ฝีมือของสิ่งมีชีวิต หรือ ธรรมชาติ!!? สถานที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้
1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา
"เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้
2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (รัฐหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย)
นี่คือภาพลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บนเกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณ ขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็นแนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย)
3. หินรูปทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศอียิปต์
ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสีขาวและครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
4. บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบปปุ ประเทศญี่ปุ่น
น้ำพุร้อนสีเลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชูสาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง
5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ
Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)
6. ทะเลเกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย
จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่งด้วยกันแต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศโบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ