รีวิว “Samsung Galaxy Watch Ultra” รุ่นใหญ่สุด ดีและครบที่สุดที่เขาทำมา
Samsung Galaxy Watch เป็นอีก Gadget ที่ Samsung พัฒนาให้เห็นมาตลอดว่านาฬิกาเรือนเล็กๆ แค่นี้ก็ทำอะไรได้เยอะ ตั้งแต่รุ่นแรกที่เกิดมาบนโลก แล้วก็ตาม มาถึงเวลานี้ก็ยาวนานหลายปีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ ตัวท็อปจริงๆ จะเปิดตัวแล้วให้เราได้ทดลองกับ Galaxy Watch Ultra ใหม่ล่าสุด เรามาเจาะลึกและดูกันว่า
- สเปก
- ดีไซน์
- ความทนทาน
- การแสดงผล
- การเชื่อมต่อกับมือถือ
- ฟีเจอร์ทั่วไป
- ฟีเจอร์ดูแลสุขภาพ
- แบตเตอรี่ และ การชาร์จไฟ
- สรุป
สเปก Samsung Galaxy Watch Ultra
- ขนาดบอดี้ : 47.4 x 47 x 12.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 60.5 กรัม
- ขนาดหน้าจอ หน้าปัด 1.47 มิลลิเมตร หน้าจอขนาด 1.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
- ตัวเรือนทำจากไทเทเนียม กระจก Sapphire Crystal
- ขุมพลัง Exynos W1000
- ความจำ 32GB
- RAM 2GB
- การเชื่อมต่อ :
- Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3
- Wi-Fi AC
- 4G
- ระดับการกันน้ำ : 10 ATM water resistant ลงน้ำได้ 100 เมตรขึ้นไป
- เซ็นเซอร์ : Heart Rate Monitor. ECG, BP, BIA, Continuous SpO2, Infrared Temperature, Fitness & Recovery tracking, Energy Score , Wellness Tips, Accelerometer, Gyro, Baro, Ambient Light, Compass, 3D Hall sensor
- แบตเตอรี่กำลัง 590 mAh
- ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย และรองรับชาร์จแบบเร็ว
ดีไซน์ Samsung Galaxy Watch Ultra
ต้องบอกว่าการออกแบบของ Galaxy Watch Ultra นั้นมีดีไซน์ที่ลุยมากพร้อมกับหน้าจอขนาด 47 มิลลิเมตร (1.47 นิ้ว พร้อมกับความละเอียด 480x480 พิกเซล กรอบหน้าเป็นแบบไทเทเนียม และกระจกข้างในเป็นแบบ Sapphire Crystal ที่แข็งแกร่งพอสมควรเลย
ด้านข้างจะมีปุ่มกดที่สั่งงานได้ทั้งซ้ายและขวา แต่ว่ารุ่น Ultra ต่างกันที่มีปุ่ม Action ที่สามารถกดเพื่อสั่งงานที่ตั้งค่าไว้ได้ทันที และสามารถกดขอความช่วยเหลือได้แค่กดค้างไว้ 5 วินาที
อีกฝั่งมีลำโพง ที่ให้เสียงที่ดังกว่ารุ่นเดิม
สายของรุ่น Galaxy Watch Ultra จะเป็นสาย Marine Band ที่เข้าได้กับทุกกิจกรรมที่ข้อต่อทำจากไทเทเนียมพร้อมกับการออกแบบที่ดูดีรองรับกับการลุย และยังถอดได้ด้วยแบบ Lug System จากตัวเรือน
ใต้ Smart Watch จะมีเซ็นเซอร์ที่สามารถวัดชีพจรได้แม่นยำโดยเรียกว่า BioActive ทั้งหมด 13 จุดนั้นเอง พร้อมกับรองรับกำลังชาร์จไฟแบบไร้สาย
ความทนทาน / การสวมใส่
สำหรับรุ่น Galaxy Watch Ultra จะมาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 และกันน้ำได้ลึก 10ATM สามารถลุยน้ำทะเลได้เช่นเดียวกันครับ แต่ว่าแนะนำเวลาขึ้นมาแล้วควรจะล้างน้ำจืดหน่อยครับ
สำหรับการใส่ Samsung Galaxy Watch Ultra ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่แนบกับแขนวัดระยะให้ถูกต้องแล้วค่อยๆ จัดสายและใส่เข้าไป เพียงแต่ข้อสังเกตคือ ข้อต่อของ Smart Watch รุ่นนี้ แม้จะออกแบบให้ใส่ได้แน่นและไม่หลุดง่าย
การแสดงผลหน้าจอ และ เสียง
ด้วยหน้าจอเป็นแบบ AMOLED ให้ความสว่างที่ดีและยังมาพร้อมกับการเปลี่ยนหน้าปัดได้มากมายสามารถปรับความสว่างได้ง่ายแบบอัตโนมัติ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมเปลี่ยนหน้าปัดเป็นสีแดงเมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อยด้วยครับ ส่วนระบบเสียงสามารถให้กำลังเสียงสูงสุดที่ 90 เดซิเบลทำให้เสียงขอความช่วยเหลือทำงานได้ดี
การเชื่อมต่อกับมือถือ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Galaxy Watch Ultra ยังคงต้องใช้ Application อย่าง Galaxy Wearable ถ้าเป็นมือถือ Samsung เองจะมีติดตั้งมาให้อยู่แล้วแทบทุกรุ่น แต่ว่า ถ้าเป็นมือถือยี่ห้ออื่นต้องติดตั้ง Plug-in เพื่อให้สามารถสั่งงานได้ แต่อาจจะใช้งานไม่ได้ทุกฟังก์ชั่น ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ยังไม่สามารถทำได้
และยังสามารถดูแลสุขภาพเพราะเชื่อมต่อกับ Samsung Health ได้ง่ายพร้อมกับเชื่อมต่อ App สุขภาพได้ครบครัน
ฟีเจอร์ทั่วไป
Samsung Galaxy Watch Ultra และ Galaxy Watch7 เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ WearOS 5 ครอบทับด้วย One UI Watch 6.0 ที่เน้นความลื่นไหลมากขึ้นและยังมีฟีเจอร์การทำงานแบบจัดหนัก และยังดาวน์โหลด Application ผ่านทาง Google Play Store แทบทุก Apps
ด้วยขุมพลัง Exynos W1000 ใหม่ล่าสุดที่มีขนาด 3 นาโนเมตร เล็กแต่แรงและเขาเคลมว่าประหยัดไฟมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ความจำในตัว 32GB และ มี RAM 2GB ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว และยังมีการปรับมาใช้ GPS แบบ Dual Band ระหว่าง L1 + L5 ที่แม่นมากขึ้น และยังมีสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างคือ
- Watch Face เฉพาะรุ่น Ultra ที่สามารถเปลี่ยนสีสันตามสภาพแสงได้โดยไม่ต้องกดอะไร แค่อยู่ที่แสงน้อยหน้าปัดจะเป็นสีแดงและยังปรับแต่งได้หน่อย
- สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ของ Samsung Galaxy ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดกล้องสั่งถ่ายภาพและแสดงผลภาพได้ทันที
- Widget มีให้เลือกมากขึ้นและทำงานร่วมกับ Apps ได้
- สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ของ Samsung Galaxy ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดกล้องสั่งถ่ายภาพและแสดงผลภาพได้ทันที
- สามารถตอบข้อความได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ในรูปแบบการพิมพ์ตอบ, เขียนและแปลงเป็นตัวอักษร (Handwriting to text), พูดแล้ว แปลงเป็นตัวพิมพิมพ์ (Voice to text) หรือ Quick reply message ตามข้อความด่วนที่ตั้งไว้ ส่วนนี้จะมี Galaxy AI ช่วยในการจัดการข้อความ
- รองรับบริการ Google Pay Wallet ที่ผูกกับบัตรเครดิตเช่น KTC / BBL / TTB / Kbank และ TrueMoney
- และฟีเจอร์เดิมอย่าง Gesture Control ก็ยังอยู่
ฟีเจอร์ดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพรอบนี้จัดเต็มทั้งเรื่องก่อนออกกำลังกายที่ทำได้ตั้งแต่เช้ายันกลางคืน เริ่มจาก
- การวัดพลังงานของร่างกายหรือ Energy ออกมาเป็นคะแนนหรือ Energy Score ผ่านการ วิเคราะห์จาก 4 ปัจจัยหลัก: การนอนหลับ, กิจกรรม, อัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ (SHR) และ ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ (SHRV)
- ระบบวัดความเครียด
- Wellness Tips คำแนะนำในการออกกำลังกายโดยครั้งแรกเชื่อมจะมีการถามว่าต้องการดูแลสุขภาพเพื่อเป้าหมายอะไร AI จะดึงคำแนะนำขึ้นมาให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละคน
- ระบบวัด Oxygen ในเลือกได้ทั้งการใช้งานปกติ และวัดระหว่างการนอนโดยอัตโนมัติ
- ECG รุ่นนี้ยังรองรับแต่ต้องวัดโดยการใช้เครื่องวัดความดันกดไปพร้อมกันเพื่อให้ขึ้นข้อมูลได้แม่นยำ
- Heart rate วัดอัตราการเต้นของหัวใจ / Stress monitoring วัดระดับความเครียด และโปรแกรมผ่อนคลายสมาธิ
- Fall Detection : กรณีบังเอิญล้ม เดินล้ม ตกบันได โดนชน หรืออื่นๆที่เกิดการกระแทกและ ตรวจจับได้ ภายใน 1 นาที หากไม่มีการขยับ-ไม่ตอบสนอง (กดยืนยันใน Watch) Galaxy Watch จะทำการโทรออกเบอร์ SOS ที่ตั้งไว้ทันที
- Advance Sleep Monitor ระบบวัดการนอนขั้นสูงที่สามารถทำงานได้ดังนี้
- วัดคุณภาพการนอนได้ละเอียดและแม่นยำ : Sleep Score & Stage Analysis (Deep, REM, Light, Awake)
- บันทึกและวิเคราะห์รูปแบบการนอนของคุณ ออกมาเป็นคาแรคเตอร์เฉพาะตัว พร้อมข้อแนะนำ เพื่อพัฒนาการนอนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
- ตรวจจับการกรนระหว่างนอน สามารถอัดเสียงไว้เพื่อปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญได้ในอนาคต (Snoring Detection)
- วัดออกซิเจนในเลือดขณะหลับ (SpO2 - Blood Oxygen)
- ระบบตรวจจับไขมันในตัว โดยการแตะที่ปุ่มสั่งงานข้างขวา
- โปรแกรมตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ
และถ้าคุณต้องการออกำลังกายก็จะมีฟีเจอร์เหล่านี้มาให้
- โหมดการออกกำลังกายที่ให้เลือกมากกว่า 100 รูปแบบ แถมรองรับ Multi Sport
- สามารถวัดฟีเจอร์ค่า VO2Max
ภาพรวมในการออกกำลังกายทั้งรูปแบบของการวิ่งลู่ พบว่าสามารถวัดจำนวนก้าวได้, วัดระยะทางได้, ความเร็วเฉลี่ย ที่ทำได้ดีกว่าเดิม แถมการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ช่วยให้การวัดชีพจรนั้นทำได้แม่นยำและยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อ Heart Rate อยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสมได้ เพื่อให้เราพัก
ส่วนการวัดการนอน หากจะให้ทำงานเราต้องกดโหมดเป็น Sleep ถ้าไม่กดนอกจากระบบจะไม่ได้วัดแล้ว หน้าปัดอาจจะรบกวนสายตาเวลานอน แต่ว่าจากที่ทดลองใส่ถ้าได้สายผ้าสักอันก็น่าจะดีเพราะการใส่สายตัวนี้นอนแอบอึดอัด
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แบตเตอรี่มีขนาด 590 mAh ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ Galaxy Watch ได้เปิดตัวมา โดยสามารถเคลมว่าใช้งานได้มากที่สุดดังนี้
- ใช้งานได้นานสุด 100 ชั่วโมง โดยมีกด Power Saving Mode
- ใช้ Exercise Power Saving Mode ในโหมดออกกำลังกายจะอยู่ที่ 48 ชั่วโมง
- โหมดปกติแบบเปิด Always On Display จะอยู่ได้ 60 ชั่วโมง
- โหมดปกติแบบปิด Always On Display จะอยู่ได้ 80 ชั่วโมง
แต่จากที่ใช้งานจริงพบว่า ได้ใช้งานโหมดออกกำลังกาย แบบปกติ, มีการแจ้งเตือนในชีวิตประจำวัน และวัดการนอน ผ่าน 24 ชั่วโมงแบตเตอรี่เหลือ 51%
อย่างไรก็ตามทาง Samsung เผยว่ายังมี ในโหมดออกกำลังกายจะประหยัดพลังงานได้ผ่าน Exercise Power Saving ถ้ากดเข้าไปแล้วจะสามารถเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยยืดอายุการใช้งาน มากขึ้น โดยจะช่วยประหยัดพลังงานราวๆ 10% เมื่อได้กดใช้งานโดยต้องเลือกเมื่อระบบเริ่มวัดการออกกำลังแล้วกดในหน้า Setting
บอกก่อน โหมด Exercise Power Saving Mode จะลดมีการปิดการแจ้งเตือนในการออกกำลังกาย, และระบบ GPS ที่จะลดความเข้มของสัญญาณ และระบบวัดชีพจรบางอย่างที่ไม่จำเป็น เพื่อประหยัดพลังงาน
ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับกำลังสูงสุด 10W โดยสายชาร์จติดกล่องจะเป็นสาย USB-C แต่ว่าถ้าใช้ที่ชาร์จแบบเดิมก็สามารถทำได้แต่กำลังจะอยู่ที่ 5W อาจจะใช้เวลาชาร์จสักหน่อย
สรุปหลังทดลองใช้ Samsung Galaxy Watch Ultra มาสักพักหนึ่ง
หลังจากได้ทดลองใช้ Samsung Galaxy Watch Ultra ต้องพูดเลยว่าฟีเจอร์ทุกอย่างถือว่ามาแบบจัดเต็มและยังได้ลูกเล่นที่เพิ่มเติมจากเดิม ปัญหาเรื่องของ Samsung Galaxy Watch ที่ขาดไปหลายเรื่องในตัวก่อนถูกแก้ในรุ่นนี้เช่น, การวัดชีพจรที่ไม่ได้แม่นยำ, การลุยที่ต้องคิดเยอะเพราะกลัวไม่ทน รวมถึงโหมดที่หลากหลายมากช่วยในการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น
นี่ก็เป็นอีก Smart Watch ขั้นสุดของ Samsung ตั้งแต่เปิดตัว Galaxy Watch มาเลยครับ
ราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy Watch Ultra
สำหรับในประเทศไทยจะมีรุ่นเดียวคือ Galaxy Watch Ultra LTE ในราคาวางจำหน่ายที่ 23,900 บาท เมื่อเทียบกับความสามารถที่เพิ่มเติมขึ้นมาทำให้นาฬิกาตัวนี้เหมาะกับคนที่ต้องการความลุยและวัสดุที่เน้นความทนทานใส่แล้วออกงานได้เลยครับ
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นได้แก่
- ซื้อพร้อมกับ Samsung Galaxy Z Flip6 หรือ Z Fold6 จะเริ่มต้นสามารถลดได้ 30%
- และถ้าไม่ได้ซื้อพร้อมกันสามารถรับส่วนลด 15% จนถึงวันที่ 23 กรกฏาคม นี้
ใครเหมาะกับ Galaxy Watch Ultra
แล้วใครจะเหมาะกับ Samsung Galaxy Watch Ultra ก็ขอแบ่งออกเป็นดังนี้
- รักการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้ง: ด้วยความทนทานระดับกองทัพ (MIL-STD-810H), กันน้ำ 10ATM, และ GPS ที่แม่นยำ ทำให้ Galaxy Watch Ultra เหมาะสำหรับนักเดินทาง, นักปีนเขา, นักดำน้ำ, หรือผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ
- ต้องการสมาร์ทวอทช์ที่ทนทาน: วัสดุ Titanium และหน้าจอ Sapphire Crystal ช่วยให้ Galaxy Watch Ultra ทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดี
- ใส่ใจสุขภาพและการออกกำลังกาย: Galaxy Watch Ultra มาพร้อมเซ็นเซอร์ BioActive และฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ECG, SpO2, การติดตามการนอนหลับ, และการออกกำลังกายกว่า 100 รูปแบบ
- ต้องการแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน: แบตเตอรี่ของ Galaxy Watch Ultra สามารถใช้งานได้นานถึง 100 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน และ 48 ชั่วโมงในโหมด Exercise Power Saving
- ชอบดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัย: Galaxy Watch Ultra มีดีไซน์ที่โดดเด่นและดูพรีเมียม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทวอทช์ที่ดูดีและมีสไตล์
หากคุณกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ทนทาน, มีฟีเจอร์ครบครัน, และเหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ Samsung Galaxy Watch Ultra เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ