โครงการแจกแท็บเล็ต จ่อแววงานเข้า งบบานปลาย รัฐบาลเตรียมของบเพิ่ม หลังงบแรก 1,900 ลบ. ไม่พอ!
โครงการแจกแท็บเล็ต จ่อแววงานเข้า งบบานปลาย รัฐบาลเตรียมของบเพิ่ม หลังงบแรก 1,900 ลบ. ไม่พอ!
ติดตามข่าวสาร IT ที่น่าสนใจกับ เฮียณัฐ TechXcite วันนี้มาติดตามความคืบหน้าของโครงการ แจกแท็บเล็ตของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีของไทย โดยก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเกี่ยวกับสเปคขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด และล่าสุด มีข่าวว่ารัฐบาลจะแลกข้าวสารไทยกับแท็บเล็ตจีน ในวันนี้มีข่าวที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงของโครงการนี้ ว่ามีแนวโน้มว่าอาจจะส่งมอบไม่ทันตามกำหนด และราคางบประมาณที่ตั้งไว้ต่อเครื่องที่ 2,400 บาท อาจจะไม่พอ เพราะทางผู้ผลิตเองบอกว่า กับสเปคที่ตั้งเอาไว้ ราคาของแท็บเล็ตน่าจะอยู่ที่ 4,000 บาท
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับโครงการประชานิยม แจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ของรัฐบาลที่เคยได้หาเสียงเอาไว้เมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมา ล่าสุด น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เตรียมดันแผนแจกแท็บเล็ตเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า โดยได้รายงานความคืบหน้าของโครงการว่า ตอนนี้การเจรจากับทางประเทศจีนยังไม่แล้วเสร็จ ยังสรุปไมได้ว่าจะจ่ายค่าแท็บเล็ตด้วยเงินสด หรือสินค้าแลกเปลี่ยนตามที่เป็นข่าว แต่จะพยายามให้่ไทยได้ประโยชน์สูงสุด โดยการเจรจาจะต้องสิ้นสุดลงภายในเดือน กพ. นี้ รวมทั้งเตรียมจะของบประมาณแผ่นดินเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้วางแผนที่จะจัดซื้อแค่ 5.6 แสนเครื่อง จึงตั้งงบประมาณปี 2555 รองรับไว้แค่ 1,900 ล้านบาท แต่ปรับภายหลังเพิ่มเป้าหมายเป็น 9 แสนเครื่อง เพื่อให้ครอบคลุมนักเรียนชั้นป.1 ที่มีอยู่ 8.6 แสนคน แต่ยังไม่ทราบว่าต้องใช้งบประมาณเพิ่มอีกเท่าใด รอผลการเจรจากับจีนก่อน
ทางด้านบริษัท Huawei ได้ประเมินว่า ต้นทุนของเครื่องตามสเปคที่รัฐบาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็น CPU Dual-Core, หน้าจอ Gorilla Glass, การออกแบบที่ทนทานที่รองรับการใช้งาน 1-2 ปี และอื่นๆ ต้นทุนของเครื่องน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาท แต่รัฐบาลตั้งงบไว้ที่ 2,400 บาทเท่านั้น ขณะที่แทบเล็ตที่ Huawei ทำตลาดไทยในปัจจุบันอยู่ที่ราคา 14,000 บาท สำหรับตลาดไฮเอ็นด์ แต่ก็มีสินค้าราคาราว 8,000 บาทที่ขายอยู่ในบางประเทศ ส่วนระยะเวลาการผลิตโดยปกติโรงงานของ Huawei ผลิตแทบเล็ตได้ 5,000-10,000 เครื่องภายใน 50 วัน โดยทางบริษัทแนะว่า ให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยการแจกแท็บเล็ตเป็นล๊อตๆ แทน
source: bangkokbiz
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ
บทความโดย: เฮียณัฐ TechXcite