รีวิวหูฟัง Plantronics Explorer 240 ใช้ง่ายมาก
เทคโนโลยีสมัยนี้นอกจากจะพัฒนาการใช้งานให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้นแล้ว การใช้งานอุปกรณ์ยุคสมัยนี้แม้ว่าจะมีลูกเล่นซับซ้อนแต่เรื่องการใช้งานก็ ง่ายขึ้นตามไปด้วย สำหรับเรื่องที่จะนำมาบอกเล่าในวันนี้ ขอหยิบเอา อุปกรณ์หูฟัง Bluetooth ที่ผมได้ลองทดสอบกับตนเองแล้วรู้สึกว่ามันน่าใช้มาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกันนะ ครับ ดูเหมือนว่าเรื่องเล็กๆแบบหูฟัง Bluetooth แค่นี้แต่มันก็มีเรื่องน่าประทับใจอยากเล่าสู่กันฟัง หลังจากทีได็หูฟังรุ่นนี้มาทดสอบก็ลองเริ่มใช้งานมาเกือบสองอาทิตย์เพื่อ เก็บข้อมูลการใช้งานในด้านต่างๆ ซึ่ง Plantronics Explorer 240 รุ่นนี้มันก็มีประสิทธิภาพที่น่าใช้ไม่เบาครับ
ก่อนจะไปเรื่องอื่นของ พูดถึงเรื่องราคาก่อนแล้วกันครับ หุฟังรุ่นนี้ราคาตกอยู่ที่พันต้นๆ แม้ว่าหูฟัง Bluetooth ยุคนนี้จะมีราคาตั้งแต่ 99 บาทก็ตามแต่เรื่องประสิทธิภาพของการทำงานและความคงทนนั้นเป็นสิ่งที่เป็นตัว บอกความต่างเรื่องของราคา โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในที่ความทนทานนั้นเป็นสิ่งที่แยกความ แตกต่างได้เป็นอย่างดี รวมถึงคุณภาพเสียงในการใช้งาน
จุดเด่น หูฟังรุ่นนี้ก็คือ
1.น้ำหนักเบา มีขนาดเล็กน้ำหนักเพียง 11 กรัม
2.แยกปุ่มปรับ Volume กับปุ่ม Control ออกจากกัน
3.Bluetooth เวอร์ชั่น 2.1+EDR
4.มี Quick Pair เทคโนโลยีที่ทำให้การใช้งานง่ายกว่าเดิม
5.เปิดรอสายได้ 7 วัน คุยต่อเนื่องได้ 5 ชม
เปิดกล่องอุปกรณ์มานั้นมีอุปกรณ์ไม่มากชิ้นสักเท่าไร มีเพียงหูฟัง ที่ชาร์จไฟ และคู่มือการใช้งาน ซึ่งเป็นคู่มือภาษาไทย ขนาดความยาวเพียง 2 หน้ากระดาษเล็กเท่านั้น ซึ่งน่าจะถูกใจหลายๆคนที่ขี้เกียจอ่าน manual เยอะ ๆ เวลาที่เจอคู่มือการใช้งานแบบหนาเป็นเล่ม บอกตามตรงว่ารู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มใช้เลยครับ
ตัวหูฟังหน้าตาแบบนี้หละครับ ขนาดเล็กๆ ตัวอุปกรณ์เป็นพลาสติกแข็งสีดำ เนื้อวัสดุเกรดดีครับ ปุ่มต่างๆแน่นหนาไม่หลวม มีก้านคล้องหูที่หมุนสลับใส่ได้ทั้งด้านซ้ายและขวา ตัวหูฟังครอบด้วย Eartip สีดำ ทำจากยางใส่แล้วไม่ลื่นหลุดง่าย และช่วยในการป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดี
ขนาดตัวหูฟังนั้นยาวไม่ถึง 5 ซม ขนาดเล็กและเบาทำให้การสวมใส่รู้สึกสบาย ผมลองใส่แบบทั้งวันมาตลอดสองอาทิตย์ที่ทำการทดสอบ ก็รู้สึกว่าไม่ได้อึดอัดอะไรมากครับ
ตัวก้านคล้องหูเป็นแกนบานพับ สามารถยืดหยุ่นได้นิดหน่อย เวลาง้างแล้วสวมใส่เข้าในหูเรา ดูแล้วก็แข็งแรงครับไม่ต้องกลัวหัก
ปุ่มด้านล่างคือปุ่มเปิดปิดเครื่องแบบเลื่อน ซึ่งสะดวกกว่าแบบกดมาก เพราะปุ่มแบบกดบางทีต้องกดค้าง ทำให้สับสนไม่รู้เปิดหรือปิดแต่เลื่อนแบบนี้ชัวร์กว่าครับใช้ง่ายด้วย เพียงแต่อย่าเผลอไปเลื่อนปิดก็เท่านั้นเอง แต่หากเผลอมันจะแถบสีส้มให้สังเกตได้อย่างชัดเจนครับ
ช่อง เสียบชาร์จไฟเป็นแบบมาตรฐานของ Palntronics คือช่องเสียบแบบ Micro USB ซึ่งเรื่องชาร์จไฟเค้าให้หม้อแปลงมาด้วย ไม่ใช่แบบสายที่ต้องเอาไปเสียบตามเครื่องคอมพ์เอาเอง ถือว่าให้มาครบครับเรื่องอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการใช้งานประจำวัน ไม่ต้องหาอะไรเพิ่มเติม
พลิก อีกด้านจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง กดซ้าย และกดขวาก็ได้ เพื่อปรับระดับความดัง การปรับระดับความดังจะเป็นแบบระบบวน คือดังเบาไปถึงดังมากแล้วจะวนกลับมาดังเบาอีกครั้ง ตรงนี้บางคนจะชอบแต่บางคนก็ไม่ชอบ จากการทดสอบใช้งาน พบว่าเรื่องความดังของเสียงหูฟังรุ่นนี้เวลาสนทนา ระดับความดังจะน้อยกว่าหูฟังรุ่นอื่นๆที่เคยทดสอบมา ไม่ใช่ว่าเสียงมันเบาจนคุยไม่ได้นะครับ เพียงแต่ความดังระดับสุดของมันน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ เช่น ถ้าสมมุติว่าระดับความดังแบ่งออกเป็น 10 ระดับ หูฟังรุ่นอื่นอาจจะปรับได้ตั้งแต่ 1-10 แต่รุ่นนี้อาจจะได้แค่ 1-7 แต่ระดับในการสนทนาที่เราใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 เพราะฉะนั้น มันอาจจะปรับไม่ได้ดังสะใจในบางสถานะการณ์เช่น ในที่ชุมชนเสียงดังๆที่ต้องปรับระดับเสียงแข่งกับเสียงภายนอก
ด้านหน้าจะมีไฟกระพริบสีฟ้าตลอดการใช้งาน ด้านหน้านี้ก็คือปุ่มรับสายและวางสายด้วย พอมีสายเข้ามาสามารถกดที่ด้านหน้านี้ได้เลยครับ
ก้าน หูฟังหมุนได้รอบทิศทางครับไม่ต้องกลัวว่ามันจะหัก
หากแบตเตอรี่อ่อนจะมีไฟสีแดง กระพริบสามครั้ง เพื่อบอกว่ามันถึงเวลาที่ต้องนำมันไปชาร์จไฟได้แล้วนะ