กสทช. จับมือ ปปง. และ ธนาคารพาณิชย์ ตรวจเข้ามเบอร์ Mobile Banking สกัดการเกิดบัญชีม้า
คณะกรรมการกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับ ปปง. และ ธนาคารพาณิชย์ ชั้นนำในการตรวจสอบเข้มกับเบอร์ธุรกรรม Mobile Banking ที่ไม่ตรงกับเจ้าของจริง เพื่้อป้องกันการเปิดซิมผีและบัญชีม้า
เมื่อ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ เชิญประชุมคณะอนุกรรมการฯ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิมสังกาศ รอง เลขา ปปง., ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย, ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบคัดกรองเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง ที่ผูกกับบัญชีธนาคาร อันเป็นการส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยมีเป้าหมายให้ชื่อผู้จดทะเบียนเบอร์ซิมเลขหมายที่ขอเปิดใช้โมบายแบงก์กิ้ง และเจ้าของบัญชีธนาคาร ต้องเป็นของบุคคลคนเดียวกัน อันเป็นมาตรการต่อยอดจากประกาศ กสทช. ที่ให้ผู้ถือครองซิมเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไป ยืนยันตนภายในกำหนด เพื่อสกัดปัญหาซิมผีบัญชีม้า
พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวว่า กสทช. ขานรับนโยบายรัฐบาล ตั้งทีมงานร่วม กสทช. ปปง. และ ธนาคาร รวมทั้งผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สางเบอร์โมบายแบงก์กิ้งแปลกปลอมและต้องสงสัย ที่ชื่อผู้ถือครองไม่ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร เพื่อสกัดซิมผีบัญชีม้าในระบบการโอนเงินออนไลน์
โดยมีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้
- ธนาคารจะเป็นผู้รวบรวมบัญชี (เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือ เลขหนังสือเดินทาง) พร้อมเบอร์โทร โมบายแบงก์กิ้งที่ผูกกับบัญชีธนาคาร ส่งให้ ปปง. ตามช่องทางที่กำหนด
- ปปง. รับข้อมูลเลข ID ประจำตัว และเบอร์โมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เข้ารหัส แล้วเปิดช่องทางสื่อสารข้อมูลให้ กสทช.
- กสทช. รับข้อมูลดังกล่าวจาก ปปง.นำเบอร์โมบายแบงก์กิ้งมาแยกเครือข่าย เพื่อส่งตรวจหารายชื่อผู้ถือครอง และตรวจเปรียบเทียบกับรายชื่อเจ้าของบัญชีว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ แล้วแจ้งผลให้ ปปง. และธนาคาร ทราบ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ฯ รองเลขา ปปง. กล่าวว่า หากผลการตรวจคัดกรองพบ ชื่อผู้ถือครองซิมการ์ดโมบายแบงก์กิ้งไม่ใช่เจ้าของบัญชี ปปง. และ ธนาคาร จะดำเนินการต่อโดยประชาสัมพันธ์แจ้งเจ้าของบัญชี ให้ดำเนินการเปลี่ยนไปใช้เบอร์ซิมการ์ดที่ตนเป็นเจ้าของ หรือเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองเบอร์เป็นชื่อตน ยกเว้นมีเหตุผลความจำเป็น
เช่น เปิดโมบายแบงก์กิ้งให้บุตรหลานที่เป็นเด็กเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เป็นต้น แต่หากเจ้าของบัญชีไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลง อาจพิจารณาระงับการใช้งานธนาคารออนไลน์ต่อไป สำหรับกรณีขอเปิดใช้โมบายแบงก์กิ้งรายใหม่ ธนาคารต้องตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีและเจ้าของเบอร์ต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน ในส่วนนี้ กสทช. ได้พัฒนาระบบให้ตรวจสอบได้โดยง่ายผ่านทาง แอปพลิเคชัน 3 ชั้น และบริการ *179*เลขบัตรประชาชน# โทรออก
อนึ่ง ในประชุมคณะอนุกรรมการฯ วันนี้ ยังได้มีการรายงานความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ถือครองซิมตั้งแต่ 6 หมายเลขขึ้นไป ตาม ประกาศ กสทช. โดย กลุ่มที่ 1 (6-100 หมายเลข) จะครบกำหนด 180 วัน ในวันที่ 13 ก.ค.67 ที่จะถึงนี้ ส่วน กลุ่มที่ 2 (101 หมายเลข ขึ้นไป) ซึ่งได้ครบกำหนดไป ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา จากข้อมูลล่าสุด กสทช. ได้ระงับซิมที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ไปแล้วถึง 2,137,465 เลขหมาย รวมทั้งซิมโมบายแบงก์กิ้งที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวด้วย
ในการนี้ กสทช. มุ่งกำจัดซิมผี ที่อยู่ในความครอบครองของมิจฉาชีพ โดยอาศัยอำนาจตามประกาศดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องรอการแจ้งระงับจากพนักงานสอบสวน ที่มีขั้นตอนตามกฎหมายและต้องใช้เวลา ทั้งยังเป็นการช่วยกำจัดซิมผีในระบบธนาคารออนไลน์ไปในคราวเดียวกัน และหากกำหนดให้ เจ้าบัญชีธนาคารและเบอร์โมบายแบงก์กิ้งเป็นบุคคลคนเดียวกัน กลุ่มมิจฉาชีพจะทำงานได้ยากขึ้น ปัญหาเรื่องซิมผีบัญชีม้าก็จะหมดไปหรือลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ