เหตุผลที่มือถือดับก่อนที่แบตฯ จะเหลือ 0%
หลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์ มือถือดับเอง ทั้งๆ ที่แบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมไม่รอให้แบตฯ หมด 0% ก่อนถึงจะดับ? จริงๆ แล้ว เบื้องหลังการดับของมือถือ มีปัจจัยซ่อนอยู่อีกมากมาย ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอย่างเดียว!
1. กลไกปกป้องตัวเองของโทรศัพท์
โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ มาพร้อมระบบป้องกันอัจฉริยะ เปรียบเสมือน "เซฟตี้คัท" เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด (ราวๆ 2-5%) ระบบจะสั่งปิดเครื่องทันที เพื่อป้องกันความเสียหายจากการใช้แบตฯ จนหมดเกลี้ยง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานในระยะยาว
2. อุณหภูมิสูงเกิน
การใช้งานหนักๆ เล่นเกม ดูหนัง หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด ล้วนทำให้โทรศัพท์มีอุณหภูมิสูงขึ้น เมื่อถึงจุดวิกฤต ระบบจะตัดการทำงาน ปิดเครื่องเองโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายใน
3. ซอฟต์แวร์มีปัญหา
บางครั้ง ซอฟต์แวร์ หรือแอปพลิเคชันเกิดข้อผิดพลาด ก็ทำให้มือถือดับเองได้ เช่น แอปฯ เกิดบั๊ก ระบบปฏิบัติการขัดข้อง หรือมีไวรัส
4. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
แบตเตอรี่ก็เหมือนชิ้นส่วนอื่นๆ มีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อเสื่อมสภาพ ความจุในการเก็บไฟจะลดลง ส่งผลให้โทรศัพท์ดับเร็ว แม้เปอร์เซ็นต์แบตฯ ที่แสดงจะยังไม่ถึง 0% ก็ตาม
ข้อควรรู้: การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ เป็น "ภัยเงียบ" ที่ทำร้ายแบตเตอรี่ ทำให้เสื่อมเร็ว ดังนั้น ควรชาร์จแบตฯ ก่อนหมด และหลีกเลี่ยงการใช้งานขณะแบตฯ ใกล้หมดจะดีที่สุดและควรสังเกตสิ่งเหล่านี้ไปด้วยนั่นคือ
- หากมือถือดับเองบ่อยๆ ทั้งที่แบตฯ ยังเหลือเยอะ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแบตเตอรี่เสื่อม ควรนำไปตรวจเช็ค
- ควรอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- หลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ร้อนจัด หรือใช้งานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ