GeForce FX รุ่นเล็กจาก nVIDIA ความผิดหวังเล็กๆ ของผู้ใช้
IT.Soft [www.itsoftmag.com] : คงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วสำหรับกราฟิกการ์ด ตระกูล GeForce FX จาก nVIDIA เพราะในขณะนี้ตามท้องตลาดก็มีให้เห็นแล้วหลายรุ่น โดยทาง nVIDIA ได้ส่งชิพรุ่นนี้ออกมาด้วยกันหลายซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่อย่าง FX-5900 หรือรุ่นเล็กอย่าง FX-5600 และ FX-5200 สำหรับรุ่นใหญ่อย่าง FX-5900 นั้น ทาง nVIDIA ได้วางตำแหน่งไว้สำหรับคอเกมที่ต้องการกราฟิกการ์ดประสิทธิภาพเยี่ยม หรือนักกราฟิก ที่ต้องทำงานที่ละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้การ์ดที่ทรงประสิทธิภาพ
ส่วนอีกสองรุ่นเล็กนั้นทาง nVIDIA ได้ทำการตัด Feature บางอย่างออก เพื่อให้ตัวชิพมีราคาที่ถูกลง และจำหน่ายในราคาที่ถูกเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง ATi ได้เพราะขณะนี้ทาง ATi ได้ส่งชิพประสิทธิภาพสูงอย่าง Radeon 9000 Series ซึ่งก็ได้ใช้หลักการผลิตและจำหน่ายเช่นเดียวกับทาง nVIDIA เหมือนกัน
GeForce FX 5200 Ultra และ GeForce FX 5600 Ultra ของ NVidia ได้ออกสู่ตลาดเพื่อใช้งานร่วมกับ DirectX 9 ซึ่งเป็นโปรแกรมตัวใหม่ของ Microsoft ที่ใช้ในการแสดงภาพในแบบ 2D และ 3D โดยมีราคา 150$ และ 200 $ ตามลำดับ โชคร้ายที่เกมหลักๆ สำหรับ DX9 นั้นจะยังไม่ออกจนกว่าจะปลายปีนี้ และเมื่อไม่มีเกมที่เหมาะสำหับแสดงความสามารถของการ์ดตัวนี้ จึงทำให้การทดสอบไม่น่าประทับใจเท่าที่ควรในการทดสอบ ชิป GeForce FX ของ NVidia มักสู้กับชิป GeForce 4 ตัวเก่าไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นก็ไม่สามารถเอาชนะผลิตภัณฑ์ของ ATI คู่แข่งคนสำคัญที่มีราคาใกล้เคียงกันได้
เมื่อดูที่บอร์ด GeForce FX ของ NVidia ซึ่งแต่ละตัวใช้แรม 128 MB (ขณะที่อ่านบทความนี้น่าจะมีบอร์ดออกวางตลาดแล้ว) ทั้งคู่ให้คุณภาพปานกลางถึงค่อนข้างสูง แม้ว่าไดร์วเวอร์ก่อนหน้านี้อาจมีส่วนทำให้คุณภาพด้อยกว่าก็ตาม เช่นในการทดสอบกับเกม Return to Castle Wolfenstein ด้วยความละเอียดที่ 1600 x 1200 และความลึกของสีที่ 32 บิต บอร์ดของ 5200 Ultra สามารถเร่งได้สูงสุดเพียง 27 เฟรมต่อวินาที เร็วกว่าการ์ด Asus AGP-V8170 DDR 64 MB ซึ่งใช้ชิป NVidia GeForce 4 MX 440 เพียง 2 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น ตรงข้ามกับการ์ด VisionTek Xtasy ที่ใช้ชิป Radeon 9100 64MB ของ ATI ซึ่งเร่งความเร็วได้ถึง 39 เฟรมต่อวินาที (แต่ชิปของ Radeon ไม่สนับสนุน DX9)
สำหรับ GeForce FX 5600 Ultra ก็ทำไม่ดีเช่นกันในการทดสอบเดียวกัน โดยให้ความเร็วสูงสุดเพียงแค่ 30 เฟรมต่อวินาที ในขณะเดียวกันบอร์ด AOpen Aeolus board ซึ่งใช้ชิป GeForce4 Ti 4200 128MB ตัวเก่ากลับทำได้ถึง 45 เฟรมต่อวินาที สำหรับ VisionTek Xtasy ที่ใช้ชิป Radeon 9500 Pro 128MB ของ ATI สามารถทำได้ถึง 55 เฟรมต่อวินาที ถ้าใช้ความละเอียดที่ต่ำกว่านี้ในการทดสอบเกม Castle Wolfenstein ชิปของ NVidia GeForce FX กลับทำได้เร็วเหนือคู่แข่ง ที่ความละเอียด 1024x768 และความลึกของสีที่ 32 บิต ตัว 5200 Ultra ทำได้ถึง 57 เฟรมต่อวินาที และสำหรับ 5600 Ultra ทำได้ถึง 61 เฟรมต่อวินาที (เมื่อเทียบกับ 64 เฟรมต่อวินาทีของการ์ด ATI แต่ละตัว) การ์ด GeFroce 4 MX 440 สามารถทำได้ถึง 55 เฟรมต่อวินาที และในขณะที่ GeFroce 4 Ti ทำได้ 66 เฟรมต่อวินาที
ด้วยการตั้งค่าที่ระดับเดียวกัน การทดสอบกับเกม Unreal Tournament 2003 ก็ทำได้ถึง 74 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 5200 Ultra และ 134 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 5600 Ultra เมื่อเทียบกับ 72 เฟรมต่อวินาทีของ 9100 และ 157 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 9500 Pro สำหรับบอร์ด GeFroce 4 MX440 ทำได้เพียง 56 เฟรมต่อวินาที และการ์ด GeFroce 4 Ti 4200 ทำได้ถึง 132 เฟรมต่อวินาที เมื่อทดสอบในด้านความคมชัดของภาพ บอร์ดของ NVidia GeFroce FX ทั้งสองรุ่นให้ผลไม่น่าประทับใจนัก เพราะภาพที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติ และยังคงมีรอยหยักที่ขอบภาพให้เห็นชัดเจน
โดยรวมแล้ว Radeon 9500 Pro ทำคะแนนได้สูงกว่า โดยมี Ti 4200 มาเป็นอันดับสอง และ 5600 Ultra มาเป็นอันดับสาม เมื่อดูจากการแข่งขันของชิปในทุกระดับ Radeon 9100 เอาชนะ 5200 Ultra ได้อย่างหวุดหวิด และมีคุณภาพดีกว่า MX 440 อีกด้วย
แม้ว่า NVidia จะพลาดพลั้งในตอนเริ่มต้นด้วยชิป GeForce FX 5800 Ultra ที่น่าผิดหวัง แต่บริษัทก็ดูเหมือนจะหาทางออกสำหรับปัญหานี้เอาไว้แล้ว ด้วยการทำให้ชิพ GeForce FX นั้นสนับสนุนโปรแกรม DX9 ที่กำลังเป็นกระแสหลักของตลาด เมื่อตัดสินจากการทดสอบก่อนหน้านี้ การกอบกู้ชื่อกลับมาอาจต้องรอต่อไป ผู้คลั่งไคล้ในภาพกราฟิกที่พอมีงบประมาณอยู่บ้างก็จะหันกลับไปสนใจบอร์ด Nvidia และ ATI ที่มีขายอยู่แล้วแม้ว่าออปชั่นเพิ่มเติมอาจยังมาไม่ถึงก็ตาม เมื่อถึงตอนที่อ่านบทความนี้ ตัวตายตัวแทนของ Radeon 9100 และ 9500 Pro ของ ATI อาจออกวางตลาดแล้วก็เป็นได้
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของชิพ GeForce FX แต่ละรุ่น
ส่วนอีกสองรุ่นเล็กนั้นทาง nVIDIA ได้ทำการตัด Feature บางอย่างออก เพื่อให้ตัวชิพมีราคาที่ถูกลง และจำหน่ายในราคาที่ถูกเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง ATi ได้เพราะขณะนี้ทาง ATi ได้ส่งชิพประสิทธิภาพสูงอย่าง Radeon 9000 Series ซึ่งก็ได้ใช้หลักการผลิตและจำหน่ายเช่นเดียวกับทาง nVIDIA เหมือนกัน
GeForce FX 5200 Ultra และ GeForce FX 5600 Ultra ของ NVidia ได้ออกสู่ตลาดเพื่อใช้งานร่วมกับ DirectX 9 ซึ่งเป็นโปรแกรมตัวใหม่ของ Microsoft ที่ใช้ในการแสดงภาพในแบบ 2D และ 3D โดยมีราคา 150$ และ 200 $ ตามลำดับ โชคร้ายที่เกมหลักๆ สำหรับ DX9 นั้นจะยังไม่ออกจนกว่าจะปลายปีนี้ และเมื่อไม่มีเกมที่เหมาะสำหับแสดงความสามารถของการ์ดตัวนี้ จึงทำให้การทดสอบไม่น่าประทับใจเท่าที่ควรในการทดสอบ ชิป GeForce FX ของ NVidia มักสู้กับชิป GeForce 4 ตัวเก่าไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นก็ไม่สามารถเอาชนะผลิตภัณฑ์ของ ATI คู่แข่งคนสำคัญที่มีราคาใกล้เคียงกันได้
เมื่อดูที่บอร์ด GeForce FX ของ NVidia ซึ่งแต่ละตัวใช้แรม 128 MB (ขณะที่อ่านบทความนี้น่าจะมีบอร์ดออกวางตลาดแล้ว) ทั้งคู่ให้คุณภาพปานกลางถึงค่อนข้างสูง แม้ว่าไดร์วเวอร์ก่อนหน้านี้อาจมีส่วนทำให้คุณภาพด้อยกว่าก็ตาม เช่นในการทดสอบกับเกม Return to Castle Wolfenstein ด้วยความละเอียดที่ 1600 x 1200 และความลึกของสีที่ 32 บิต บอร์ดของ 5200 Ultra สามารถเร่งได้สูงสุดเพียง 27 เฟรมต่อวินาที เร็วกว่าการ์ด Asus AGP-V8170 DDR 64 MB ซึ่งใช้ชิป NVidia GeForce 4 MX 440 เพียง 2 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น ตรงข้ามกับการ์ด VisionTek Xtasy ที่ใช้ชิป Radeon 9100 64MB ของ ATI ซึ่งเร่งความเร็วได้ถึง 39 เฟรมต่อวินาที (แต่ชิปของ Radeon ไม่สนับสนุน DX9)
สำหรับ GeForce FX 5600 Ultra ก็ทำไม่ดีเช่นกันในการทดสอบเดียวกัน โดยให้ความเร็วสูงสุดเพียงแค่ 30 เฟรมต่อวินาที ในขณะเดียวกันบอร์ด AOpen Aeolus board ซึ่งใช้ชิป GeForce4 Ti 4200 128MB ตัวเก่ากลับทำได้ถึง 45 เฟรมต่อวินาที สำหรับ VisionTek Xtasy ที่ใช้ชิป Radeon 9500 Pro 128MB ของ ATI สามารถทำได้ถึง 55 เฟรมต่อวินาที ถ้าใช้ความละเอียดที่ต่ำกว่านี้ในการทดสอบเกม Castle Wolfenstein ชิปของ NVidia GeForce FX กลับทำได้เร็วเหนือคู่แข่ง ที่ความละเอียด 1024x768 และความลึกของสีที่ 32 บิต ตัว 5200 Ultra ทำได้ถึง 57 เฟรมต่อวินาที และสำหรับ 5600 Ultra ทำได้ถึง 61 เฟรมต่อวินาที (เมื่อเทียบกับ 64 เฟรมต่อวินาทีของการ์ด ATI แต่ละตัว) การ์ด GeFroce 4 MX 440 สามารถทำได้ถึง 55 เฟรมต่อวินาที และในขณะที่ GeFroce 4 Ti ทำได้ 66 เฟรมต่อวินาที
ด้วยการตั้งค่าที่ระดับเดียวกัน การทดสอบกับเกม Unreal Tournament 2003 ก็ทำได้ถึง 74 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 5200 Ultra และ 134 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 5600 Ultra เมื่อเทียบกับ 72 เฟรมต่อวินาทีของ 9100 และ 157 เฟรมต่อวินาทีสำหรับ 9500 Pro สำหรับบอร์ด GeFroce 4 MX440 ทำได้เพียง 56 เฟรมต่อวินาที และการ์ด GeFroce 4 Ti 4200 ทำได้ถึง 132 เฟรมต่อวินาที เมื่อทดสอบในด้านความคมชัดของภาพ บอร์ดของ NVidia GeFroce FX ทั้งสองรุ่นให้ผลไม่น่าประทับใจนัก เพราะภาพที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติ และยังคงมีรอยหยักที่ขอบภาพให้เห็นชัดเจน
โดยรวมแล้ว Radeon 9500 Pro ทำคะแนนได้สูงกว่า โดยมี Ti 4200 มาเป็นอันดับสอง และ 5600 Ultra มาเป็นอันดับสาม เมื่อดูจากการแข่งขันของชิปในทุกระดับ Radeon 9100 เอาชนะ 5200 Ultra ได้อย่างหวุดหวิด และมีคุณภาพดีกว่า MX 440 อีกด้วย
แม้ว่า NVidia จะพลาดพลั้งในตอนเริ่มต้นด้วยชิป GeForce FX 5800 Ultra ที่น่าผิดหวัง แต่บริษัทก็ดูเหมือนจะหาทางออกสำหรับปัญหานี้เอาไว้แล้ว ด้วยการทำให้ชิพ GeForce FX นั้นสนับสนุนโปรแกรม DX9 ที่กำลังเป็นกระแสหลักของตลาด เมื่อตัดสินจากการทดสอบก่อนหน้านี้ การกอบกู้ชื่อกลับมาอาจต้องรอต่อไป ผู้คลั่งไคล้ในภาพกราฟิกที่พอมีงบประมาณอยู่บ้างก็จะหันกลับไปสนใจบอร์ด Nvidia และ ATI ที่มีขายอยู่แล้วแม้ว่าออปชั่นเพิ่มเติมอาจยังมาไม่ถึงก็ตาม เมื่อถึงตอนที่อ่านบทความนี้ ตัวตายตัวแทนของ Radeon 9100 และ 9500 Pro ของ ATI อาจออกวางตลาดแล้วก็เป็นได้
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของชิพ GeForce FX แต่ละรุ่น
| FEATURE | GEFORCE FX 5900 | GEFORCE FX 5600 | GEFORCE FX 5200 |
| CineFX Engine | - | X | X |
| CineFX 2.0 Engine | X | - | - |
| Intellisample Technology | - | X | - |
| Intellisample HCT | X | - | - |
| nView Technology | X | X | X |
| UltraShadow x | - | - | - |
| AGP 8X | X | X | X |
| Maximum Memory | 256MB | 256MB | 128MB |
| Vertices/sec. | 338 million | 88 million | 81 million |
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ GeForce FX รุ่นเล็กจาก nVIDIA ความผิดหวังเล็กๆ ของผู้ใช้
สนับสนุนเนื้อหากำลังโหลดข้อมูล
