พีวิวเบา ๆ กับ Olympus E-P1
Olympus E-P1 เป็นกล้องดิจิตอลที่ผลิตออกมาในโอกาสครบ 50 ปีของการผลิตกล้องถ่ายภาพตระกูล Pen ซึ่งเป็นกล้องใช้ฟิล์มที่ได้รับความนิยมในครั้งอดีต และเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ที่ยังชื่นชอบในเสน่ห์ของกล้องโอลิมปัส Pen อยู่ โดยเป็นกล้องที่ออกแบบให้เปลี่ยนเลนส์ได้ ใช้เมาส์เลนส์แบบ Micro Four Thirds และมีเลนส์ที่ออกมาพร้อมกันให้ใช้งาน 2 ขนาดคือเลนส์ M.ZUIKO DIGITAL 17 มม. f/2.8 และเลนส์ M.ZUIKO DIGITAL ED 14-42 มม. f/3.5-5.6 นอกจากนี้ ยังออกแบบให้ใช้งานกับเลนส์ขนาดอื่นๆ ในฟอร์แมต 4:3 ได้ โดยต่อผ่านอะแด็ปเตอร์ MMF-1 และใช้กับเลนส์ตระกูล OM ได้ด้วยอะแด็ปเตอร์ MF-2 ซึ่งทำให้ E-P1 มีเลนส์ให้ใช้งานได้ครอบคลุมระยะการทำงานทั้งหมดเช่นเดียวกับกล้อง DSLR ทั่วๆ ไป Olympus E-P1 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ High speed Live MOS Sensor มีความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ประมวลผลการทำงานด้วย TruePic V ที่ได้รับการพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ให้ภาพที่เคลียร์ใส เก็บรายละเอียดในโทนมืดและโทนสว่างได้ครบถ้วน และไม่มี noise ปรากฏให้เห็น แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ซึ่งความไวแสงสามารถปรับใช้ได้ตั้งแต่ ISO100-3200 หรือจะเลือกใช้แบบออโต้เพื่อให้กล้องปรับตามความเหมาะสมก็ได้เช่นกัน โหมดถ่ายภาพที่โดดเด่นคือ โหมด Intelligent Auto หรือ i-Auto ซึ่งเป็นโหมดออโต้ที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ก้าวหน้ามากกว่าโหมดออโต้ทั่วๆ ไป ปรับใช้งานได้ด้วยแป้นปรับโหมดที่ตัวกล้อง โดยเมื่อเล็งกล้องไปยังสิ่งที่ต้องการถ่าย กล้องจะปรับเลือกโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อต้องการถ่ายภาพบุคคล และเล็งกล้องไปยังผู้ที่ถูกถ่าย กล้องจะประเมินว่าสิ่งที่อยู่ในเฟรมนั้นมีตา มีจมูก มีปาก ซึ่งต้องเป็นใบหน้า กล้องก็จะปรับโหมดให้เป็น Portrait โดยอัตโนมัติ หรือเมื่อเล็งกล้องไปยังดอกไม้แล้วเข้าไปถ่ายในระยะใกล้ๆ กล้องจะประเมินจากระยะห่าง แล้วปรับเป็นโหมด Macro ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจากการใช้งานพบว่ากล้องปรับโหมดต่างๆ ตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำดีมาก นอกจากนี้ ยังมี Scene Mode รูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งานอีกกว่า 19 แบบ แต่สำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการใช้กล้องมากขึ้น หรือต้องการควบคุมคุณภาพในการถ่ายภาพทุกขั้นตอน ก็สามารถเลือกใช้โหมดโปรแกรม โหมดปรับรูรับแสงอัตโนมัติ โหมดปรับความเร็วชัตเตอร์อัตโนมัติ และโหมดแมนนวล ซึ่งโหมดถ่ายภาพในกลุ่มนี้ ผู้ใช้สามารถควบคุมการเปิดรับแสงของกล้อง การปรับชดเชยแสง รวมทั้งความไวแสง ปรับไวท์บาลานซ์ ปรับรูปแบบ Picture Mode และปรับคุณภาพของไฟล์ภาพได้ด้วยตนเอง โดยผู้ใช้สามารถเลือกบันทึกภาพด้วยคุณภาพไฟล์แบบ JPEG file หรือ RAW file รวมทั้งเลือกแบบ RAW + JPEG ได้ไม่ต่างจากกล้อง DSLR เท่าไหร่นัก นอกจากโหมดถ่ายภาพนิ่งแล้ว E-P1 ยังมีโหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกด้วยคุณภาพระดับ High Definition พร้อมคุณภาพเสียงระดับ Stereo Sound ซึ่งสามารถเปิดชมภาพกับโทรทัศน์ระบบ HDTV ได้ด้วยการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือ Art Filter ซึ่งใช้สำหรับการสร้างสรรค์ภาพในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้เอง ซึ่งใช้งานได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ โดยภาพนิ่งปรับหมุนแป้นโหมดถ่ายภาพไปที่ตำแหน่ง ART ได้เลย ส่วนโหมดวิดีโอ ให้กดปุ่ม OK เพื่อเลือกการแสดงผล Live Control ที่จอมอนิเตอร์ แล้วเลื่อนแป้น Sub Dial เพื่อเลือก Art Filter ในรูปแบบที่ต้องการ อาทิ ภาพสีสันจัดจ้าน ภาพแบบนุ่มนวลชวนฝัน หรือภาพแบบเน้นเกรนภาพ เป็นต้น
+[Click...เพื่อดูภาพขนาดจริง]+ Olympus E-P1 ออกแบบตัวกล้องได้สวยงามมาก มี 2 สีให้เลือกใช้งาน คือ สีเงินล้วน และสีเงินสลับกับโครเมียมมันวาว ตัวกล้องมีขนาดเล็กกว่ากล้องแบบ DSLR มาก แต่ถ้าเทียบกับกล้องคอมแพคทั่วๆ ไป จะดูใหญ่กว่าเล็กน้อย ตัวกล้องด้านขวาเป็นพลาสติกสีดำออกแบบให้เป็นกริปนูนขึ้นมาช่วยให้จับถือกล้องได้ถนัดมือมากขึ้น ด้านบนเป็นปุ่มชดเชยแสง ปุ่มชัตเตอร์ ปุ่มเปิด-ปิดการทำงาน และแป้นปรับโหมดถ่ายภาพ ซึ่งออกแบบให้เป็นฝังไว้ในตัวกล้อง ซึ่งมีข้อดีคือ ช่วยป้องกันการเลื่อนเปลี่ยนโดยไม่ตั้งใจ ตรงกลางเป็นฮอทชูสำหรับใช้งานกับแฟลช และใช้งานร่วมกับช่องมองภาพแบบ Optical Viewfinder VF-1 ซึ่งมีมุมมองภาพสัมพันธ์กับเลนส์ 17 มม. ตัวกล้องมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพด้วยชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติถึง 4 สตอป โดยมีโหมดป้องกันภาพสั่นไหวให้เลือกใช้งาน 3 แบบด้วยกันคือ โหมด I.S.1 เป็นการใช้งานระบบป้องกันการสั่นไหว ในการถ่ายภาพแบบปกติ โหมด I.S.2 ใช้สำหรับการแพนกล้องในแนวนอน ช่วยให้ถ่ายภาพแพนกล้องโดยมีฉากหลังเบลอในลักษณะเป็นเส้นยาว และโหมด I.S.3 สำหรับการแพนกล้องในแนวตั้งหรือแนวดิ่ง ด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล มองภาพได้เต็ม 100% และมองได้อย่างชัดเจน แม้จะมองจากด้านข้างถึง 176 องศา เมื่อเลือกโหมดแสดงภาพ กล้องจะปรับภาพให้มองภาพแบบปกติ ไม่ว่าจะตั้งกล้องในแนวนอน แนวตั้ง หรือแม้จะเลือกแสดงภาพเดียวเต็มจอ แสดงครั้งละ 4 ภาพ 9 ภาพ 16 ภาพ 25 ภาพ 49 ภาพ หรือ 100 ภาพ กล้องก็จะปรับทุกภาพให้อยู่ในมุมมองปกติทั้งหมด การควบคุมการทำงานของ E-P1 ทำได้โดยปรับตั้งจากปุ่มเมนู หรือใช้ปุ่ม OK ด้านหลังกล้องเพื่อเรียกการทำงานของ Live Control ให้โชว์ที่จอมอนิเตอร์ และใช้ปุ่ม 4 ทิศทางหรือแป้น Main Dial เพื่อเลือกเมนูที่ต้องการ และอีกวิธีหนึ่งคือเมื่อ Live Control โชว์ที่จอมอนิเตอร์แล้ว ให้กดปุ่ม info เพื่อเรียกการทำงานแบบ Super Control Panel ให้โชว์ที่จอมอนิเตอร์ และใช้ปุ่ม 4 ทิศทางในการเลือกเมนูที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม OK เพื่อปรับตั้ง และกดปุ่ม OK อีกครั้ง เพื่อยืนยันค่านั้นๆ หรือใช้แป้น Sub Dial เพื่อเลือกค่าที่ต้องการก็ได้เช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นฟังก์ชั่นการทำงานที่ช่วยให้ใช้กล้องได้สะดวกทีเดียวอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ถือว่าออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยมคือ ฟังก์ชั่น Level Gauge ซึ่งใช้ในการเช็กระนาบของกล้อง โดยสามารถเช็กได้ทั้งระนาบความเอียงซ้าย-ขวาของกล้องและการก้มหรือเงยกล้องด้วย โดยใช้งานได้ดีทั้งในการถ่ายภาพแนวตั้งและแนวนอน ฟังก์ชั่นนี้จะอยู่ในเมนู Menu Display เลือกมาที่ตำแหน่ง Level Gauge และเลือก On สำหรับเปิดใช้งาน และเลือก Off เมื่อยกเลิกการใช้งาน Olympus E-P1 เป็นกล้องที่ให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง มีการจัดการ Noise ได้อย่างยอดเยี่ยม และเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน ถึงแม้จะเป็นกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ แต่ไม่มีกระจกสะท้อนภาพเหมือนกล้อง DSLR ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการสั่นไหวเมื่อใช้ชัตเตอร์ต่ำๆ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหว ช่วยให้ถ่ายภาพที่ความเร็ว ชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติ ทำให้เก็บบรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติได้มากขึ้นครับ
สนับสนุนเนื้อหาโดย