เทรนด์ใหม่! โทรศัพท์มี 2 ซิมในเครื่องเดียว
หลังจากที่แต่ละโอเปอร์เรเตอร์ ต่างโหมกระหน่ำโปรโมชั่นสุดร้อนแรงเอาใจลูกค้า จนทำให้หนุ่มสาวทั้งหลาย ต่างพกโทรศัพท์หลายเครื่อง จนวุ่นวาย พะรุงพะรัง หรือเรียกว่าได้ว่า เป็นโรค “Telephonic” คือเป็นพวกติดโทรศัพท์ตลอดเวลา แบบเม้าท์กระจายค่ำยันเช้า เช้ายันค่ำ
ที่มาของภาพ : www.twz.co.th
จากการพัฒนาของเทคโนโลยีสำหรับโทรศัพท์เพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ ไม่เคยสิ้นสุด ดังนั้น จึงเกิดเทรนด์ใหม่ของวงการมือถือ ซึ่งเรียกได้ว่า สุดฮอตประจำปีนี้เลยทีเดียว นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถใส่ได้ 2 ซิมในโทรศัพท์เครื่องเดียว ช่วยให้สะดวกในการพกพาและง่ายต่อการใช้งาน แต่ก็มีปัญหาอีกว่า โทรศัพท์ 2 ซิม ก็มีหลายประเภท จนหลายคนสับสน งงงวยเป็นไก่ตาแตกกันหลายราย ซึ่ง ชาว TWZ ก็เลยขอบอกเล่าให้เข้าใจกันง่าย ๆ เวลาไปเม้าท์กับเพื่อน ๆ จะได้ไม่ตกเทรนด์
โทรศัพท์มือถือที่ใส่ได้ 2 ซิมในเครื่องเดียว หรือที่เรียกกันติดปากว่า “Dual Sims” นั้น (สังเกตุง่าย ๆ ด้านหลังเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง) สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1: 2 SIM ( 1 Standby Switch ) หรือ โทรศัพท์แบบ 2 ซิม สลับการใช้งาน
แบบนี้เครื่องจะทำงานได้ครั้งละ 1 ซิมเท่านั้น โดยหน้าจอจะมีเสาสัญญานแสดงเพียงเสาเดียวเท่านั้น นั้นก็แสดงว่า จะรับสายหรือโทรออกได้เพียงเลขหมายที่ถูกเลือกใช้เท่านั้น ส่วนเลขหมายที่ 2 จะถูกปิดการใช้งานอัตโนมัติ ซึ่งจะใช้งานเลขหมายที่ 2 ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนการทำงานจากหมายเลขที่ 1 สลับมายังเลขหมายที่ 2 เท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งก็หมายความว่า เลขหมายที่ 1 จะถูกปิดการใช้งานเช่นกัน
ประเภทที่ 2: 2 SIM ( 2 Standby 1 Chipset )
แบบนี้ จะใช้งานได้ 2 สายเลย หรือที่เรียกว่า “มีการรอทำงาน (Standby) ทั้ง 2 เลขหมาย” สังเกตง่าย ๆ ที่หน้าจอจะมีเสาสัญญานโชว์ 2 เสา เครื่องจะรอทำงานทั้ง 2 เลขหมาย แต่เมื่อมีการโทรออกหรือรับสายจากเลขหมายหนึ่ง อีก 1 เลขหมายจะถูกพักสัญญาณการโทรเข้าและโทรออกชั่วคราวจนกว่าสายที่ใช้งานจะวางสาย แล้วเครื่องก็จะกลับมา Standby สัญญาณพร้อมใช้งานได้ทั้ง 2 เลขหมายเหมือนเดิม
ตัวอย่าง: ในกรณีที่ท่านใช้งานซิมเลขหมายที่ 1 อยู่ และมีการสายโทรเข้ามายังเลขหมายที่ 2 ซึ่งแสดงว่า เลขหมายที่ 2 ได้ถูกพักสัญญาณชั่วคราว เมื่อผู้ใช้วางสายที่ 1 จะมี SMS จากเครือข่ายของเลขหมายที่ 2 ส่งมายังโทรศัพท์ของท่าน
ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายขึ้นก็คือ โทรศัพท์ 2 ซิม ประเภทที่ 2นี้ (ระบบ 2 ซิม แบบ 2 standby 1 Chipset) จะดีกว่าแบบแรกตรงที่ โทรศัพท์ 2 ซิม ประเภทที่ 2 นั้น เครื่องจะสลับสายการทำงานให้อัตโนมัติ และมีบริการ SMS แจ้งให้ทราบกรณีที่มีสายเรียกซ้อนอีกด้วย (ขึ้นอยู่กับการให้บริการแต่ละเครือข่าย) ไม่ต้องคอยเปลี่ยนฟังก์ชั่นกับตัวเครื่องเหมือนแบบที่1
ประเภทที่ 3: 2 SIM (2 Standby 2 Chipsets)
ประเภทนี้โทรศัพท์จะแยกภาครับและภาคส่งอิสระจากกันทั้ง 2 เลขหมาย ซึ่งผู้ใช้งานจะสะดวกยิ่งขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อใช้งานเลขหมายที่ 1 อยู่ แล้วมีสายโทรเข้าเลขหมายที่ 2 คุณสามารถสลับการใช้งานได้เลย เหมือนมีสายเรียกซ้อน แบบนี้เหมาะอย่างยิ่งกับกลุ่มที่ต้องแข่งกับเวลา หรือมีนัดหมายมากมายทางโทรศัพท์ เรียกว่า โทรไว รับไว ทันใจทั้งคนโทรคนรับ....
คราวนี้ก็อยู่ที่ผู้ใช้ ว่าชอบแบบไหน เลือกใช้ได้ตามสไตล์ของแต่ละคน แต่อย่าโทรเพลินจนลืมจ่ายค่าโทรศัพท์แล้วกันนะคะ...แล้วจะหาว่าไม่เตือน ...
แหล่งที่มา: http://www.twz.co.th/article/58.html