SHARP HT-SB200 Sound Bar System
‘Sound Slender’
‘จอบาง’ เป็นที่ปรารถนาของระบบจอภาพสมัยใหม่ ที่นอกจากจะใช้ดูหนัง ดูละครแล้ว ยังเอาไปเสริมแต่งห้องให้ดูมีสง่าราศี ให้ดูทันสมัยขึ้นได้ในคราวเดียวกัน แต่ที่สวนทางกับความแบนนั่นก็คือเรื่องของคุณภาพเสียงของจอพวกนี้มันจะออกมารูปไหน จอยิ่งบาง ลำโพงก็ยิ่งบาง เสียงก็เลยยิ่งบางไปด้วย ป่วยการที่จะโฆษณาเรื่องคุณภาพเสียงครับ ถ้าคุณตกที่นั่งแบบนี้ ลำโพงประเภทที่เรียกว่า Sound Bar ก็พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
แล้วทำไมต้องลำโพง Sound Bar ด้วย...คุณคงสงสัยต่อ ก็เพราะมันถูกออกแบบมาให้เข้าชุดกับจอแบนทั้งหลาย ขนาดและสัดส่วนเวลาเสริมแต่งเข้าไปแล้วมันจะดูกลมกลืนกับจอ และการที่มันถูกออกแบบมาเพื่อไม่ทำให้การเพิ่มคุณภาพของระบบเสียงนั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก และวุ่นวายกับชีวิตคุณเพิ่มขึ้น ส่วนมากมักจะโฆษณาว่า ฟังเสียงเซอร์ราวนด์ได้จากลำโพงตัวเดียว ก็อย่าคาดหวังไว้สูงนะครับ
เอาเป็นว่าแนะนำตัวกันเลยดีกว่า ลำโพง Sound Bar ที่กำลังจะพูดถึงนี้เป็นของ Sharp รุ่น HT-SB200 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานคู่กับจอขนาด 42 นิ้วลงไป ซึ่งก็เป็นสัดส่วนที่พบได้มากที่สุดอยู่แล้วตามบ้าน เอาล่ะครับพอเห็นความสำคัญของเจ้าลำโพงแบบนี้หรือยัง ไม่เป็นไรค่อยๆ เรียนรู้กันไปทีละนิด วิธีการแก้ปัญหามันมีอยู่หลายทางอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกทางไหนต่างหากละครับ
WOW HD
ก่อนอื่นมาดูลักษณะเด่นของมันก่อนว่า มีทีเด็ดอะไรบ้างที่จะมาคู่ควรกับจอแบนของเรา
อันดับแรกเห็นจะได้แก่เรื่องของการดีไซน์ ความยาวขนาด 80 ซ.ม. ถ้าจะให้ดีจอภาพของคุณควรเริ่มต้นที่ 32 นิ้ว– 42 นิ้วกำลังเหมาะ ลำโพงถูกออกแบบมาอยู่ในตู้เดียวกัน ด้านในมีลำโพงแบ่งออกเป็นสองซีกขนาบอยู่ซ้ายขวาข้างละ 3 ดอก ขนาดของไดรเวอร์กะด้วยสายตาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว โดยมีชุดคำสั่งควบคุมอยู่ตรงกลางเป็นตัวเลขดิจิตอล 2 หลัก กับปุ่มกดเลือกความดัง-ค่อย เป็นปุ่มให้กดเลือกคำสั่งอยู่สี่-ห้าปุ่ม ตัวตู้เป็นพลาสติกขึ้นรูป ส่วนด้านหน้าเป็นตะแกรงปิดเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับลำโพง ในกล่องยังให้ขาตั้งเป็นเหมือนเดือยที่ไม่แหลม ที่เดือยตัวนี้มีขนาด และตำแหน่งของการใช้งาน เวลาติดตั้งเข้าไปต้องให้ลำโพงเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง และถ้าไม่พอใจจะเอาไปติดผนังพร้อมๆ กับจอก็ได้ เพื่อการใช้เนื้อที่ให้คุ้มค่า ตัวแขวนผนังเขาก็ให้มาด้วยเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังของลำโพงนอกจากจะแยกอะแด็ปเตอร์เพื่อใช้เป็นไฟเลี้ยงในระบบแล้ว ยังประกอบไปด้วยอินพุตอีกสองชนิดทั้ง RCA และ phone jack
มาดูเรื่องการเอาใจใส่ด้านระบบเสียงของลำโพงตัวนี้บ้าง แน่นอนมันต้องมีแอมปลิไฟเออร์ในตัว กำลังขับที่แจ้งไว้ 32 วัตต์ถือว่ามากทีเดียวสำหรับลำโพงตัวเล็กๆ แค่นี้เข้าใจว่าคงเป็นเทคโนโลยีพวกดิจิตอลแอมป์ประมาณนั้น ในเอกสารบอกไว้ว่า HT-SB200 ประกอบขึ้นมาจากลำโพงคู่หน้า 2 ตัว และซับวูฟเฟอร์อีก 4 ตัว หรือแปลงออกมาเป็นภาคขยาย ที่เราเข้าใจกันก็จะอยู่ที่ 2.1 แชนเนล หมายความว่าต้องมีแอมป์เพื่อขับคู่หน้าซ้าย-ขวา 2 แชนเนล และที่เอาไปขับซับวูฟเฟอร์อีก 1 แชนเนล แต่นั่นก็ยังไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ลำโพง HT-SB200 กลายเป็นลำโพงในตระกูล Sound Bar มันยังต้องทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการสังเคราะห์เสียงทางดิจิตอลที่สร้างปริมณฑลให้เสียงมันโอบล้อม กว้างขวาง โอ่อ่า หนักแน่น โดยเฉพาะความรู้สึกเหมือนเสียงที่มาจากลำโพงเซอร์ราวนด์ Sharp ไปหยิบเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘SRS WOW HD’ มาใช้ โดยเป็นเทคโนโลยีของ SRS Labs เจ้านี้ก็มุ่งแต่เรื่องเสียงเซอร์ราวนด์สังเคราะห์มาโดยตลอดเหมือนกัน และพัฒนากันไปถึงรุ่น HD กันแล้ว
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย :
บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด โทร.0-2638-3888
ราคา : 6,990 บาท
การควบคุมการทำงานด้วยรีโมต คือยิ่งเป็นอุปกรณ์ทางเลือก และยุ่งยากก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะครับ สำหรับ HT-SB200 ถ้าคุณต่ออินพุตเข้าไว้ช่องใดช่องหนึ่ง มันจะปลุกตัวมันเองขึ้นมาอัตโนมัติพร้อมทำงาน ระดับความดังก็สั่งการได้ด้วยรีโมตแบบนามบัตรที่ให้มาด้วย นอกจากจะปรับดัง-ค่อยอย่างที่เราใช้กันบ่อยๆ แล้ว ยังเปิดโอกาสให้คุณปรับความดังของเสียงซับวูฟเฟอร์, ปรับทุ้ม-แหลม หรือลองเปลี่ยนรสชาติการสังเคราะห์เสียงในรูปแบบอื่นดูก็ทำได้เลยที่รีโมต
และการใช้งาน
เพราะด้วยน้ำหนักของตัวมันเองไม่ได้มีน้ำหนักมากมายอะไรนัก การใช้สายสัญญาณเส้นใหญ่ๆ แข็งๆ ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะหมุดที่เป็นขาทั้งสี่จุดวางกับวัสดุผิวเรียบไม่สะดวก มันจะขยับย้ายตำแหน่งเองได้เลยเวลามันทำงาน หากเอาไปตั้งบนโต๊ะกระจก หรือโต๊ะผิวเรียบๆ ต้องงัดเอายางกลมๆ แผ่นเล็กๆ ที่ชาร์ปให้ ออกมาใช้ด้วยถึงหมดห่วง
ผมต่ออินพุตสองแชนเนลที่มาจากออดิโอเอาต์ พุตของ LCD TV ขนาด 42 นิ้ว คือถ้าเป็นจอแอลซีดี หรือพลาสมาทีวียุคใหม่จะมีออดิโอเอาต์แทบจะทุกรุ่น แถมไม่ต้องกลัวว่าบางตัวยังเซ็ตได้ละเอียด ด้วยว่าเอาต์พุตที่ออกไปนั้นต้องการเป็นแบบ ‘Fixed’ คือคงที่ หรือแบบ ‘Variable’ แบบผ่านปรีฯ ของทีวีก่อน ที่เราใช้ เราใช้แบบแรกครับจะได้วัดประสิทธิภาพของลำโพงล้วนๆ การเชื่อมต่อจากเพลเยอร์ไปที่จอนั้นถ้าเป็น HDMI ก็จบ ไม่ต้องกังวลว่าเสียงจะโดนกั๊กไว้ กลับสะดวกดีเสียอีก ส่วนถ้าการเชื่อมต่อของคุณยังพึ่งพาสายอะนาล็อกยุ่งเหยิงอยู่ก็อย่าลืมต่อไว้ให้ครบทั้งภาพและเสียงด้วยก็แล้วกัน
ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร เปิดเพลงให้มันคลอทิ้งไว้เกือบสี่-ห้าวัน จะบอกว่าวันแรกเสียงแข็งกระโด๊ก ตามประสานักกีฬาที่ยังไม่ได้วอร์มร่างกาย แต่ถึงแม้มันจะถูกแกะกล่องออกมาใหม่ ถ้าเทียบกับเสียงดั้งเดิมที่มาจากลำโพงทีวีผมก็โล่งอกได้ในระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่ HT-SB200 มีให้เป็นเสียงที่จริงจัง และกลมกล่อมกว่าเสียงกระซิบที่ออกมาจากทีวีมากนัก ในโหมดของระบบเสียง SRS ที่เลือกได้นั้น ผมเฝ้ากดสลับใช้งานอยู่ระหว่าง ‘Cinema’ กับ ‘Standard’ เท่านั้น มีการปรับแต่งเสียงโดยน่าจะใช้ EQ ช่วยยกความถี่ต่ำขึ้นมาในโหมด ‘Cinema’ ทั้งนี้ผมว่าขนาดของห้องจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับลักษณะของเสียงเซอร์ ราวนด์ที่ได้ ผมประมาณว่าห้องที่อยู่ประมาณ 20 ตารางเมตรบวก-ลบได้นิดหน่อย น่าจะเป็นจุดสมดุลที่ทำให้ HT-SB200 มันทำหน้าที่ของมันได้ดี ทั้งเสียงความถี่ต่ำ ทั้งเสียงบรรยากาศที่แผดกว้างออก แต่ถ้าไม่ถึงขนาดห้องที่ลงตัว ความสมดุลของเสียงก็จะเป็นข้อดีต้นๆ ที่คุณรู้สึกได้ แต่ถ้าห้องใหญ่แล้วเร่งความแรงของเสียงขึ้นมาตาม ลำโพงซับวูฟเฟอร์มันจะออกอาการก่อนเพื่อน เป็นเรื่องธรรมดาครับ ซับวูฟเฟอร์ใน HT-SB200 ขนาดแค่ 3 นิ้ว มันมีลิมิตของมันระดับหนึ่ง อย่างฉากสุดท้ายในเรื่อง The Last Samurai ที่มีเสียงปืนใหญ่ระดมกระหน่ำนี่ไม่ใช่แนวของมัน แต่ถ้าคุณประนีประนอมมันได้ดี และรู้ข้อจำกัด HT-SB200 มันจะพาคุณข้ามข้อจำกัดของเสียงจอแบนออกไปได้แน่นอน ทุ้มเป็นทุ้ม เสียงกลาง เสียงแหลมลอยเปิด
การเซ็ตอัพ
อันที่จริงเราสามารถตั้งปริมาณของเสียงความถี่ต่ำได้ อย่างตอนที่ผมต่อเข้ากับ Docking i-pod ของมารานซ์ แทบไม่ต้องปรับอะไรเลย ฟังเพลงไม่ว่าจะเป็นโหมด MP3 หรือที่บันทึกมาเป็น WAV ก็เข้าท่าดี ผมว่าคุณลักษณะที่ออกแบบมาให้เด่นเรื่องการกระจายเสียง มันก็ทำให้มันเอามาใช้ฟังเพลงคลอในห้อง เหมือนเรานั่งฟังสเตอริโอโดยที่ไม่ต้องไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงกลาง ก็ดีเหมือนกัน ยิ่ง HT-SB200 ตัวนี้มีอินพุตให้เลือกสองช่องด้วยแล้วยิ่งใช้งานได้คล่องตัว เสียงร้องที่สด และออกเสียงควบกล้ำได้ชัดถ้อยชัดคำ เป็นเสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำๆ มีเน้น มีผ่อน ไม่ได้ติดเป็นแพเหมือนเสียงที่ออกมาจากทีวี
สลับกับการเอาไปต่อจากซาวน์ดการ์ดเอาไว้สำหรับเล่นพวกเกมสมัยนี้ ที่ทั้งภาพและเสียงไม่ยิ่งหย่อนกับหนังฮอลลีวู้ดเท่าไหร่เลย ผมลองสมมุติตัวเองเป็นพลขับที่นั่งอยู่หลังคันบังคับของ F-22 Raptor กับเกม Tom Clancy’s HAWX เสียงเครื่องยนต์สองไอพ่นมันคำรามสะใจได้พอประมาณ ตอนที่เข้าสู่ช่วง Air combat เสียงขีปนาวุธที่ยิงสวนมาจากข้าศึกที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา รู้สึกได้ถึงเสียงที่วิ่งอ้อมไปด้านข้าง (กดฟังก์ชันของ HT-SB200 ไปที่ ‘Game’) ผมว่ายังมีอีกหลายเกมที่ทำได้แบบนี้ ถ้าคุณใช้เวลาว่างอยู่กับความบันเทิงเช่นนี้ ผมว่า HT-SB200 ของชาร์ปก็เพิ่มความตื่นเต้นให้กับคุณได้ด้วยแบบไม่ต้องลงทุนลำโพงมัลติมีเดียอีกชุดก็ประหยัดลงไปอีก
สรุป
ถ้าการลงทุนเพื่อคุณภาพเสียงของจอแบนเป็นเรื่องที่หนักใจสำหรับคุณ HT-SB200 ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้ครับ โดยเฉพาะจอขนาด 32 – 42 นิ้ว กับห้องขนาดประมาณไม่เกิน 20 ตารางเมตร มันจะไปได้สวย เสียงกว้างเต็มห้อง ไม่ว่าจะวางไว้ใต้ทีวีหรือแขวนผนังก็ไม่เป็นปัญหา ความสะดวกเรื่องการใช้งานก็อาจจะเพิ่มภาระตรงที่มีรีโมตเพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง แลกกับเสียงที่ประมาณชุดมินิคอมโพเน้นต์ดีๆ ชุดหนึ่งที่ใส่เทคโนโลยีของเสียงเซอร์ราวนด์สังเคราะห์ SRS WOW HD ให้คุณได้รสชาติของเซอร์ราวนด์จาก 2.1 แชนเนลด้วยพร้อมกัน ในราคาที่จับต้องได้ ทั้งนี้อยู่ที่ความพอใจของคุณแล้วล่ะครับ