เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra อัปเกรดให้สุดรอบด้าน

เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra อัปเกรดให้สุดรอบด้าน

เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra อัปเกรดให้สุดรอบด้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

OPPO ได้ฤกษ์เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025 อย่างเป็นทางการ นั่นคือ OPPO Find X8 Ultra ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น Find X7 Ultra ได้อย่างน่าสนใจ โดยมาพร้อมการปรับปรุงในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยงามยิ่งขึ้น, ประสิทธิภาพระดับเรือธงแห่งปี, แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และแน่นอนว่ากล้องถ่ายรูปที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น (สำหรับ OPPO Find X8s และ X8s+ จะมีรายละเอียดในข่าวแยกต่างหาก)

เริ่มต้นที่งานออกแบบ OPPO Find X8 Ultra เคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนกล้องเรือธงที่บางที่สุด ด้วยความหนาเพียง 8.78 มม. (บางลงจาก 9.5 มม. ในรุ่นก่อน) แม้จะบางลง แต่ความทนทานกลับเพิ่มขึ้น โดยยังคงมาตรฐาน IP68 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำ รวมถึงเพิ่มมาตรฐาน IP69 สำหรับการทนทานต่อน้ำแรงดันสูง นอกจากนี้ OPPO ยังเคลมว่าตัวเครื่องผ่านมาตรฐานการทดสอบการตกกระแทกระดับ SGS five-star drop resistance อีกด้วย

ในส่วนของหน้าจอแสดงผล ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี โดยยังคงเป็นพาเนล LTPO OLED ขนาด 6.82 นิ้ว แบบ 10-bit รองรับอัตรารีเฟรชเรทแบบปรับเปลี่ยนได้ 1-120Hz ความละเอียด 3168x1440 พิกเซล และความสว่างสูงสุด 1,600 nits

 f8u_1

สำหรับขุมพลัง OPPO ได้อัปเกรด Find X8 Ultra เป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite SoC แบบ 8-core จับคู่กับ RAM สูงสุด 16GB แบบ LPDDR5X-9600 และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในสูงสุด 1TB แบบ UFS 4.1 ตัวเครื่องทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Android 15

หนึ่งในการอัปเกรดที่สำคัญคือแบตเตอรี่ใหม่ขนาดใหญ่ถึง 6,100mAh ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากรุ่นก่อน โดยยังคงรองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบมีสาย 100W SUPERVOOC และไร้สาย 50W AIRVOOC (รวมถึง Reverse Wireless Charging 10W)

OPPO Find X8 Ultra มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Matte Black (ดำด้าน), Pure White (ขาวบริสุทธิ์) และ Shell Pink (ชมพูเปลือกหอย) ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมพื้นผิวสัมผัสแบบด้านทั้งบนกรอบโลหะและแผงกระจกด้านหลัง

 f8u_5

OPPO Find X8 Ultra ยังมาพร้อมปุ่มควบคุมทางกายภาพใหม่สองปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Shortcut (ทางลัด) ที่ด้านซ้ายบนของตัวเครื่อง ซึ่งสามารถปรับแต่งเพื่อใช้งานฟังก์ชันและแอปพลิเคชันต่างๆ ได้หลากหลาย และปุ่ม Quick (ด่วน) ที่ด้านขวาล่างของตัวเครื่อง ซึ่งหลักๆ แล้วจะใช้สำหรับการควบคุมกล้อง โดยมีลักษณะคล้ายกับปุ่มที่พบใน OPPO Find X7 Pro

ในส่วนของกล้องถ่ายรูป OPPO ได้อัปเกรดกล้องซูมสองตัวใน Find X8 Ultra, คงกล้องหลักไว้เช่นเดิม และลดสเปกกล้อง Ultrawide ลงเล็กน้อย (ตามสเปกบนกระดาษ) นอกจากนี้ ยังมีกล้อง True Chroma (สีสันสมจริง) ใหม่ ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์อุณหภูมิสีของฉาก และทำงานร่วมกับการประมวลผลที่ปรับแต่งโดย Hasselblad เพื่อให้ได้โทนสีผิวที่แม่นยำในทุกสภาพแสง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ถูกนำเสนออย่างละเอียดในงานเปิดตัว

กล้องหลักยังคงเป็นเซ็นเซอร์ Sony LYT900 ขนาด 1 นิ้ว ความละเอียด 50MP พร้อมเลนส์ 23 มม. รูรับแสง f/1.8 ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน โดย OPPO เคลมว่ามีขนาดใหญ่กว่ากล้องหลักของ iPhone 16 Pro Max ถึง 63% และใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ 200MP ของ Galaxy S25 Ultra ถึง 69%

สำหรับกล้องซูมแบบ Periscope ทั้งสองตัวได้รับการปรับปรุงจากรุ่นก่อน โดยกล้องซูมระยะใกล้ 3 เท่า ยังคงใช้เซ็นเซอร์ LYT700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ความละเอียด 50MP แต่มาพร้อมเลนส์ 70 มม. (เทียบเท่า 2.8 เท่า หรือ 65 มม. ในรุ่นก่อน) ที่มีรูรับแสงสว่างขึ้นเป็น f/2.1 (จาก f/2.6 ใน Find X7 Ultra) OPPO เคลมว่าเซ็นเซอร์มีขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ในกล้องซูม 70 มม. ของ Xiaomi 15 Ultra ถึง 105% และใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ในกล้องซูม 67 มม. ของ Galaxy S25 Ultra ถึง 300%

 f8u_6

กล้องซูม Telephoto 6 เท่า 135 มม. มาพร้อมเซ็นเซอร์ LYT600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว (จาก 1/2.51 นิ้วใน Find X7 Ultra) และรูรับแสงที่สว่างขึ้นอย่างมากเป็น f/3.1 (จาก f/4.3)

ในส่วนของกล้อง Ultrawide ดูเหมือนว่าจะมีสเปกลดลง โดยมาพร้อมเลนส์ 15 มม. รูรับแสง f/2.0 และเซ็นเซอร์ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว ในขณะที่รุ่นก่อนมาพร้อมกล้อง 14 มม. รูรับแสง f/2.0 และเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่าที่ 1/1.95 นิ้ว สุดท้าย กล้องหน้ายังคงเป็นกล้อง Ultrawide ความละเอียดเท่าเดิมที่มาพร้อมระบบ Autofocus เลนส์ 21 มม. รูรับแสง f/2.4 และเซ็นเซอร์ LYT506 ขนาด 1/2.74 นิ้ว

เบื้องหลังการทำงาน OPPO ได้ปรับปรุง HyperTone Image Engine (เอนจินประมวลผลภาพ HyperTone) เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลภาพ และปรับปรุงประสิทธิภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย มีฟีเจอร์ AI tone mapping (การปรับโทนสีด้วย AI) เพื่อปรับปรุงความลึกและรายละเอียดของภาพ (โดยเฉพาะในฉากย้อนแสง) และเอนจิน ProXDR ที่ช่วยเพิ่มความสว่างและข้อมูลสี (OPPO เคลมว่าเพิ่มความสมบูรณ์ของข้อมูลถึง 4 เท่า)

 f8u_4

ด้วยเหตุนี้ OPPO จึงกล่าวว่า Find X8 Ultra มอบ "Holy Trinity (ตรีเอกานุภาพ)" ของเลนส์ถ่ายภาพไว้ในกระเป๋าของคุณ แต่ความสามารถไม่ได้หยุดอยู่แค่การถ่ายภาพ Find X8 Ultra ยังเพิ่มความสามารถในการถ่ายวิดีโอ Slow-motion เป็น 4K 120fps และรองรับ Dolby Vision อีกด้วย

โดยรวมแล้ว OPPO Find X8 Ultra กำลังจะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่คาดการณ์ว่าอาจจะไม่มีการวางจำหน่ายนอกประเทศจีน

OPPO Find X8 Ultra จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนในวันที่ 16 เมษายน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 6,499 หยวน (ประมาณ 33,xxx บาท) สำหรับรุ่น 12GB/256GB, 6,999 หยวน (ประมาณ 36,xxx บาท) สำหรับรุ่น 16GB/512GB และ 7,999 หยวน (ประมาณ 41,xxx บาท) สำหรับรุ่น 16GB/1TB

ตารางสเปก OPPO Find X8 Ultra:

คุณสมบัติ OPPO Find X8 Ultra
หน้าจอ 6.82 นิ้ว LTPO OLED, 1-120Hz, 3168x1440 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 1600 nits
ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite SoC
RAM สูงสุด 16GB LPDDR5X-9600
หน่วยความจำ สูงสุด 1TB UFS 4.1
กล้องหลัง กล้องหลัก 50MP (เซ็นเซอร์ Sony LYT900 ขนาด 1 นิ้ว, OIS, เลนส์ 23 มม. รูรับแสง f/1.8)
  กล้อง Ultrawide 50MP (เซ็นเซอร์ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว, เลนส์ 15 มม. รูรับแสง f/2.0)
  กล้อง Telephoto 3x Periscope 50MP (เซ็นเซอร์ LYT700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, OIS, เลนส์ 70 มม. รูรับแสง f/2.1)
  กล้อง Telephoto 6x Periscope 50MP (เซ็นเซอร์ LYT600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว, OIS, เลนส์ 135 มม. รูรับแสง f/3.1)
  กล้อง True Chroma (สีสันสมจริง)
กล้องหน้า Ultrawide พร้อม Autofocus (เซ็นเซอร์ LYT506 ขนาด 1/2.74 นิ้ว, เลนส์ 21 มม. รูรับแสง f/2.4)
แบตเตอรี่ 6,100 mAh
ชาร์จไว 100W SUPERVOOC (มีสาย), 50W AIRVOOC (ไร้สาย), 10W Reverse Wireless (ไร้สายย้อนกลับ)
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 (บนพื้นฐาน Android 15)
การป้องกัน IP68 (กันฝุ่นและน้ำ), IP69 (ทนทานต่อน้ำแรงดันสูง), มาตรฐาน SGS five-star drop resistance (ทนทานต่อการตกกระแทก)
ขนาด หนา 8.78 มม.
สี ดำด้าน (Matte Black), ขาวบริสุทธิ์ (Pure White), ชมพูเปลือกหอย (Shell Pink)
คุณสมบัติพิเศษ ปุ่ม Shortcut (ทางลัด), ปุ่ม Quick (ด่วน), เอนจินประมวลผลภาพ HyperTone, การปรับโทนสีด้วย AI, ProXDR, วิดีโอ Slow-motion 4K 120fps, รองรับ Dolby Vision
ราคาเริ่มต้น 6,499 หยวน (รุ่น RAM 12GB / ความจุ 256GB)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้