เผยผลสำรวจ WI-Fi ทั่วกรุงปารีส สถานที่จัดโอลิมปิกพบ 25% ไม่ปลอดภัย

เผยผลสำรวจ WI-Fi ทั่วกรุงปารีส สถานที่จัดโอลิมปิกพบ 25% ไม่ปลอดภัย

เผยผลสำรวจ WI-Fi ทั่วกรุงปารีส สถานที่จัดโอลิมปิกพบ 25% ไม่ปลอดภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ได้วิเคราะห์จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะเกือบ 25,000 จุดในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศสก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนและพาราลิมปิก การวิเคราะห์เผยให้เห็นว่าเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะจำนวนเกือบ 25% ไม่มีการเข้ารหัสหรือใช้รหัสที่เปราะบาง ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน มีเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเพียง 6% เท่านั้นที่ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย WPA3 ล่าสุด กีฬาโอลิมปิกที่ปารีสนี้ถือเป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งแรกที่จัดขึ้นแบบพบปะกันตัวต่อตัวนับตั้งแต่มีการยกเลิกข้อจำกัดจากโรคระบาดครั้งใหญ่ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายพันคน นักวิจัยทีมวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลกของแคสเปอร์สกี้ หรือทีม GReAT (Global Research and Analysis Team) ได้จัดทำแผนที่และประเมินความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ

 

นักวิจัยวิเคราะห์บันทึกสัญญาณ 47,891 รายการจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกในปารีส และระบุจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่ซ้ำกัน 24,766 จุด และพบว่าเครือข่ายเหล่านี้หนึ่งในสี่ (25%) มีจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรง เช่น การเข้ารหัสที่เปราะบางหรือไม่มีเลย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกดักจับ ถอดรหัส หรือโจมตีแบบเจาะระบบได้ นอกจากนี้ จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi เกือบหนึ่งในห้า (20%) มีการกำหนดค่าด้วย WPS ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ล้าสมัย ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตี WPS สูง ซึ่งอาจทำให้สูญเสียข้อมูลได้ นักวิเคราะห์พบว่ามีเพียง 6% เท่านั้นที่ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย WPA3 ล่าสุด

นายเอมิน ฮาสบินิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ตุรกีและแอฟริกา ทีมวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลกของแคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ขณะที่นักกีฬากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน อาชญากรไซเบอร์ก็ได้เตรียมการต้อนรับที่ไม่น่าพึงประสงค์สำหรับผู้คนนับล้านที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรม แฟนโซน และงานอีเว้นต์ต่างๆ ในปารีส อาชญากรไซเบอร์อาจสร้างจุดเชื่อมต่อปลอม หรือเจาะเครือข่ายเพื่อสกัดกั้นและจัดการการถ่ายโอนข้อมูล เครือข่าย Wi-Fi แบบสาธารณะที่กำหนดค่าไม่ถูกต้องนั้นดึงดูดอาชญากรเป็นพิเศษ เนื่องจากทำให้ขโมยรหัสผ่าน รายละเอียดบัตรเครดิต และข้อมูลผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ ได้”

การใช้ Virtual Private Network (VPN) อย่าง Kaspersky VPN Secure Connection ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่เข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi แบบสาธารณะ การใช้ VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สร้างช่องทางที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต การเข้ารหัสนี้ป้องกันไม่ให้อาชญากรรมทางไซเบอร์ดักจับข้อมูล แม้แต่ในเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยก็ตาม VPN ช่วยปกปิดไอพีแอดเดรสและเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งทั้งหมด เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินได้รับการปกป้องขณะใช้ Wi-Fi สาธารณะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook