อินเทลรุก"สมาร์ทโฟน"
กลับมาที่งาน CES 2010 กันต่อนะครับ สองวันก่อน ยังมีประเด็นที่ Paul Otellini ซีอีโอของอินเทล (Intel) ได้พูดถึงไว้ในงานประชุม แล้วเรายังไม่ได้หยิบมานำเสนอกับคุณผู้อ่านทุกๆ ท่าน นั่นก็คือ การเปิดตัวสมาร์ทโฟน (smartphone) ที่ใช้โพรเซสเซอร์ของทางบริษัท ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งในตลาดนี้ หลังจากเงียบไปถึงสี่ปีด้วยกัน
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การกลับเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนของอินเทลเท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับ Qualcomm บริษัทผู้ผลิตชิปไร้สายที่กำลังมาแรงอยู่ในตลาดขณะนี้ นอกจากนี้ ทางอินเทลยังได้ประกาศ "app store" สำหรับเน็ต (netbook) อย่างเป็นทางการอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โพรเซสเซอร์ของอินเทลครองตลาดอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในงาน CES 2010 เริ่มมีการนำ "smartbooks" ที่ใช้ชิปของ Qualcomm เข้ามาเจาะตลาดเน็ตบุ๊กด้วยเหมือนกัน
Paul Otellini ได้โชว์สมาร์ทโฟนจาก LG ในเกาหลี ซึ่งภายในใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า System on Chip (SoC: ชิปที่มีซีพียู และส่วนการทำงานอื่นๆ รวมอยู่ด้วย) โดยพระเอกเป็นโพรเซสเซอร์ Atom (เทคโนโลยี 45nm) ทำงานร่วมกับชิปกราฟิก และส่วนควบคุมหน่วยความจำ โดยมีโค้ดเนมว่า Moorestown แพลตฟอร์มใหม่นี้จะใช้พลังงานต่ำมากๆ
สำ หรับสมาร์ทโฟนของแอลจีที่ใช้แพลตฟอร์มนี้มีชื่อว่า LG GW990 ดูแล้วมันเหมือนอุปกรณ์โมบายที่ไฮบริดระหว่างสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตด้วยหน้า จอสัมผัสขนาด 4.8 นิ้ว (ความละเอียด 1024 x 480 พิกเซล) ยาวกว่า ไอโฟน (iPhone) ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการลินุกซ์ Moblin 2.1 ของอินเทล และมาพร้อมกับอินเตอร์เฟซ 3D สามารถเล่นวิดีโอไฮเดฟ (HD) ได้ และมีกำหนดวางตลาดในครึ่งหลังของปี 2010
อย่าง ไรก็ตาม อินเทลยังต้องพยายามหาวิธีลดการใช้พลังงานของโพรเซสเซอร์ลงให้ได้เท่ากับคู่ แข่ง ซึ่งใช้ชิปที่ใช้พลังงานต่ำกว่าด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบของ ARM บริษัทในสหราชอณาจักร อย่างไรก็ตาม อินเทลกล่าวว่า ชิปที่ใช้ในสมาร์ทโฟนของบริษัทได้รับการพัฒนาให้อยู่ในจุดที่สามารถแข่งขัน กับคู่แข่งได้แล้ว "และมันกำลังจะดีกว่า (ของคู่แข่ง) เมื่อเวลาผ่านไปเราจะสามารถพัฒนาชิปที่ให้สมรรถนะที่ดีกว่า และการใช้พลังงานที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน" Otellini ยังกล่าวอีกด้วยว่า สมาร์ทโฟนควรจะทำงานด้วยชิปที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 32nm และอินเทลยังมีแผนที่จะลดขนาดของการผลิตให้เล็กลงไปที่ 22nm ซึ่งจะทำให้ได้ชิปที่ทรงประสิทธิภาพในขณะที่ใช้พลังงานต่ำลงไปได้อีก
ข้อมูลจาก: techwatch