2.6x ความเร็ว 1x ลดความร้อนได้ 36 องศา มีไฟ Aura RGB ขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% เหลือปุ่มกด แค่ 2 ปุ่มเท่านั้น และมี Build in Kick Stand + ช่องเสียบหูฟังและ USB-C สำหรับชาร์จไฟ ให้เฉพาะ 8 Pro Edition ที่ให้มาในกล่อง
สำหรับรุ่น ROG Phone 8 สามารถซื้อได้และไม่สามารถใช้ของเดิมมาใสได้นะครับ การทำงานคือถ้าเครื่องไม่เสียบปลั๊กเราจะเลือกความแรงได้ 3 โหมด ถ้าอยากให้แรงสุดต้องเสียบปลั๊กจะทำงานในโหมดที่เย็นสุดได้ครับ
การแสดงผลของหน้าจอ / ระบบเสียง
อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอ ROG Phone 8 Pro จะใช้ Panel ของ Samsung E6 AMOLED นอกจากให้ความสว่าง 2,500 nits และยังมาพร้อมกับสีสันที่ตอบสนองได้ดีเลยครับ
ส่วนในเรื่องของระบบเสียงแม้ว่าตำแหน่งลำโพงจะเปลี่ยนไปแต่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดังและมี Smart Amplifier และรอบนี้สามารถใช้งาน Hi-Res Audio ได้ทั้งสายและหูฟังด้วย มาให้ด้วยครับ และมอเตอร์สั่นใหม่เก็บรายละเอียดได้ดี แถมไมโครโฟน 3 จุดลด Noise ลงได้เยอะมากเลยด้วย
ประสิทธิภาพ / ฟีเจอร์การเล่นเกม / ระบบปฏิบัติการ
ไม่ต้องพูดถึงขุมพลังว่า Snapdragon 8 Gen 3 ตัวนี้แรงแค่ไหน เพราะได้รับการปรับจูนจาก ROG พร้อมกับระบบระบายความร้อนขั้นเทพอย่าง GameCool 8 ประกอบด้วย
- ใช้ Graphite Sheet, Baron Biron Nitride ขยายใหญ่,
- แยกแบตเตอรี่หัวท้าย และ Vapor Chamber
- ติดตั้ง Head Sink (Ripid-Cooling Conductor)
ทั้งหมดช่วยให้เครื่องลดความร้อนลงได้ 20% เลยครับ
แต่ถ้ายังไม่สุด ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive X ใหม่ ที่มาพร้อมกับ ขนาด 36 x 38 มิลลิเมตร มี Thermoelectic 2.6x ความเร็ว 1.1x ลดความร้อนได้ 36 องศา มีไฟ Aura RGB ขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% เหลือปุ่มกด แค่ 2 ปุ่มเท่านั้น และมี Build in Kick Stand + ช่องเสียบหูฟังและ USB-C สำหรับชาร์จไฟ ให้เฉพาะ 8 Pro Edition
ฟีเจอร์การเล่นเกมสำหรับรุ่นนี้ก็จะมี X-Mode ที่ต้องเปิดจาก Amony Crate คุณสามารถปรับโหมดประสิทธิภาพผ่าน X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์พลังแบบแรงเหมือนสายน้ำที่ตกอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่ ส่วนคนทั่วไปก็จะมี Dynamic, Ultra Durable และ Advance ในหัวข้อสุดท้ายคือสามารถปรับค่าได้เองทั้งหมด
ในระหว่างเล่นเกมก็จะมี Game Genie ที่ปัดทางด้านข้างบนมุมขวาหรือซ้ายก็ได้ ช่วยให้การเล่นเกมสนุก โดยสามารถปรับได้ตั้งแต่
- การล็อคความสว่างหน้าจอ
- การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU
- การปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เล็งที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน
- ฟีเจอร์ตั้งค่าการกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor เพิ่มเข้ามาคือ Touch Sensor หรือ การสัมผัสด้านหลัง และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน
- การบันทึกหน้าจอ, ปิดการแจ้งเตือน บล็อกการโทร เป็นต้น
- X Sense 2.0 ใหม่เพิ่มฟีเจอร์ที่จะมีฟีเจอร์ในเรื่องการรองรับเกมต่างๆ เพิ่มขึ้นมาเช่น
- Auto Pickup เก็บของอัตโนมัติ
- Running Lock กดวิ่งค้างแทนมือเรา
- Fast Forward เวลาข้ามบนสนทนา
- AI Grabber ใช้ AI ให้เครื่องช่วยจับคำของเกม และใช้งานค้นหาผ่าน Browser
การเชื่อมต่อไร้สายจริงๆ แล้ว ROG Phone 8 Series รองรับ Wi-Fi 7 แล้วแต่สเปกไทยยังถูก Software ล็อคเหลือแค่ Wi-Fi 6e ตามมาตรฐานของ Wi-Fi ในเมืองไทย ที่เหลือรองรับ 5G, Bluetooth 5.3 GPS, A-GPS การจับแผนที่รวดเร็วมากพอตัว
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ROG Phone 8 Series ทั้งหมดจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ไม่ได้ปรับหน้าจอหลักอะไรมากมายแต่จริงๆ แล้วในตัวเครื่องมีฝั่งระบบ AI ต่างๆ มากมายเช่น
AI Semantic Search สามารถที่จะหาได้และตั้งค่าเมนูให้มัน Match กัน รองรับการหาเกี่ยวกับ Keyboard ผ่านทาง Apps และใช้ค้นหารูปได้ (รองรับ อังกฤษ, จีน ส่วนไทยรองรับในอนาคต)
Armoury Crate
ตัวช่วยในกาปรับประสิทธิภาพของเครื่องรอบนี้สำหรับตัวเครื่อง ROG Phone 8 Series จะมีการปรับเพิ่มเติมดังนี้
- การแสดงผลหน้าจอ สามารถเลือกเต็มจอ, ปิดการแสดงผลของกล้อง, ปิดการแสดงผลด้านหลังหรือเหลือไว้กึ่งกลาง
- ปรับแต่งไฟ Dot Matrix (เฉพาะรุ่น Pro / Pro Edition) ด้านหลังที่สามารถเลือกได้ตามใจ
- กำหนดข้อความของคุณเอง
- กำหนดลายเป็นการวาด
- อัปโหลด GIF Animation
- ตั้งแสดงผลเวลา / แบตเตอรี่
- นับถอยหลังการถ่ายภาพ / ถ่ายวิดีโอ
- แสดงเมื่อมีคนโทรเข้า / มีสายไม่ได้รับ
- แสดงปริมาณแบตเตอรี่
- ถ้าเป็นรุ่นธรรมดาสามารถเลือกเปิด/ปิดไฟ RGB ทางด้านหลังได้
ฟีเจอร์ทั่วไป
- ค่าความไวของการทัชสกรีน
- ปรับประสิทธิภาพของเครื่องที่ได้เล่าไปตั้งแต่ช่วงประสิทธิภาพ
- การกำหนดความลื่นไหลของการสไลด์
- ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
- การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มด้านหลังเครื่อง / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 6 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้
Motion Sensor
- การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
- ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
- เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
- ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
- เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically)
- สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน
ส่วนพัดลม AreoActive X มีการปรับปรุงในเรื่องของขนาดพัดลมใหญ่ตัว Sub-Woofer ตัดออกไป ขยายแผนใหญ่ขึ้นและตั้งค่าแสดงผลของไฟได้เช่นเคย
นอกนั้นยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้ และระบบความปลอดภัยคือสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ / ระบบสแกนใบหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
- สเปกกล้อง ROG Phone 8 Pro / Pro Edition
- กล้องหลัก IMX890 ความละเอียด 50 MP ติดตั้ง OIS แบบ 6 แกน (Hybrid Gimbal Stabilization 3.0) Lossless Zoom 2x รองรับ HDR + AI Camera เป็นการทำงานปรับรูปแบบได้ และ Close Up
- Telephoto 32 MP Optical Zoom 3x และ Max Zoom 10x (เฉพาะ ROG Phone 8 Pro)
- Ultra Wide 13 MP มุมกว้าง 120 องศา
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K 24FPS, 4K 30/60 FPS, FHD 30/60/120/240 FPS
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล มุมกว่า 120 องศา
ฟีเจอร์ของกล้อง
มีการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นแต่ภาพรวมก็ยังคล้ายกับ ROG Phone 7 อยู่ แต่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยมีการปรับแต่งให้โมหดอื่นๆ มาอยู่ในหน้าจอหลักด้านด้วย เมื่อเป็นรุ่น Pro ก็จะซูมภาพนิ่งได้เยอะขึ้นที่ 30x แต่การถ่ายภาพสนุกขึ้นและใช้งานได้คล่องมือมากขึ้น
การ ถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ การซูมวิดีโอที่ 10x
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ROG Phone 8 Pro Edition
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สุดท้ายกับเรื่องแบตเตอรี่ของ ROG Phone 8 Series ให้ขนาด 5500 mAh ลดลงจากเดิมเล็กน้อย แต่ด้วยขุมพลังที่แรงจัดและสามารถประหยัดไฟได้หากจำเป็น ทำให้ ROG Phone 8 Pro Edition ที่ได้ RAM 24GB ตัวนี้ ผ่านการทดจาก PCMark ที 7:30 ชั่วโมง และใช้งานจริงเปิดหน้าจอนานสุด 5 ชั่วโมงกว่า ถ้าใช้โหดแนะนำว่าต้องชาร์จไฟระหว่างวัน
ส่วนระบบชาร์จไฟของ ROG Phone 8 Series เป็นแบบ USB-C เท่านั้นรองรับกำลังสูงสุด 65W ในแบบ Hyper Charge หรือจะใช้ที่ชาร์จกำลัง 65W ก็สามารถชาร์จไฟได้ ซึ่งที่ชาร์จยังติดตั้งให้ในกล่องอยู่ และรอบนี้ ROG Phone 8 รองรับ Wireless Charge กำลัง 15W แล้วด้วย
นอกจากนี้ ROG Phone 8 ยังมีระบบดูแลแบตเตอรี่ที่สามารถทำได้ตั้งแต่การเสียบไฟตรงโดยไม่จ่ายไฟเข้าไปในเครื่อง, เสียบชาร์จไฟไปและใช้งานไป หรือจะเป็นระบบปรับอัตโนมัติ และยังล็อคไม่ให้ชาร์จไฟเต็มได้ หากพบว่าเครื่องร้อนเกินไป หรือจะล็อคให้ชาร์จไฟแค่ 85% อย่างเดียวก็ได้
สรุปหลังจากได้ทดลองใช้ ROG Phone 8 Pro Edition สักพักหนึ่ง
กลายเป็นมือถือ Gaming ที่ดูเรียบร้อยและเน้นกล้องที่สำคัญกล้องนั้นมีระบบ Gimbal มาให้เก็บภาพได้ดี แต่ยังไม่ละจากความเป็นที่สุดของมือถือเล่นอัดทุกสิ่งมาให้แบบครบและเป็นมือถือไม่กี่รุ่นในประเทศไทยที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ที่ได้ RAM 24GB ตัวแรกๆ ขายในประเทศไทย ที่ใช้คำว่าถ้าคุณมีจุดประสงค์เพื่อจะเล่นเกมมากเกินครึ่งซื้อได้เลย
ราคาของ ROG Phone 8 Series มีดังนี้
- ROG Phone 8 12/256GB (Phantom Black/Storm Grey): 29,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro 16/512 (Phantom Black): 37,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro Edition 24GB/1TB (Phantom Black) with AeroActive Cooler X in box: 47,990 บาท
โปรโมชั่นผู้ให้บริการ
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G ROG Phone 8 ราคาเริ่มต้นที่ 25,690.-*, ROG Phone 8 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 33,690.-* และ ROG Phone 8 Pro Edition ราคาเริ่มต้นที่ 43,690.-* *เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
“พบกับโปรโมชันเปิดตัว ROG Phone 8 – Early Bird ซื้อก่อน คุ้มกว่า
คุ้มแรก :
ครั้งแรกกับการ Trade-in ‘เก่าแลกใหม่’ ที่สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดได้ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก 3,000 บาท จากราคาประเมิน
เฉพาะร้านตัวแทนจำหน่ายสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
เฉพาะวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2567
คุ้มที่สอง :
ซื้อตอนนี้ รับเลย
1) DevilCase for ROG Phone 8 มูลค่า 1,490 บาท
2) Glass Screen Protector for ROG Phone 8 มูลค่า 590 บาท
ของแถมจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย
คุ้มที่สาม :
สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน รับกระเป๋า ROG Slash Sling Bag 2.0 มูลค่า 1,990 บาท
สำหรับเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรุ่น ROG Phone 8 (12/256) ทั้งสีเทา/สีดำ และ ROG Phone 8 Pro (16/512)
โดยโปรโมชันนี้เฉพาะวันที่ 1 – 18 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น”
จุดเด่น
- ดีไซน์เป็นมิตรมากขึ้น
- แรงกว่าเดิม
- ได้ Android 14 จากกล้อง
- กล้องดีขึ้น โดยเฉพาะมี Telephoto
- ไมโครโฟนเก่งรอบด้าน
- ฟีเจอร์เอาใจสายเกมโดยแท้
ข้อสังเกต
- พัดลมถูกสงวนให้แค่ตัวท็อปสุด
- ความร้อนก็ยังสูงในเวลาเล่นเกมนานๆ