หลักการสำคัญในการเลือกซื้อ HDTV และ LCD TV
HDTV- เผยโฉมมาทักทายและทำความรู้จักกับเรามานานหลายปีพอสมควร แต่ก็เช่นเดียวกับเทคโนโลยีส่วนใหญ่ HDTV ก็ต้องการเวลาระยะช่วงหนึ่งในการปรับแต่งอะไรหลายๆ อย่างให้อยู่ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแง่ของราคา ดังนั้นที่ผ่านมา ถ้าคุณไม่ได้รวยจริงๆ คงยากที่จะมีโอกาสครอบครอง เพราะราคาของโทรทัศน์ความละเอียดสูงในช่วงที่ออกมาใหม่ๆ นั้น พอให้คุณถอยรถยนต์ป้ายแดงมาขับได้เลย
อย่างไรก็ดี นั่นก็เป็นเรื่องของอดีต เพราะในปัจจุบันราคาของ HDTV ลดต่ำลงมาก แม้จะยังแพงอยู่ แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับขนาดของจอ และความคมชัดที่ได้รับ จึงไม่แปลกที่ในหลายๆ ประเทศ HDTV ได้ทยอยเข้าไปตั้งแทนที่ทีวีแบบเดิมในห้องรับแขก ห้องนอน ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ในต่างประเทศ สื่อส่วนใหญ่ฟันธงอย่างไม่กลัวหน้าแตกว่า เวลาของ HDTV มาถึงแล้ว เพราะสถานีโทรทัศน์ช่องปกติหรือฟรีทีวี (เทียบกับบ้านเราก็อย่างเช่นช่อง 3 5 7 9 และ 11) เริ่มแพร่ภาพในแบบ high-definition มากขึ้นทุกวัน รายการดังๆ ทั้งหลาย ไปจนถึงการถ่ายทอดสดกีฬาอย่างอเมริกันฟุตบอลหรือบาสเก็ตบอล ก็ล้วนแต่ออกอากาศแบบ HD แล้ว นี่ยังไม่นับเคเบิลทีวีที่เริ่มต้นไปก่อนหน้าฟรีทีวีด้วยซ้ำ
หันกลับมามองที่บ้านเรา การแพร่ภาพแบบ HD ของฟรีทีวีดูจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่พอสมควร เพราะยังไม่เห็นแม้แต่เค้าลางของการเริ่มต้น มีก็แต่เคเบิลทีวีในบ้านเรา ที่เริ่มทดสอบหรือทดลองแพร่ภาพแบบ high-def ตามงานอีเวนต์ที่ตัวเองจัดบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการที่สมาชิกจะได้ใช้บริการ ดังนั้นคำพูดที่ว่าถึงเวลาของ HDTV แล้ว จึงน่าจะเหมาะสำหรับบางกลุ่มหรือบางคนเท่านั้น
กลุ่มที่ว่าก็คือ เหล่าบรรดาคอหนังตัวจริงเสียงจริงไปจนถึงผู้ที่รักการชมภาพยนตร์ กับกลุ่มของผู้ชื่นชอบการเล่นเกม ทั้งนี้เพราะคอนเทนต์แบบ high-def ที่เป็นทางเลือกสำหรับชาวไทยในปัจจุบันนั้น หลักๆ แล้วก็จะมีเฉพาะที่อยู่ในรูปของภาพยนตร์บนแผ่น HD-DVD หรือไม่ก็ Blue-ray กับในรูปของเกมผ่านทางเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่ๆ แต่เราเชื่อว่านั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ HDTV ขึ้นแท่นความนิยมในใจของใครหลายๆ คนได้ไม่ยาก
การมีโทรทัศน์จอยักษ์ที่ฉายโฮมวิดีโอซึ่งคุณถ่ายเองด้วยกล้องแบบ HD ให้ญาติพี่น้องนับสิบได้ดูพร้อมกัน ในบรรยากาศอบอุ่นแบบครอบครัว หรือทีวีจอใหญ่ที่ให้คุณชมภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอารมณ์ ในบรรยากาศน้องๆ การรับชมในโรง ก็เป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธอยู่เหมือนกัน ยิ่งคุณต้องการทีวีจอใหญ่เท่าไร คุณภาพของสัญญาณแบบ high-def ก็จะกลายมาเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้น เพราะสัญญาณภาพแบบปกติ (standard definition) ที่แพร่ภาพอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าแสดงบนจอขนาด 40 นิ้วขึ้นไป จะเห็นถึงความหยาบของภาพได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับรถหรูๆ HDTV ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่ใครก็อยากได้ ถ้าคุณมีกำลังมากพอ และสนใจอยากได้เครื่องใช้ไฟฟ้าสุดหรูนี้มาครอบครอง เรามีคำแนะนำในการเลือกซื้อมาบอกคุณ
และด้วยราคาไม่ใช่ถูกๆ ของ HDTV หรือ LCD-TV ทำให้คุณอาจต้องใช้เวลาพิจารณามากสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการเลือกว่า HDTV แบบไหนที่เหมาะกับคุณ จะเป็นจอแอลซีดีที่สว่าง จอพลาสมาที่ให้ความคมชัดแม้กับภาพที่ออกโทนดำ หรือแบบเรียลโปรเจ็กชันที่ใหญ่ได้ใจเมื่อเทียบกับราคา อย่างไรก็ดี ขนาดของจอที่คุณต้องการ กับงบที่คุณมีอยู่ จะเป็นตัวกำหนดว่าเทคโนโลยีแบบไหนที่เหมาะกับคุณในระดับหนึ่ง
สำหรับ HDTV ที่ขนาดราว 36 นิ้ว ที่เป็นจอแบบ CRT เหมือนที่ใช้อยู่ในทีวีทั่วไปทุกวันนี้ ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอยู่ และภาพที่ได้บนหน้าจอก็ยังไม่ถึงกับโดนเทคโนโลยีใหม่ๆ ทิ้งห่างไปไกลนัก แต่ข้อเสียที่ชัดเจนของทีวีแบบ CRT ก็คือเรื่องของน้ำหนักและขนาดที่ใหญ่เทอะทะ จุดนี้เองที่ทำให้ทีวีแบบ LCD-TV แทรกตัวเข้ามากลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โดยนอกจากจะเบาและบาง อีกทั้งมีดีไซน์ที่สวยงามเข้ากับการตกแต่งภายในบ้าน และหาที่ตั้งวางได้ไม่ยากแล้ว แอลซีดีทีวียังให้ภาพที่สว่าง และแทบไม่มีแสงสะท้อนบนหน้าจออีกด้วย
อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการควบคุมคุณภาพ dead pixel บนจอ ซึ่งยิ่งจอมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งควบคุมได้ยากเท่านั้น ทำให้แอลซีดีทีวีที่มีขนาดเกิน 42 นิ้วขึ้นไป จะเริ่มมีราคาแพงจนไม่คุ้มค่าสักเท่าไร และนั่นทำให้โทรทัศน์แบบพลาสมากลายมาเป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่าในความคิดของ เรา โดยทั่วไปแล้ว จอพลาสมาที่วางขายจะมีขนาด 37 นิ้วขึ้นไป จนถึง 103 นิ้ว และก็เป็นตัวเลือกที่เราชอบที่สุดในการใช้รับชมภาพยนตร์บนแผ่น HD-DVD, Blue-ray รวมไปถึงดีวีดี
แต่ถ้าคุณต้องการจอใหญ่มากๆ ในราคาที่คุ้มสุดๆ ก็คงต้องมองหาทีวีแบบเรียลโปรเจ็กชัน (rear-projection) หรือ RPTV ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 42 นิ้วไปจนถึงเกิน 70 นิ้ว เพราะถ้าเทียบราคาต่อขนาดของจอแล้ว โทรทัศน์แบบเรียลโปรเจ็กชันจะมีราคาถูกที่สุด แต่ RPTV ก็มีข้อเสียตรงที่องศาในการมองจะแคบกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้ถ้าคุณนั่งขยับเอียงออกมาจากจอมากๆ ทั้งสีและความสว่างของภาพบนจอจะเพี้ยนไป แต่ถ้าคุณนั่งอยู่ตรงกับหน้าจอ ก็ไม่มีปัญหา
นอกจากประเภทของเทคโนโลยีแล้ว อีกจุดหนึ่งที่คุณต้องพิจารณาด้วยในการเลือกซื้อ HDTV ก็คือ ช่องอินพุตสัญญาณวิดีโอที่มีให้ ว่าตรงกับที่คุณต้องการหรือตรงกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณมีอยู่หรือเปล่า ช่องอินพุตส่วนใหญ่ที่ใช้กับวิดีโอแบบ high-def ก็คือคอมโพเนนต์วิดีโอกับ HDMI (High-Definition Multimedia Interface) โดยแบบแรกจะใช้มากในเครื่องเล่นดีวีดีกับเครื่องเล่นเกมคอนโซล และ HDTV ส่วนใหญ่ก็มักจะมีช่องอินพุตนี้ให้อย่างน้อย 2 ชุด แต่ถ้าอุปกรณ์อย่างเครื่องเล่น HD-DVD ของคุณให้สัญญาณแบบดิจิตอล คุณก็ควรมองหาช่องอินพุตแบบดิจิตอลอย่าง HDMI หรือ DVI เพราะจะให้คุณภาพสัญญาณที่ดีกว่า ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว HDTV ที่วางขายในทุกวันนี้ก็มักจะมีช่องอินพุตสัญญาณดิจิตอลให้ 2 ชุดเป็นอย่างต่ำเช่นกัน