รู้จัก "Wi-Fi Calling" ฟีเจอร์โทรโดยใช้ Wi-Fi ทั้งดีและประหยัดค่าใช้จ่ายได้

รู้จัก "Wi-Fi Calling" ฟีเจอร์โทรโดยใช้ Wi-Fi ทั้งดีและประหยัดค่าใช้จ่ายได้

รู้จัก "Wi-Fi Calling" ฟีเจอร์โทรโดยใช้ Wi-Fi ทั้งดีและประหยัดค่าใช้จ่ายได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ก็มีฟีเจอร์เยอะมากมาย หนึ่งในนั้นคือ "Wi-Fi Calling" หรือ การโทรด้วย Wi-Fi คำถามก็คือมันประหยัดเงินจริงหรือเปล่า แลัมันดีกว่าการใช้สัญญาณมือถือปกติอย่างไร วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ

Wi-Fi Calling คืออะไร

Wi-Fi Calling หรือการโทรผ่าน Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณสามารถโทรออกและรับสายผ่านเครือข่าย Wi-Fi ได้ แม้ในบริเวณที่สัญญาณมือถืออ่อนหรือไม่มีสัญญาณเลยก็ตาม 

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling

 วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ iPhoneวิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ iPhone

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ iPhone

 

  1. ไปที่ การตั้งค่า (Settings) บน iPhone ของคุณ

  2. เลือก โทรศัพท์ (Phone)

  3. แตะที่ การโทรผ่าน Wi-Fi (Wi-Fi Calling)

  4. เปิดสวิตช์ การโทรผ่าน Wi-Fi บน iPhone นี้ (Wi-Fi Calling on This iPhone)

  5. เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คุณจะเห็นคำว่า "Wi-Fi" ปรากฏหลังชื่อผู้ให้บริการในแถบสถานะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi

  6. หากสัญญาณมือถืออ่อน iPhone ของคุณจะสลับไปใช้ Wi-Fi Calling โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถโทรออกและรับสายได้ตามปกติ

 

 

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ Android วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ Android

 

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ Android 

 

  1. ไปที่ การตั้งค่า (Settings) บนมือถือของคุณ

  2. เลือก การเชื่อมต่อ (Connections)

  3. สำหรับบางรุ่น เช่น Samsung อาจมีหัวข้อ Wi-Fi Calling ขึ้นมาให้เลือกทันที หรืออาจต้องเข้าไปที่หน้าการตั้งค่าซิมการ์ด

  4. เปิดใช้งาน Wi-Fi Calling

  5. เมื่อเปิดแล้ว จะเห็นไอคอนรูปหูโทรศัพท์พร้อมสัญญาณ Wi-Fi แสดงขึ้น แสดงว่าคุณสามารถใช้งาน Wi-Fi Calling ได้

 

ข้อดีของ Wi-Fi Calling

  • โทรได้แม้สัญญาณมือถืออ่อน: ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณมือถือขาดหายอีกต่อไป ตราบใดที่คุณมี Wi-Fi ก็สามารถโทรได้อย่างราบรื่น

  • ประหยัดค่าโทร: โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโทรไปต่างประเทศ เพราะ Wi-Fi Calling จะใช้เน็ตแทนการคิดค่าโทรตามปกติ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

  • คุณภาพเสียงคมชัด: หากคุณมี Wi-Fi ที่เสถียร คุณภาพเสียงในการโทรจะคมชัดกว่าการโทรผ่านสัญญาณมือถือที่อ่อน

  • ไม่ต้องติดตั้งแอปเพิ่ม: Wi-Fi Calling มักจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก

  • ใช้งานง่าย: เพียงเปิดใช้งาน Wi-Fi Calling ในการตั้งค่า ก็สามารถโทรออกและรับสายได้เหมือนปกติ

ข้อสังเกตของ Wi-Fi Calling

  • ต้องมี Wi-Fi ที่เสถียร: คุณภาพการโทรและความเสถียรของ Wi-Fi Calling ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสัญญาณ Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อ หาก Wi-Fi ไม่เสถียร อาจทำให้การโทรขาดหายหรือมีเสียงสะดุดได้

  • ต้องรองรับจากผู้ให้บริการและอุปกรณ์: ไม่ใช่ทุกเครือข่ายและทุกรุ่นโทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi Calling คุณต้องตรวจสอบกับผู้ให้บริการของคุณและตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับหรือไม่

  • อาจมีปัญหาเรื่องตำแหน่ง: ในบางกรณี Wi-Fi Calling อาจทำให้ระบบระบุตำแหน่งของคุณคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานแอปพลิเคชันบางตัวที่ต้องใช้ตำแหน่งที่แม่นยำ

  • อาจมีผลต่อแบตเตอรี่: การใช้งาน Wi-Fi Calling อาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากโทรศัพท์ต้องทำงานทั้ง Wi-Fi และระบบโทรศัพท์พร้อมกัน

Wi-Fi Calling

Wi-Fi Calling จำเป็นต้องใส่ซิมการ์ดไหม

สำหรับเทคโนโลยี Wi-Fi Calling ยังจำเป็น ต้องใส่ซิมการ์ด หรือเปิดใช้งาน eSIM ในเครื่องโทรศัพท์ของคุณ ถึงแม้ว่า Wi-Fi Calling จะใช้เครือข่าย Wi-Fi ในการโทรออกและรับสาย แต่ก็ยังต้องมีซิมการ์ดเพื่อระบุตัวตนและเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือ

สรุปแล้ว Wi-Fi Calling เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าสำหรับการโทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เราต้องเชื่อมต่อกันตลอดเวลา และเหมากับสถานที่อับสัญญาณ แค่ใช้ Wi-Fi ก็สามารถใช้งานแทนได้ครับ

ครั้งหน้า Sanook Hitech จะมีเรื่องราวอะไรมาบอกเล่ากันต่ออย่าลืมกลับมาติดตามกันนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook