บทสรุปงาน Huawei Digital and Intelligent APAC Congress ยุคเปลี่ยนผ่านดิจิทัลมาถึงแล้ว

บทสรุปงาน Huawei Digital and Intelligent APAC Congress ยุคเปลี่ยนผ่านดิจิทัลมาถึงแล้ว

บทสรุปงาน Huawei Digital and Intelligent APAC Congress ยุคเปลี่ยนผ่านดิจิทัลมาถึงแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หัวเว่ย และมูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) ร่วมจัดการประชุม Huawei Digital and Intelligent APAC Congress ขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ พันธมิตร และนักวิเคราะห์มากกว่า 1,500 คนจาก 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและระบบอัจฉริยะชั้นนำ พร้อมทั้งร่วมกันมองหาแนวทางเพื่อพัฒนาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีความเป็นดิจิทัลและอัจฉริยะไปด้วยกัน

ปัจจุบัน ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิกอยู่ในยุคที่รุ่งเรือง หลายประเทศและหลายภูมิภาคกำลังเร่งเดินหน้าสำรวจศักยภาพด้านความอัจฉริยะพร้อมส่งเสริมการพัฒนาทางด้านดิจิทัล จวบจนถึงปัจจุบัน หัวเว่ยได้สนับสนุนการพัฒนาด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้กับองค์กรพันธมิตรมากกว่า 100,000 รายในเอเชียแปซิฟิก และช่วยให้ภูมิภาคนี้สามารถสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในด้านศูนย์ข้อมูลและเครือข่ายชั้นนำ

 sabrinamengdeputychairwoma

นางซาบรีนา เมิ่ง รองประธาน ประธานหมุนเวียนตามวาระ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ได้กล่าวเปิดการว่า "เอเชียแปซิฟิกไม่เพียงเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยโอกาสมากที่สุดของโลก แต่ยังเป็นแบบอย่างสำหรับภูมิภาคอื่น ๆ ที่กำลังพยายามขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัลและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของตนเอง ซึ่งหัวเว่ยได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขับเคลื่อนนี้ และหัวเว่ยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับเหล่าลูกค้าและพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมทุกท่าน ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้กับภูมิภาค"

เธอยังกล่าวอีกว่า "ก้าวต่อไปนับจากนี้ เราจะยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า เราต้องการทำหน้าที่ของเราในการนำประโยชน์ต่าง ๆ ของนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะมามอบให้กับผู้คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเรายังต้องการส่งเสริมการพัฒนาภาคเศรษฐกิจดิจิทัลควบคู่ไปกับภาคเศรษฐกิจจริงในแบบองค์รวม"

simonlin,presidentofhuawe

ฯพณฯ นารายา เอส ซูปราปโต รองเลขาธิการแห่งสำนักงานเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า "ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นอนาคตของกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework Agreement : DEFA) เอื้อให้สังคมและชุมชนธุรกิจของเราได้มีกำลังขับเคลื่อนในการปลดล็อคศักยภาพด้านบริการดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลแบบคลาวด์ ทั้งนี้ ในการที่จะสร้างอนาคตแห่งความสำเร็จด้านดิจิทัลให้ทั่วทั้งภูมิภาค ภาครัฐบาล เอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายจำเป็นจะต้องนำแนวทางที่สอดคล้องกันมาใช้ส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมต่อด้านดิจิทัล พร้อมลดความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน

mr.prasertjantararuangtong,

ทางด้าน  ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า "ประเด็นที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นคือการเร่งการพัฒนาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้แผนงาน "The Growth Engine of Thailand" เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในฐานะกลไกการขับเคลื่อนหลักที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย อีกทั้งยังจะช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลโดยรวมของประเทศ

ทั้งนี้ โครงการสำคัญภายใต้แผนงานริเริ่มนี้ ได้แก่ โครงการ Cloud First Policy การพัฒนา AI สำหรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) การพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล การแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ และโครงการความร่วมมือที่หลากหลายกับภาคเอกชน เพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับทิศทางด้านดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"

leochen,seniorvicepreside

นายลีโอ เฉิน รองประธานอาวุโสของหัวเว่ย และประธานฝ่ายธุรกิจการขายหัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า "ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ในฐานะผู้นำในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและความอัจฉริยะ เราเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะซึ่งครอบคลุมทั้งด้านโครงข่าย การจัดเก็บ การประมวลผล และระบบคลาวด์ คือกุญแจสำคัญสู่การปลดล็อคด้านประสิทธิภาพ

หัวเว่ย มีความเข้าใจเชิงลึกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย จึงมีความพร้อมและยินดีที่จะนำเทคโนโลยีที่ครอบคลุมแบบ full-stack และโซลูชันที่ต่าง ๆ ของเรามาใช้ประโยชน์ รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายนี้ เราจะร่วมกันเป็นผู้นำขับเคลื่อนความเป็นอัจฉริยะทางอุตสาหกรรมในระดับโลกและพัฒนาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เป็นศูนย์รวมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อม ๆ ไปกับการริเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างความมหัศจรรย์แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เกิดขึ้นอีกครั้งในยุคแห่งเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้"

simonlin,presidentofhuawe

นายไซมอน หลิน ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวในคำปราศรัยว่า “ขณะที่เราเดินหน้ารับมือกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เป็นที่ประจักษ์ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะต้องเป็นมากกว่าแค่การนำโซลูชันมาใช้

แต่คือการผนวกเทคโนโลยีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของภาคเศรษฐกิจและสังคมในเชิงลึก ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เข้าสู่ยุคทองของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะเป็นทั้งผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยี ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรม และผู้สนับสนุนประจำแต่ละพื้นที่และด้วยความร่วมมือจากองค์กรธุรกิจและพันธมิตรด้านคลาวด์กว่า 10,000 ราย เราพร้อมที่จะขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จและเร่งพัฒนาให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและมีความอัจฉริยะอย่างแท้จริง”

หลังจากการประชุมในครั้งนี้ หัวเว่ยมีกำหนดจัดการประชุมอีก 4 งาน ได้แก่ การประชุม Huawei Network Summit การประชุม Innovative Data Infrastructure Forum การประชุม Global Optical Summit และการประชุม  Huawei Cloud Stack Conference ไม่เพียงเท่านั้น หัวเว่ยและพันธมิตรยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสำคัญอีก 7 งาน ซึ่งจะมีทั้งการเปิดตัวโซลูชันคลื่นความถี่สูงเพื่อตลาดเชิงพาณิชย์ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับธุรกิจการจัดจำหน่าย การมอบรางวัลสำหรับพันธมิตรที่มีผลงานโดดเด่นในงาน Asia-Pacific Partners’ Night นอกจากนี้ หัวเว่ยจะเปิดตัวโซลูชันสำหรับภาคอุตสาหกรรมในงาน Global ISP Summit Asia Pacific และงาน Manufacturing and Large Enterprise Summit อีกด้วย

เมื่อรวมทั้งหมดแล้วก็พบว่า HUAWEI เองนอกจาเป็นผู้ผลิต Hardware และระบบ  Solution ต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการผลักดันเทคโนโลยีล้ำยุคแล้วยังมีการเปิดเผยว่า พร้อมที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้พัฒนาไปยังระดับภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะ อาเซียน ที่เป็นแห่งสำคัญในเวลานี้เช่นเดียวกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook