DSI บุกรวบหนุ่มไทยหลอกตั้งแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 ทำเหยื่อเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!

DSI บุกรวบหนุ่มไทยหลอกตั้งแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 ทำเหยื่อเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!

DSI บุกรวบหนุ่มไทยหลอกตั้งแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 ทำเหยื่อเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

iPhone 5: DSI บุกรวบหนุ่มไทยหลอกตั้งแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 ทำเหยื่อเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!

iPhone 5 - อัพเดทข่าวล่าสุดกับเรื่องราวของมิจฉาชีพในประเทศไทยที่อาศัยกระแสความต้องการ iPhone 5 อันล้มหลาม (ก่อนที่จะกลายร่างมาเป็น iPhone 4S แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวในเวลาต่อมา) มาหลอกลวงและเอาเปรียบผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวโดยทั่วไป หลังจากมีรายงานข่าวบนเว็บไซต์ Matichon ระบุว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้สำหรับยอดค่าความเสียหายของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากกรณีแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 ดังกล่าวมีรวมกันถึงเกือบ 300 ล้านบาทเลยทีเดียว!

เห็นแล้วก็นึกถึงกรณี ไอโฟนห่า ที่ก็เป็นกระทู้ยอดฮิตประจำปีในเว็บไซต์ Drama-Addict อยู่ไม่น้อยเหมือนกันกับความเสียหายของเหยื่อหลายรายที่ต้องหมดเงินจำนวนมากไปกับ iPhone 5 ที่แม้แต่ Steve Jobs ยังไม่เคยเห็นหน้าตาเลยด้วยซ้ำมั้ง!  ดีเอสไอจับหนุ่มหลอกตั้งแชร์ลูกโซ่ iPhone 5 เหยื่อเสียหายรวมมูลค่ากว่า 300 ล้าน (ที่มา: matichon)

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.ศุภางค์ ตรงกมลธรรม กับผู้เสียหายรวม 22 คน ซึ่งตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ กล่าวคือ ระหว่างเดือน มิ.ย.53 ถึง ต.ค.54 นายพฤติ จารุโภคกุล ได้ชักชวนหลอกลวง น.ส.ศุภางค์ ตรงกมลธรรม กับผู้เสียหายรวม 22 คน ว่าประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายโทรศัพท์มือถือ iPhone 4, iPhone iOS และ BlackBerry Bold 9900 รวมทั้งประมูลคอมพิวเตอร์ทางอินเตอร์เน็ตจากแหล่งรับซื้อขายโทรศัพท์ที่ต่างประเทศ ในลักษณะเก็งกำไร โดยมีร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองชื่อหมูแซตเทิลไลท์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นริชชี่ ชั้น 4 ฝั่งโซนคิว

นายพฤติ ได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ให้กู้ยืมเป็นเงินในอัตรา ร้อยละ 10-40 ของเงินลงทุนต่อรอบการลงทุนประมาณ 25-34 วัน ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ทำให้ น.ส.ศุภางค์กับพวกหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงร่วมลงทุนและมอบเงินให้นายพฤติไป ซึ่งนายพฤติก็ได้ให้ผลประโยชน์ตอบแทนตามที่ตกลงเอาไว้มาโดยตลอด แต่ต่อมาประมาณเดือนมิถุนายน นายพฤติได้ส่งข้อความว่า จะซื้อ iPhone 5 มาขาย โดยอ้างว่าจะสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทแอปเปิ้ล (Apple Computer Inc.) โดยตรงและจะเป็นผู้นำสินค้าไปขายให้กับกลุ่มลูกค้า หากสนใจร่วมลงทุนให้แจ้งความประสงค์ และโอนเงินเข้าบัญชี โดยจะให้กำไรถึงร้อยละ 10-42 ของเงินลงทุนต่อรอบการลงทุน 25-34 วัน ทำให้ น.ส.ศุภางค์กับพวกหลงเชื่อและโอนเงินให้ซึ่งก็ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเรื่อยมา กระทั่งในวันที่ 5 ตุลาคม บริษัท Apple ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย iPhone 5 ได้แถลงข่าวเลื่อนการเปิดตัว iPhone 5 เข้าสู่ตลาดออกไปก่อน ทำให้ น.ส.ศุภางค์กับพวกสงสัยและพยายามติดต่อกับนายพฤติ แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปและไม่จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนตามที่ตกลง รวมเงินที่นายพฤติหลอกลวงไปจากผู้เสียหายทั้งหมดจำนวน 301,329,977 บาท

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สอบปากคำผู้เสียหาย พบว่า ผู้เสียหายไม่เคยได้รับสินค้า เพราะนายพฤฒิจะเป็นผู้นำไปขายให้เองโดยอ้างว่ามีกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศรับซื้ออยู่แล้ว จึงสืบสวนหาร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองตามที่นายพฤฒิ กล่าวอ้าง แต่ไม่ปรากฏว่ามีชื่อร้านดังกล่าวตั้งอยู่ หรือเคยทำสัญญาเช่าสถานที่กับห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง แต่อย่างใด นอกจากนี้ จากการสืบสวนหาข้อมูลจากกรมศุลกากร กรณีการประมูลโทรศัพท์มือถือจากต่างประเทศ และการนำเข้าโทรศัพท์มือถือในเบื้องต้นทราบว่า ไม่มีข้อมูลการได้รับใบอนุญาตนำเข้า และใบอนุญาตจากการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรณีสินค้าลิขสิทธิ์ และจากการตรวจสอบเอกสารทางการเงินพบว่ามีการโอนระหว่างนายพฤฒิกับผู้เสียหายผ่านธนาคารต่างๆ จริง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับนายพฤฒิและสามารถติดตามตัวจับกุมมาได้ในที่สุด รวมทั้งได้ทำการบุกค้นบ้านพักในย่านห้วยขวาง พร้อมกับทำการตรวจยึดเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจำนวน 7 รายการไว้ทำการตรวจสอบต่อไป

บทความโดย: ekk TechXcite
ที่มา: matichon
ที่มาภาพ: drama-addict

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook