รีวิว Samsung Tab มาแล้ววว !!!

รีวิว Samsung Tab มาแล้ววว !!!

รีวิว Samsung Tab มาแล้ววว !!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook



กระแสของเครื่องรูปแบบใหม่ ที่ชื่อว่า Tablet มันถูกจุดติดขึ้นมาเรียบร้อยแล้วในเวลานี้ หลังจากที่ iPad ของทาง Apple เริ่มออกขาย ก็ทำให้กระแสสการใช้งานเครื่องรูปแบบใหม่ที่เราเรียกมันว่า เครื่อง Tablet มันก็เลยถูกจุดขึ้นเป็นกระแสความนิยมรูปแบบใหม่ แน่นอนว่าพอ Apple เป็นแกนนำแล้ว ก็ต้องมีผู้ร่วมขบวนการตามมาอีกเพียบ ซึ่งเครื่อง Tablet ส่วนใหญ่ในตลาดมักจะใช้ระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ เป็นหลัก เพราะมันเป็นระบบปฎิบัติการที่ได้รับการยอมรับเรียบร้อยแล้ว มี App รองรับมากมาย ซึ่งเมื่อตลาดของ Tablet กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบนี้ Samsung เองก็เป็นบริษัทหนึ่งที่ทำเครื่องแทบทุกรูปแบบป้อนเข้าสู่ตลาด โดยทาง Samsung ได้ส่งเครื่อง Samsung Galaxy Tab ออกขายในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว โดยได้จับมือร่วมกับเอไอเอส จำหน่ายในราคา 22,900 บาท โดยจะวางจำหน่ายช่วงกลางเดือนตุลาคม และเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ในงาน Thailand Mobile Expo 2010 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอสจะได้รับสิทธิใช้งาน Data ฟรี 500MB นาน 12 เดือน
 ซึ่งเป็นราคาที่จะว่าแพงก็ว่าแพง จะว่าถูกก็ว่าถูก เพราะหักค่าสิทธิพิเศษ ใช้งานด้าน
Data ฟรี 12 เดือนแล้วก็จะเหลืออยู่ที่เครื่องละหมื่นกว่าบาท และหากนับลูกเล่นเครื่อง Tablet ในตลาดในเวลานี้ ( ต.ค 53 ) เครื่อง Samsung Galaxy Tab ถือว่าเป็นเครื่องที่เป็นอันดับสองในตลาดทั้งหมด รองจาก iPad เพราะด้วยลูกเล่นและคุณสมบัติเฉพาะหลายๆอย่างจึงทำให้มันเป็นเครื่อง Tablet ที่น่าสนใจในเวลานี้

สำหรับลูกเล่นเด่นของ Galaxy Tab มีดังนี้ครับ

1.
Galaxy Tab ใช้ ARM Cortex A8-based 'Hummingbird' processorส่วน iPad จะใช้  A4 chip
ซึ่งเรื่องความเร็วดูแล้วไม่แตกต่างกันมากหากเทียบจากใน VDO แต่เรื่องของระบบปฎิบัติการของเครื่องทั้งสองนั้นใช้กันคนละแบบทำให้มันคงเปรียบเทียบกันได้ยาก เพราะ Samsung Galaxy Tab จะใช้ Andriod เวอร์ชั่น 2.2 

2.สิ่งที่สำคัญที่เป็นจัยใจที่ทำให้หลายๆคนต้อง เทใจให้กับ Galaxy Tab ก็คือเรื่องของการรองรับการทำงานของ Flash เพราะมันรองรับ Flash 10.1 ซึ่งแม้ว่า Apple จะออกมายืนยันแล้วว่าการทำงานของ Flash มันกินทรัพยากรเครื่องมาก เค้าเลยไม่ตัดสินใจให้ iPad หรือ iPhone รองรับการทำงานของ Flash แต่หากดูการใช้งานจริงจะพบว่า เนื้อหาบนเว็บไซด์ต่างๆในปัจจุบัน เค้าใช้ Flash กันทั้งนั้น ซึ่งเป็นที่อึดอัดใจมากสำหรับคนที่ใช้ iPad หรือ iPhone เวลาเข้าไปใช้บริการในเว็บที่ใช้ Flash ในการนำเสนอ

3.Galaxy Tab ให้กล้องมาที่ 3 Megapixel พร้อมกับ LED flash. และแถมด้วยกล้องด้านหน้า 1.3MP  QVGA video calling

4.Galaxy Tab มี Slot สำหรับเสียบ Memory Card ภายนอก

5.ขนาดเครื่องเล็กพกพาได้ สะดวกกว่า
iPad แต่ก็ยังลำบากกว่า PDA Phone

6.มีโปรแกรม Phone
สามารถโทรออกได้

รูปลักษณ์ภายนอกของ Galaxy Tab

ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy tab มีขนาด  190.09 x 120.45 x 11.98mm และน้ำหนัก 380g ซึ่งจัดว่าเป็น size ในขนาดที่กำลังพอดีกับการใช้งาน โดยมีขนาดหน้าจอเพียง 7 นิ้ว ซึ่งหากเทียบกับความใหญ่ของหน้าจอ 9.7 นิ้วของ iPad แล้วก็ต้องบอกเลยว่า ต้องแลกกันครับ หากต้องการดูชัดๆก็จะต้องพกพาลำบากกว่าหน่อย แต่หากต้องการพกพาสะดวกกว่า iPad มุมมองการทำงานก็ต้องเล็กลงเป็นไปตามกฎ แต่ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องการใช้งานผมของเล่าถึงเรื่องของตัว Hardware ภายนอกก่อนดีกว่าครับ สำหรับหน้าตาของ  Samsung Galaxy tab นั้นหน้าตามาในแบบมาตรฐานของเครื่อง Tablet ทั่วไปในตลาดเวลานี้ คือเรียบๆ ขอบสีดำ มีปุ่มด้านล่าง ซึ่งการออกแบบอุปกรณ์ประเภทนี้แทบจะเหมือนกันหมด ดูผ่านๆคิดว่ากรอบรูปดิจิตอลด้วยซ้ำ  วัสดุที่  Samsung Galaxy tab เลือกใช้ถือว่าเป็นวัสดุเกรดดีมาก ตัวเครื่องแน่นหนา ไม่มีเสียงกร๊อบแกร๊บ เวลาถือใช้งานเนื่องจากการประกอบที่ไม่เรียบร้อย ตัวเครื่องมาในลักษณะเป็นชิ้นเดียวกันหมดทั้งตัว มีปุ่มควบคุมการทำงานทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ขนาดตัวเครื่องถือว่ากำลังพอดีมือ  มีกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ด้านข้างทางขวาของเครื่องจะมีช่องเสียบ SIM card และช่องใส่ Memory Card แบบ Micro SD โดยหากใช้งานด้านโทรศัพท์ก็ต้องเสียบ SIM เข้าที่ด้านข้าง โดยขนาดของ SIM ใน  Samsung Galaxy tab นั้นจะใช้ SIM แบบมาตรฐาน ไม่ใช่ Micro SIM แบบ iPad



เลยถัดมาทางด้านบนของทางด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่ม ปรับระดับเสียงและปุ่มเปิดปิดการทำงานตัวเครื่อง โดยจะวางในตำแหน่งที่กดได้สะดวกดีครับ



ด้านบนคือรูหูฟังแบบ 3.5 mm ตามสมัยนิยม สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิงและใช้งานด้านโทรศัพท์ เพราะเครื่อง
 Samsung Galaxy tab อย่างที่ทราบกันว่ามันมีโปรแกรม Phone ให้มาด้วย มันเลยสามารถใช้งานพูดคุยได้เหมือนโทรศัพท์เครื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่การจะยกเครื่องมาแนบหูคุยคงจะน่าเกลียดไปหน่อย การใช้งานด้านโทรศัพท์ที่เหมาะสมที่สุดก็คือผ่าน Small Talk ที่ให้มาในชุดอุปกรณ์ หรือผ่านหูฟัง Bluetooth ก็ได้เช่นกัน



ด้านล่างตัวเครื่องคือช่อง Connector แบบ 30 Pin โดยจะมีลำโพงแบบสเตอริโอประกบอยู่ด้านข้าง หากพูดถึงเรื่อง Connector เห็นรูปร่างหน้าตาแล้วจะต้องรู้สึกว่าทำไมมันช่างคล้ายกับของ iPad มาก แต่ในความจริงแล้วมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้แม้หน้าตาจะคล้ายกันก็ตาม



ช่องต่อสาย Connector ของทาง Samsung Galaxy Tab นั้นยังมี ออฟชั่น ให้เลือกสำหรับการต่อ HDMI ได้อีกด้วย ตัวหม้อแปลงที่ให้มาจะต้องใช้งานร่วมกับสาย USB ที่เห็นในภาพ ซึ่งด้านหนึ่งก็คือ Port แบบ USB อีกด้านที่เป็นปลายสายก็จะเป็นหัวแบบ 30 Pin



รูไมโครโฟนจะอยู่ทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง

บนสุดจะมีโลโก้ SAMSUNG ถัดมาคือ Ambient Light Sensor หรือ sensor ตรวจวัดความสว่างของแสง ข้างๆตัว sensor ก็คือกล้องความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล สำหรับการใช้งาน Video Call
สำหรับเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องพูดถึงก็คือเรื่องของหน้าจอ
Samsung Galaxy Tab  จะใช้หน้าจอแบบ TFT LCD แสดงความละเอียดที่ 1024x600 พิกเซล ซึ่งจะไม่ใช่หน้าจอแบบ Super Amoled อย่างที่หลายๆคนคาดหวังไว้แต่แรก โดยขนาดหน้าจอจะมีขนาดเพียง 7 นิ้ว ซึ่งหากใช้งานโดยทั่วไปผมว่ามุมมองการทำงานโดยรวมถือว่าโอเคเลย แต่การใช้งานด้าน Text ทั่วๆไปผมมองว่า iPad ให้ความสบายตามากกว่า ด้วยขนาดจอที่ใหญ่กว่า  พูดง่ายๆหากชอบมองสบายตาไม่แคร์เรื่องพกพา iPad ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากเน้นพกพาด้วย Samsung Galaxy Tab  ถือว่าชนะใสๆ เพราะแม้จะมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว แต่มันก็ยังสามารยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้แบบสบาย ๆแต่เวลานั่งคงต้องหยิบออกไม่งั้นแน่นไปหน่อย

การปลดล็อคหน้าจอ จะใช้การปลดล็อคโดยเลื่อน icon รูปกุญแจสีเขียว จากซ้ายไปขวา คล้ายๆกับ screen lock ของ iPad
 



พลิกด้านหลังปุ๊บ โชว์ทันทีว่า เดี๊ยน Made in Korea นะจ๊ะ ไม่ใช่ China  ซึ่งมาตรฐานการผลิตก็น่าจะดีกว่าหรือเปล่าผมก็ไม่อาจะฟันธงได้ บางคนว่าสินค้าเกาหลีไม่ทน บางคนก็บอกว่า QC ดีกว่า อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่เทรนสินค้าเกาหลีตอนนี้ มาแรงเหลือเกิน อะไรๆก็เกาหลี จนประเทศเราจะมีกิมจิ เป็นอาหารประจำชาติอยู่รองจาก ต้มยำกุ้ง และข้าวเหนียว ส้มตำ

ปุ่มการทำงานด้านหน้าจะเป็นปุ่มแบบสัมผัส โดยมี 4 ปุ่มหลักตามสไตล์ แอนดรอยด์ให้เลือกใช้งาน โดยประกอบไปด้วย

ปุ่ม Menu ใช้สำหรับเรียกแสดงเมนูย่อยของโปรแกรมที่เปิดใช้งาน
ปุ่ม Home ใช้สำหรับเรียกแสดงโปรแกรมหน้าจอหลัก (Home Screen)
ปุ่ม Back ใช้สำหรับย้อนกลับไปหน้าจอใช้งานล่าสุด
ปุ่ม Search ใช้สำหรับการค้นหาของโปรแกรมที่ทำงานอยู่ บนหน้าจอปัจจุบัน


 

อินเตอร์เฟสบน Android 2.2 นั้น ยังคงมีหน้าตาเหมือนในเวอร์ชัน 2.1 ซึ่งแอนดรอยด์ใน Galaxy Tab จะสามารถสร้างหน้าย่อยสำหรับวาง icon ได้สูงสุดทั้งหมด 9 หน้า icon ต่าง ๆ สามารถจัดวางได้อย่างอิสระ  และสำหรับโปรแกรมต่างๆที่ให้มานั้น เรียกได้ว่าเต็มอิ่มจุใจ ครับเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังในส่วนถัดไปนะครับ

การทำงานด้านความบันเทิง

จุดเด่นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของ
Samsung Galaxy Tab ก็คือเรื่องบันเทิงเคลื่อนที่ โดยในตัวเครื่องรุ่นนี้สามารถเล่นไฟล์ VDO ในแบบ 1080p หรือ Full HD และยังสามารถต่อผ่าน HDMI เข้า TV เพื่อรับชมได้ทันที การทำงานของซีพียูระดับ 1GHz นั้นทำให้การเล่นไฟล์ VDO เป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่มีกระตุกใดๆทั้งสิ้น  สำหรับการรับชมบนตัวเครื่อง Galaxy Tab เองหากนำมาเป็นเครื่องเล่น VDO แบบพกพาก็ต้องยอมรับครับว่าได้อรรถรสไม่แพ้ดูบนเครื่องจอใหญ่ๆ เลย และด้วยพลังแบตเตอรี่ความจุระดับ 4000 mAh ทำให้การเล่นไฟล์พวกความบันเทิงต่างๆเป็นไปได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานมากนัก

และนอกจากไฟล์ในรูปแบบ VDO แล้วการฟังเพลงนั้น ในเครื่องยังมี Player ที่สนับสนุนการเล่นไฟล์ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น MP3, ACC, OGG, WMA, AMR-NB/WB, FLAC, WAV, AC3, MIDI, RTTTL/RTX, OTA, i-Melody ,SP-MIDI
 



การใช้งานอินเตอร์เน็ต



การใช้งานด้านอินเตอร์เน็ตนั้น ตัวเครื่องจะมีโปรแกรม Browser ให้มาในตัวระบบปฎิบัติการแล้ว และความสามารถของ Galaxy Tab ที่เหนือกว่า iPad ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้หลายๆคนต้องคำถึงถึงก็คือ Galaxy Tab นั้นสนับสนุนการใช้งานโปรแกรม Flash Player 10.1 และ Javascript

แม้ว่าหลายคนจะบอกว่า Flash ไม่จำเป็น และกินทรัพยากรเครื่องมาก แต่ในการใช้งานจริงแล้วเว็บไซด์ในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ใช้การทำงานของ Flash เป็นเครื่องมือในการแสดงผล การใช้งานด้านอินเตอร์เน็ตบนเครื่องรุ่นนี้สามารถใช้ผ่านทาง WiFi หรือ GPRS ก็ได้ โดยมี Keyboard เสมือนสำหรับการพิพม์ข้อมูล โดยอารมณณืความรู้สึกนั้น เรียกได้ว่าแตกต่างจากการใช้งานบนเครื่อง PDA Phone โดยสิ้นเชิง เมื่อหน้าจอใหญ่ การ input ข้อมูลก็ง่ายขึ้น การแสดงผลก็ชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่าการใช้งานด้านอินเตอร์เน็ตสำหรับเครื่องประเภทนี้จะเหมาะมากกว่าใช้งานบน PDA Phone เยอะมากทีเดียว



การดูเว็บไซด์ต่างๆทำได้สมบูรณ์มากทีเดียว สามารถใช้นิ้วซูมเลื่อนเข้าออกเพื่อขยายและลดการแสดงผลต่างๆได้สะดวก การแสดงผลรองรับการแสดงผลในรูปแบบภาษาไทย

กล้องของ Galaxy Tab

จุดขายอีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องกล้องที่ทำให้เครื่องรุ่นนี้เหนือกว่า iPad กล้อง ให้กล้องด้านหลังที่ความละเอียด สูงสุด 3.2 ล้านพิกเซล มีโหมดการทำงานหลายรูปแบบทั้ง โหมดภาพถ่ายภาพ ภาพเดี่ยว, ภาพต่อเนื่อง, ภาพพาโนราม่า, ภาพตรวจจับการยิ้ม และ ภาพถ่ายตัวเอง สามารถตั้งค่า ค่า ISO ได้สี่รูปแบบคือ อัตโนมัติ, 100, 200 และ 400 นอกจากนั้นยังสามารถ บันทึก ตำแหน่ง GPS ลงในข้อมูลภาพได้อีกด้วย ส่วนการถ่าย VDO มีให้เลือกสองโหมดความละเอียดคือ ความละเอียด720 x 480 โหมดปกติ และ 176 x 144 โหมด สำหรับการส่ง MMS



การถ่ายภาพสามารถระบุเลือกตำแหน่ง Focus ในภาพได้โดยใช้นิ้วเลือกแตะตำแหน่งที่ต้องการ หากแสงไม่พอ ยังสามารถเลือกปรับการชดเชยแสงได้อีกด้วย เอาหละครับลองมาดูผลงานจากกล้องของ Galaxy Tab กันดูดีกว่า สำหรับผมเองค่อนข้างพอใจกับคุณภาพของกล้องรุ่นนี้ แม้ว่าชาวบ้านเค้าจะพัฒนาความละเอียดกันไปที่ 5 ล้านพิกเซล แล้วก็ตาม แต่ Galaxy Tab ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างประทับใจทีเดียวเลยหละครับ

รูปภาพตัวอย่าง

 

โปรแกรมโทรศัพท์



การใช้งานโทรศัพท์ใน Galaxy Tab นั้นสามารถใช้งานได้เปรียบเสมือนเครื่องโทรศัพท์ทั่วไปทุกประการ แต่จะแตกต่างตรงที่ขนาดเครื่องมันใหญ่โต หากเอามาแนบหู คนเห็นต้องคิดว่าเราบ้าแน่ๆ ดังนั้นการใช้งานจริงๆ ก็จะใช้งานด้านพูดคุยผ่านทาง สาย small talk หรือไม่ก็หูฟัง Bluetooth แทน ซึ่งจากการทดสอบนั้นพบว่า เสียงค่อนข้างชัดเจนดีมากครับ และสัญญาณการใช้งานก็ไม่มีอาการสัญญาณขาดๆหายๆ ค่อนข้างเสถียรดีครับ

เรื่องของแบตเตอรี่

สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องอยากทราบแน่เลยว่า ความอึดของเครื่องรุ่นนี้เป็นอย่างไร จากการใช้งานทั่วๆไปผมจะชาร์จสองวันครั้ง การใช้งานส่วนใหญ่ก็เปิด WiFi เป็นหลัก แบตเตอรี่ความจุที่ 4000 mAh ทำให้การใช้งานทั่วไปสามารถทำได้ค่อนข้างนานกว่า PDA Phone เรียกได้ว่าใช้กันเต็มที่เลยครับ เพราะเครื่องรุ่นนี้เค้าบอกไว้แล้วว่ามันสามารถเล่นไฟลืดูหนังได้ต่อเนื่องมากถึง 7 ชั่วโมง แต่หากเราใช้งานทั่วๆไปก็ถือว่าเหลือเฟือครับ และหากเทียบกับ iPad จากการเปรียบเทียบด้วยความรู้สึกจริงจากการใช้งานทั้งสองเครื่องในเวลาเดียวกัน พบว่า iPad ยังกินไฟน้อยกว่าหน่อย ซึ่งโดยปกติแล้ว iPad เองได้รับคำชมเรื่องความอึดของแบตเตอรี่อยู่แล้ว และ Galaxy Tab เองผมพูดได้เลยว่า น้องๆ iPad เลยครับ

การอ่าน Ebook



จุดเด่นของการใช้งานเครื่องประเภท Tablet เหล่านี้ก็คือการใช้งานในรูปแบบ Ebook ซึ่งในเครื่องรุ่นนี้จะมีโปรแกรม Ebook ที่มีหน้าตาอินเตอร์เฟส เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกับ iPad เลยครับ มีหนังสือตัวอย่างให้มา 6 เล่ม  โดยเราสามารถเลือกอ่านได้ตามใจชอบ และโหลดเพิ่มในรูปแบบ PDF มาอ่านเพิ่มได้ ซึ่งจากการทดสอบลองอ่าน Ebook ของเครื่องรุ่นนี้ เรียกได้ว่าแทบไม่แตกต่างจาก iPad เลยในด้านมุมมองในการอ่าน เพราะขนาดตัวอักษร นั้นแทบจะเท่ากับ iPad เลย แม้หน้าจอเครื่องจะเล็กกว่าก็ตาม แต่หากเทียบหนังสือเล่มเดียวกัน การอ่านบน iPad จำนวนหน้าจะน้อยกว่า เพราะ Samsung เค้าขยายอักษรมาเท่าๆกับ iPad ทำให้จำนวนหน้าเพิ่มขึ้น จำนวนอักษรต่อหน้าก็น้อยกว่า



Reader Hub เป็นคลังแหล่งรวมหนังสือที่แบ่งออกเป็นหนังสือพิมพ์, หนังสือ และนิตยสาร เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าไปดาวน์โหลดหนังสือมาไว้ที่เครื่อง โดยหากใครเป็นสมาชิกของ Zinio อยู่แล้วก็สามารถ Sign in แล้วเข้าไปโหลดหนังสือที่เราซ้อไว้มาอ่านบนเครื่องได้ทันที



ผมลองเปรียบเทียบการอ่านด้วยโปรแกรม Zinio ให้ดูครับ จากบนเครื่อง Galaxy Tab และบนเครื่อง iPad หากเป็นการอ่านด้วย Zinio นั้น บน iPad กินขาดด้วยสาเหตุที่ว่า โหลดการทำงานเร็วกว่าหน่อย และการแสดงผลสบายตากว่า แต่โดยหลักๆแล้วแทบจะเหมือนกันเลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook