เหล็กไหล อานุภาพ ความเชื่อและคาถาบูชา

เหล็กไหล อานุภาพ ความเชื่อและคาถาบูชา

เหล็กไหล อานุภาพ ความเชื่อและคาถาบูชา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหล็กไหล เชื่อกันว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งตามความเชื่อในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในประเทศมาเลเซียมีชื่อเรียกว่า บีอซีรีเละ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยชนิดที่เป็นทีความนิยมหามาสะสมกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดจะฝังตัวอยู่ในถ้ำ มีสีดำคล้ายนิล สามารถลนไฟให้ยืดออกได้ มีความเชื่อเพิ่มเติมกันอีกว่า การจะนำเอาเหล็กไหลไปใช้นั้นจะต้องใช้น้ำผึ้งชโลมก้อนเหล็กไหล จากนั้นใช้ไฟลนเพื่อให้เหล็กไหลยืดตัวออกมากินน้ำผึงพร้อมกับเล่นไฟไปด้วย ลนไฟเหล็กไฟลเอาไว้จนกระทั่งมีขนาดบางเท่าเส้นด้ายถึงจะตัดให้ขาดออกจากกันได้

เหล็กไหลเหล็กไหล

การเดินทางไปนำตัดเหล็กไหลออกมานั้น ว่าก็ว่าคนธรรมดาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีเทพเจ้า เจ้าป่าเจ้าเขา พญานาค หรือยักษ์คอยปกปักรักษาอยู่ และพร้อมจะเข้าทำร้านผู้ที่เข้าไปเอาได้ทุกเมื่อ หากคนผู้นั้นไม่ใช่คนดี มีบุญ หรือมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้ามากพอ อีกทั้ง ตัวเหล็กไหลก็มีฤทธิ์ขัดขืนคนที่จะเข้าไปตัดได้ด้วย จากเรื่องเล่าที่ว่า เคยมีคนเดินทางเข้าไปตัดเหล็กไหลโดยเอามือไปสัมผัสกับเหล็กไหลโดยตรง จากนั้นเกิดอาการคล้ายกับถูกฟ้าผ่า หรือถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดเข้า เป็นเรื่องที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าจริง หรือเท็จอย่างไร

อานุภาพของเหล็กไหล

ใครต่อใครต่างก็บอกว่าอานุภาพมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ส่วนใหญ่มักจะฝังเอาไว้ตามตัวผู้ที่ครอบครอง ไม่มีอะไรสามารถทำร้ายบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นมีด ปืน ระเบิด หรือแม้กระทั่งดินปืนทุกชนิดก็ไม่สามารถจถดติดได้ในบริเวณที่มีเหล็กไหลอยู่ อีกทั้งตามความเชื่อโบราณยังได้กล่าวอีกว่า เหล็กไหล สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระดับ ดังนี้

  • ระดับแรก เหล็กไหล มีลักษณะแวววาว ส่วนที่ถูกไฟลนสามารถยืดได้ นับว่าเป็นส่วนที่มีอิทธิฤทธิ์มากที่สุด อาทิ เหล็กไหลปีกแมลงทับหรือเหล็กไหลโกฐปี เหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลเพชรดำ เหล็กไหลท้องปลาไหล
  • ระดับสอง รังเหล็กไหล มีลักษณะแวววาวรองจากตัวเหล็กไหล ไม่สามารถลนไฟให้ยืดออกได้ เป็นส่วนที่ห่อหุ่มตัวเหล็กไหลเอาไว้ เป็นฐานรองเหล็กไหลที่แข็งและแน่นคอยยึดติดกับผนังถ้ำ อาทิ โคตรเหล็กไหล แร่เกาะล้าน แร่เม็ดมะขาม เหล็กไหลทรหด
  • ระดับสาม ขี้เหล็กไหล มีลักษณะคล้ายกับน้ำตาเทียน มีสีดำด้าน แข็ง แต่สามารถทุบให้แตกได้ง่าย เกิดจากการที่เหล็กไหลเคลื่อนผ่านทางนั้นแล้วเกิดเป็นขี้เหล็กไหล ไม่มีฤทธิ์ใดๆ

ในทางวิทยาศาสตร์อาจกล่าวได้ว่า เหล็กไหล คือ โลหะ หรือวัสดุอื่นใดที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุกกาบาตจากนอกโลก ซิลิเกตจากใต้โลก และวัตถุที่มนุษย์สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ เช่น ปรอท แกลเลียม โดยสามารถหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิห้อง หรืออาจะเป็นโลหะผสมอื่นๆ สีสันของเหล็กไหลมีลักษณะเป็นสีรุ้งเมื่อตกกระทบกับแสงแดด หรือแสงไฟ เกิดจากการแทรกสอดในฟิล์มบาง (Thin-Film Interference) ที่เป็นการแทรกสอดของแสงที่สะท้อนออกมาจากเนื้อวัตถุ

พิธีการตัดเหล็กไหล

เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้จะมีความแตกต่างกันไปตามบุรพาจารย์ผู้มีวิชาความรู้เป็นผู้กำหนดเฉพาะส่วนสำคัญในการตัดเหล็กไหล ผู้ที่สามารถทำพิธีตัดเหล็กไหลได้จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ประพฤติตนดี ผฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตใจที่ละโมบ ต้องมีการขออนุญาตจากเทพผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงค่อยทำพิธีตัดเอา มิฉะนั้นหากเราฝ่าฝืนด้วยกำลังหมายแย่งชิงเอาโดยพละการ มีความถือดีในพระเวทย์ ก็อาจทำให้มีเพทภัยถึงแก่ชีวิต หรือเกิดความขัดแย้งในหมู่คณะถึงขั้นที่ว่าวิบัติได้ด้วยฤทธิ์ของเทพผู้รักษาเหล็กไหลนั่นเอง

การบูชาเหล็กไหลด้วยคาถาอาคม

การบูชาเหล็กไหลโดยตามความเชื่อแล้วก็จะมีการบูชาด้วยการใช้คาถาอาคม ซึ่งเหล็กไหลจะมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่บูชามีความเชื่อ มีความเคารพศรัทธาต่อพลังธาตุกายสิทธิ์ และต่อครูบาอาจารย์ที่ได้ทำการถ่ายทอดพระคาถาอาคมนั้นๆ นับได้ว่าใครที่ได้ครอบครองเหล็กไหลถือเป็นความโชคดี เหนือสิ่งอื่นใด ความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเป็นผู้สร้างเอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสร้างให้ได้ แต่จะเป็นเครื่องช่วยนำทางให้พบแต่ความโชคดี แคล้วคลาด ปลอดภัย สิ่งที่สำคัญเราพึงระลึกอยู่เสมอว่า คนทุกคนล้วนแต่อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่ตั้ง ขอให้เราจงยอมรับกรรมนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือไม่ดีก็ตาม ให้มีสติอยู่เสมอจะได้ไม่เสียสมดุลของชีวิต

การบูชาธรรมธาตุเหล็กไหล ( ตั้ง นะโม 3 จบ )

“ พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ สะกะพะจะ บูชา จะ มหาบูชา
ท่านผู้ดูแลรักษา ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ อันทรงฤทธิ์อานุภาพนี้ 

อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี
สิ่งดี ๆ ทั้งหลาย หลั่งไหลเข้ามาสู่แก่ตัวข้าพเจ้า ชื่อ ......... นามสกุล .........

สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ นะมะอะอุ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ ”

ตอนกล่าวคาถา “ นะ มะ อะ อุ ” กำหนดจิตรับพลังเหล็กไหลเข้าไปที่ นะ (หน้าผาก) , มะ (หน้าอก) , อะ (แผ่นหลัง) และ อุ (หน้าท้อง ที่จุดสะดือ)

ประเภทของเหล็กไหล

เหล็กไหลนับว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเรารู้จักและมีไว้ครอบครองกันมาเป็นเวลานาน ใครจะรู้บ้างล่ะว่าความจริงแล้วเหล็กไหลนั้นไม่ได้มีแค่เพียงชนิดเดียว แต่ยังมีเหล็กประเภทอื่นๆ ที่แบ่งตามความศักดิ์และแหล่งที่มาอีกด้วย

  1. เหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลประเภทนี้นับว่าเป็นเหล็กไหลที่หายากมากที่สุดและมีพลานุภาพพร้อมอิทธิฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งมวล ตัดยาก หากว่าคนที่ตัดนั้นทำพิธีตัดไม่ดีก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมไปถึงการเก็บรักษาก็ทำได้ยากเช่นกัน โดยเหล็กไหลชนิดนี้จะไม่แข็งตัวไปตามธรรมชาติ มีสีเขียวแวววาวคล้ายกับปีกแมลงทับ อีกชื่อที่เรียกกัน คือ เหล็กไหลปีกแมลงทับ มีประกายรุ้งอยู่เหลื่อมๆ อีกทั้งสีของเหล็กไหลชนิดนี้ที่เราเห็นจะไม่อยู่นิ่ง สามารถเปลี่ยนสีไปเองได้เรื่อยๆ ต่อมาเรื่องของนำหนักยังไม่สามารถระบุได้ จุดแข็งตัวก็ยังระบุไม่ได้เช่นเดียวกัน
  2. เหล็กไหลเจ้าป่า เหล็กไหลประเภทนี้นั้นมีอานุภาพใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะคล้ายกับนิล เป็นเหล็กไหลอีกหนึ่งประเภทที่หายากและไม่แข็งตัวตามธรรมชาติ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พญาสมิงเหล็ก เชื่อกันว่าเหล็กไหลเจ้าป่านั้นจะมีเทพที่คอยคุ้มครองป่าเข้ามาคุ้มครองเหล็กไหลเจ้าป่านี้ด้วย
  3. เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลประเภทนี้เป็นเหล็กไหลที่มีความแตกต่างจากประเภทอื่นๆ คือ จะมีพลังงานของธาตุไฟในปริมาณที่สูงมาก มีสีแดงคล้ายกับเลือด เนื้อของเหล็กไหลนั้นจะออกสีใสๆ หากเมื่อไหร่ที่เหล็กไหลเพลิงนั้นมีพลังงานที่ลดลง หรือเหลือน้อย สีของเหล็กไหลก็จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ายกับอิฐมอญ แนะนำว่าไม่ควรเอามาฝังไว้ในร่างกาย เนื่องจากเป็นเหล็กไหลที่มีความร้อนสูงมาก ว่ากันว่าเหล็กไหลชนิดนี้มีการดูดเอาความร้อนมาจากลาวาที่อยู่ใต้พื้นโลก อีกทั้งยังดูดเอาพิษต่างๆ ของสัตว์เข้ามาอยู่ในตัวเองอีกด้วย นอกจากนั้นเหล็กไหลชนิดนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลประสานกาย
  4. เหล็กไหลเงินยวง เหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบา และมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมาก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลชีปะขาว พบได้มากในเขตประเทศเนปาล ธิเบต หรือประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตก สีของเหล็กไหลเงินยวงจะมีสีขาว มีลักษณะเป็นยวงคล้ายกับปรอท แวววาวดุจโลหะ เชื่อกันว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลเงินยวงมักจะเป็นชีปะขาว หรือคนธรรพ์ที่คอยดูแลรักษาเหล็กไหลชนิดนี้อยู่
  5. เหล็กไหลน้ำ เหล็กไหลประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนๆ สีดำแกมเขียวคล้ายกับสีนิล แต่ในบางพื้นที่อาจพบเหล็กไหลน้ำที่มีสีออกน้ำตาลอมแดง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลน้ำตา ซึ่งจะพบได้ในบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำ ใช้แม่เหล็กในการล่อให้เหล็กไหลออกมา แต่ก็นับว่าเป็นเหล็กไหลอีกหนึ่งชนิดที่ค่อนข้างหายาก ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้จักเหล็กไหลประเภทนี้สักเท่าไหร่ ในสมัยโบราณ เหล็กไหลน้ำนั้นจะถูกนำมาเคี่ยวด้วยคาถาอาคม จากนั้นก็จะนำมาหล่อเป็นวัตถุที่มีพลัง หรือหล่อเป็นพระพุทธรูป โดยมากจะพบเหล็กไหลน้ำได้มากที่สุดที่จังหวัดหนองคาย บริเวณภูเขาควายและถ้ำเพียงดิน เป็นเหล็กไหลที่มีวิญญาณของพญานาคคอยปกปักคุ้มครองอยู่
  6. เหล็กไหลเปียก เหล็กไหลชนิดนี้มีสีที่คล้ายคลึงกับเหล็กไหลเงินยวง แต่เหล็กไหลเปียกนี้สามารถเปลี่ยนสีได้
  7. โคตรเหล็กไหลงอก เหล็กไหลชนิดนี้สามารถแข็งตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความแตกต่างจากเหล็กไหลน้ำที่มีสภาพเป็นของเหลว สำหรับโคตรเหล็กไหลงอกนั้นเป็นเหล็กไหลชั้นรอง สามารถตัดได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้วิชาอาคมใดๆ ก็สามารถนำออกมาได้เลย แต่จะต้องมีการทำพิธีขอเจ้าที่ที่คอยดูแลคุ้มครองเหล็กไหลด้วย หากไม่ขอแล้วนำมาเลยอาจจะทำให้เกิดเพศภัย หรือเรื่องร้ายๆ ได้ บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิต
  8. โคตรเหล็กไหลทรหด เหล็กไหลชนิดนี้มีพลังและอานุภาพที่ใกล้เคียงกับโคตรเหล็กไหลงอก รวมถึงมีการงอกเช่นเดียวกัน แต่โคตรเหล็กไหลทรหดนั้นจะงอกออกมาเป็นก้อน ไม่ได้งอกออกมาเป็นลักษณะเหมือนกับหินงอกหินย้อย และเมื่อเหล็กไหลงอกแล้วขนาดของเหล็กไหลก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งโคตรเหล็กไหลทรหดนี้ยังเป็นแร่ที่มีความเย็น หรือแร่เย็น เหมาะอย่างมากที่จะนำมาช่วยในเรื่องการนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร เจริญสมถกรรมฐาน เนื่องจากว่าเหล็กไหลโคตรทรหดนี้จะช่วยทำให้รู้สึกสงบ สดชื่น ช่วยให้จิตของเรานิ่งสงบได้นานยิ่งขึ้น
  9. โคตรเหล็กไหลย้อย เหล็กไหลชนิดนี้มีขนาดที่ใหญามาก มีขนาดตั้งแต่เท่ากำปั้น ไปจึงเท่าโอ่ง สีของเหล็กไหลจะเป็นสีดำอมแดง สีน้ำเงิน สีรุ้ง มีลักษณะคล้ายกับเทียนที่ถูกลนด้วยไฟ และจะงอกออกมาได้เรื่อยๆ แต่จะงอกเป็นเม็ด หรือเหมือนกับหยดเทียน เชื่อกันว่าวิญญาณที่อยู่ภายในเหล็กไหลชนิดนี้เป็นคนธรรพ์ เจ้าป่า พวกลับแล ส่วนวิญญาณที่ประจุนั้นจะเป็นวิญญาณของพระฤๅษีที่บำเพ็ญภาวนาจนตบะนั้นแกร่งกล้ามาก โดยเหล็กไหลย้อยนี้พบได้มากที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
  10. เหล็กไหลหยด เหล็กไหลชนิดนี้ก็จะมีลักษณะเดียวกับชื่อเรียกค้ลายกับน้ำตาเทียนที่โดนไฟลนแล้วหยดลงมา แต่ขนาดไหม่ใหญ่เหมือนกับโคตรเหล็กไหลย่อย มีสีดำด้าน มีรูปพรุนๆ และกลวง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนุ่งว่า เหล็กหยด หรือเหล็กกลบ อีกทั้งเหล็กไหลชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของโคตรเหล็กไหล แหละไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเหล็กไหลน้ำหนึ่งด้วย ซึ่งเหล็กไหลหยดนั้นมีคุณภาพต่ำมาก มีขนาดหยดเท่ากับ 1 นิ้วชี้ หรืออาจมีได้หลายลักษณะ ที่เห็นได้คือมีคล้ายคลึงกับน้ำตาเทียน บ้างมีลักษณะกลม พบได้มากที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์เช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าในสมัยนี้คนรุ่นใหม่ๆ จะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพิธีกรรมการตัดเหล็กไหลเป็นอย่างไรและมีกรรมวิธีที่แน่นอนอย่างไรบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นความเชื่อของคนรุ่นก่อนๆ ที่เราควรจะฟังหูไว้หู ไม่ควรลบหลู่ ควรฟังโดยตัดสินให้อยู่บนหลักของเหตุผล ที่สำคัญไม่ว่าเราจะทำกิจสิ่งใดก็ตาม ควรปฏิบัติให้ดำรงอยู่บนความดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่กระทำให้ผู้อื่น หรือคนรอบข้างเดือดร้อน เท่านี้ภัยใดๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาทำอันตรายต่อเราได้อย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Wikipedia.org, Siamfishing.compakraw.blogspot.com, เหล็กไหล 7 สี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook