"หยอง ลูกหยี" ขนหัวลุก! ผีเพื่อนมาบอกลา - วิญญาณผีปอบ

"หยอง ลูกหยี" ขนหัวลุก! ผีเพื่อนมาบอกลา - วิญญาณผีปอบ

"หยอง ลูกหยี" ขนหัวลุก! ผีเพื่อนมาบอกลา - วิญญาณผีปอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากรายการ คนอวดผี ช่วงประสบการณ์ขนหัวลุกของ "หยอง ลูกหยี" กับ ผีหลอกที่บ้านร้าง , วิญญาณเพื่อนมาบอกลา , วิญญาณผีปอบ  คุณหยองเล่าว่า......คือผมเป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว อืมแล้วก็ ชีวิตมันเกิด เราเป็นเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดเนี่ย เราก็จะเห็นเรื่องความเชื่อของคนแก่คนเฒ่าที่เขาทำพิธีเกี่ยวกับดวงวิญญาณ เกี่ยวกับอะไรมาตลอด มันเป็นความเชื่อ คนบางคนบ้านนอกนอกจากจะบูชาพระยังบูชาผีอีกด้วย

"ผีหลอกที่บ้านร้าง" ตอนนั้นอยู่วงดนตรีของ ศรชัย เมฆวิเชียร ไปเดินสายแถวภาคใต้ พอดี พี่ยง ศรชัย แกเหมือนกล่องเสียงอักเสบ เหมือนร้องเพลงเยอะ ต้องเข้ากรุงเทพไปผ่าตัดต้องไปตรวจเช็คว่าจะผ่าตัดรึเปล่า ก็เลยต้องหยุดวง หยุดกลางทางครั้นจะกลับมาทั้งคณะคิวงานก็เหลืออีกเยอะ เลยหยุดกัน 5 วัน 

จึงไม่ไปพักโรงแรมเพราะมันแพง เราหลายชีวิต 60 - 70 ชีวิต ก็เลยบอกใครจะไปหาญาติก็ได้ คนที่เหลือก็จะเช่าบ้านตรงชานเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เขาเรียกหัวถนน แถวนั้นมันจะเป็นซอยเข้าไป แล้วก็มีบ้านคนบ้าง มีป่า เป็นทุ่งนา บ้านหลังนี้มันจะอยู่ลึกหลังสุดท้ายเลย

ไปถึงนอนวันแรกบรรยากาศ วังเวง น่ากลัว คือ เราเป็นคนขี้กลัว ชอบคิดอยู่แล้ว สักพักประมาณตีหนึ่ง ตีสอง มีเสียงผู้หญิง ที่เป็น หางเครื่อง แดนเซอร์ ที่นอนอยู่ชั้นบนในห้อง เขาหวีดร้องน่ากลัว พลังมาจากไหนไม่รู้ กระโดดถีบข้างฝา ปุ้งๆ ปังๆ ฝาพังเป็นแถบเลย

ผู้หญิงตัวเล็กๆ โวยวาย เราก็เปิดไฟแล้วก็ขึ้นไปดูกัน เป็นอะไรๆ ผู้หญิงก็ชี้หน้าพวกมึงมาจากไหนกัน พวกมึงมาอย่างนี้กันได้ยังไง มึงเคยบอกใครไหม มึงรู้ไหม บ้านมันมีคน มันมีคนอยู่ พวกมึงมา มึงเคยขอใคร ใครให้มึงมาอยู่ ก็โวยวาย ด่าๆๆๆ เราก็ขอโทษ ขอขมา แล้วก็น็อกสลบไป วันแรกก็ผ่านไป

วันที่สอง คนเดิมอีกแล้ว เป็นเสียงผู้ชายเลยคราวนี้ เสียงผู้ชายแก่ๆ โวยวายอีก แต่ไม่ได้ถีบไม่ได้อะไร ก็ขึ้นไปดู กูอยู่กับพวกมึงมาเนี้ย พวกมึงเคยทำให้มันถูกต้องไหม กูทำมาหากินมากับพวกมึงเนี่ย เหอะ พวกมึงทำไมทำกันแบบนี้ ทำไมไม่เห็นทำให้เป็นระบบระเบียบ ทำไมไม่ไหว้พระไหว้เจ้า ขอพร แผ่เมตตากันบ้าง อะไรต่ออะไร แบบว่าพวกเรา นี่เป็นลูก เป็นคนไทยกันรึเปล่า

พวกพ่อแม่มึงได้สั่งสอนกันมาไหม เคยทำบุญ เคยแผ่เมตตาไหม ปู่เป็นใครครับ คนในวงถาม คนแก่ผู้ชายตอบว่า กูอยู่กับพวกมึง กูอยู่หน้ารถกับพวกมึงตลอด ก็เลยรู้ว่าเป็นพ่อแก่ พ่อแก่มาเข้า ก็สอนกันอยู่นาน กูจะไม่มาให้พวกมึงเห็นนะ เขาจะเอาชีวิตพวกมึง กูขอเขาไว้นะ อย่างเงี้ย อย่างเงี้ย กูขอเขาไว้นะ กูเปรียบเปรยให้เขารู้ว่าบาปบุญคุณโทษคืออะไร พูดไม่นานพ่อแก่ก็ไป เราก็ประชุมกัน ไปซื้อธูปเทียน ไปหาดอกไม้กัน ไปตลาดสด ทำพิธีไหว้ ขอขมา ขออยู่ขออาศัย เพราะมันแค่วันที่สองเอง อีกสามวันจะไปอยู่ที่ไหนกัน 

ก็มาขอขมา ขอขมาเสร็จทุกอย่างเหมือนมันจะดีแล้ว เช้าๆ ตีห้าเลยน้องผู้หญิงคนเดิม โวยวายอะไรอีก  เราก็บอกทำทุกอย่างแล้วทำไมถึงเป็นอย่างงี้ ตอนั้นมันทั้งกลัว ทั้งขำ เขาบอกมันแย่มาก ไปขี้ตรงที่กูนอน ที่กูพักอาศัยอยู่ได้ยังไง ไปขี้ได้ไง ไม่มีมารยาท บอกโวยวาย ผมบอกไม่ไหวแล้ว อย่างนี้เราอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วชี้หน้าตรงเป๊ะเลยว่า อีเนี้ย! เราก็ถามว่าใครๆ ก็หากันหา  แล้วชี้ตรงเป๊ะ แล้วก็ อูย! กราบไหว้ขอโทษหนูกลั้นไม่อยู่ หนูไม่มี หนูเข้าห้องน้ำไม่ได้ พวกมึงไม่น่าจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับกูแล้ว เป็นคนแก่อีกคนนะ เป็นคนอีกคนที่เขานอนอยู่ข้างหลังกระต๊อบนั้น 

เขาบอกที่ของเขาอยู่ตรงนั้น ใต้ต้นขนุนใหญ่ตรงนั้นมันมีกระต๊อบอันนึงร้างๆ อยู่ทางต้นขนุนข้างหลังบ้าน ตอนแรกเราไม่ได้ไปสนใจหรอกกระต๊อบอันนั้น เพราะมันร้างไม่มีใครไปแถวนั้น มันร้างแล้วมันอยู่ห่างติดรั้วฝั่งโน้น ตื่นเช้ามาผมไม่ไหวแล้ว ไปหาดใหญ่ดีกว่าไปหาเพื่อนที่เป็นนักร้อง ไปกราบ แล้วก็เก็บเสื้อผ้าเดินออกมา ใครไม่ไปผมไปแล้ว ก็ไหว้เสร็จก็เดินออกมา เดินออกมาแล้วก็มายืน ในระหว่างรอรถ ก็มีคนถามเป็นไงบ้าง มีคนทัก เราอยู่มาสองสามวันแล้ว

เขาบอกว่าที่นี่ มันเป็นบ้านร้างมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่มันยังดูดีอยู่ ก็ให้คนมาอยู่ก็ได้ บางคนบางกลุ่ม ที่นี่เขาถูกฆ่าตายทั้งครอบครัว ตายบนบ้านสามคน แล้วมีคนแก่ตายหลังบ้านอีกคนนึง ตรงกระท่อมอ่ะ เหมือนโดนปาดคออะไรซักอย่างตรงต้นขนุน

"วิญญาณเพื่อนมาบอกลา" คือมีเพื่อนคนนึง เพื่อนรักคนนึง ในกลุ่มของเรามีเพื่อนห้าคน ก็จะมีคนหนึ่งชื่อ บุญธรรม ชื่อชัย ชื่อสำราญ ชื่อโล้น กับผม จะอยู่เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกัน เป็นนักร้องบ้าง ผมหัดเล่นตลก ส่วนคนชื่อธรรมกำลังจะทำเพลง กำลังจะอัดแผ่น กำลังท่องเพลง มีนายทุนเตรียมจะทำแล้วอะไรช่วงนั้น มีวันนึงเสร็จจากงาน เล่นเสร็จ ขึ้นรถกัน รถกำลังเลื่อนเบาๆ พวกเราก็วิ่งขึ้นๆรถบัสกัน

ผมขึ้น แล้วไอ้ธรรมคนสุดท้าย ต่อผมพอมันโดดขึ้นไปปุ๊บ ไอ้ธรรมกำลังโดดขึ้นไป เหมือนมีใครดึงมันเข้าไปใต้ท้องรถ เสียงเหยียบ ดังกร๊วบ! ผมโดดลงมา รถเหยียบอยู่บนหน้าอกธรรม ผมบอกเห้ย! อย่าทับ เห้ย อย่าทับ เขาก็ถอย ถอยเสร็จปุ๊บ ผมก็ลากไอ้ธรรมออกมา ก็ช่วยกันอุ้ม เอารถที่เป็นรถกระบะออกมา เอาขึ้นรถกระบะ ผมก็กอดเพื่อนอีกคนนึงก็ เห้ย เป็นไงๆ ขับไปมันก็ อือ อือ แต่ตรงนั้นมันเป็นดินทราย ตัวมันจะยุบลงไปหน่อย ตัวมันจะยุบลงไปในทรายหน่อย ไม่เป็นไร เพื่อนใจเย็น โรงพยาบาลก็ไกลมาก

แต่สักพักนึงผมดูมันสงบนิ่ง ผมรู้ว่าธรรมเนี่ยขาดใจแล้ว แต่ยังไงก็ต้องไปโรงพยาบาล ผมรู้มันขาดใจบนอกผม พอไปถึงหมอก็บอกว่า เสียชีวิตแล้ว ก็เสียใจกันมากก็เอาศพ ผู้ใหญ่ในวงก็จะมาทำเรื่องเอาศพออก เอาไปไว้วัด เขาบอกว่าพวกคุณไม่ต้องห่วงให้ไปทำงานกันต่อ เราก็เป็นห่วงเพื่อนอยากจะไป แต่ว่าทั้งนักร้องทั้งตลกทั้งอะไร ต้องไปเล่นตลก ไปทำงานกันต่อ

เขาหาไว้แล้ว เราต้องเล่นให้ดี เดี๋ยวปีหน้าเขาไม่จ้างเรา มันจำเป็น ไม่ต้องห่วง เดี๋ยววันเผาหยุดให้ จนวันที่สามวันเผา เขาก็หยุดให้จริงๆ ก็มาเผา มาพูดกับมัน แล้วก็กลับสำนักงาน วันนั้นก็พักที่สำนักงานจะเป็นสามชั้น ผมจะอยู่ชั้นที่สามกันเป็นที่ดาดฟ้า เวลาฝนไม่ตกเราจะมีเต้นท์กางแล้วก็นอนกันน้ำค้างหน่อย แล้วก็นอนคุยกัน เป็นประจำของเรา

คือมีไอ้ธรรมด้วยเป็นประจำตรงนี้ ผมก็ฝันนอนหลับเคลิ้มๆ ไอ้ธรรมมา ใส่เสื้อตัวนั้น กางเกงตัวนั้นวันที่ตายเลย มาหา ลุกๆๆ กินกล้วยแขกๆ เหมือนที่มีชีวิตมันเคยทำ ซื้อขนม ซื้อกล้วยแขก ซื้อบุหรี่ ซื้ออะไรมานั่งกินกัน มีห้าคน ก็ลุกขึ้นมานั่งกินกัน ในความฝัน แล้วมันหาย ไปไหนมาไอ้ห่าเอ้ย มึงไม่มาซักที กูรอมึงอยู่เนี่ย กูไม่มาแล้ว ไม่มาแล้ว มันพูดอย่างนี้ กูสบายแล้วนะ มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก กูไปสบายแล้ว ก็นั่งคุยกันสัพเพเหระ นั่งเหมือนนั่งกันสองสามคนอย่างนี้ พอเสร็จปุ๊บ กูต้องไปแล้วเพื่อน กูอยู่ไม่ได้แล้ว มันจะสว่างแล้ว

เห้ย เดี๋ยวกูไปส่ง มึงไม่ต้องไป มึงไม่ต้องไปหรอก มันก็เดิน เราก็เดินตามในความฝัน ตามไป มันเป็นภูเขา เป็นบันไดไปร้อยๆขั้น แล้วเห็นต้นไม้เป็นทิวข้างทางสวยเลย แล้วพระเดินลงมาเป็นพันๆองค์ ไอ้ธรรมบอก มึงกลับไป มึงกลับ มึงกลับ มึงกลับได้แล้ว มึงกลับได้แล้ว

เราก็เลยกลับ สะดุ้งตื่น พอสะดุ้งตื่นมองซ้ายมองขวาไม่มีใครเลย เหลือผมอยู่คนเดียว ผมก็วิ่งลงจากดาดฟ้า มานั่งก่อน เพื่อนสามคนนั้นลงมาก่อนแล้ว มึงลงทำไมมึงไม่ปลุกกู ไม่รู้ กูฝัน กูก็เลยลงมาก่อน กูฝันคนที่สองกูก็ลงมา กูฝันคนที่สามกูก็ลงมา แต่ผมคนที่สี่ ฝันในลักษณะคล้ายๆกัน มันบอกว่ามันสบายแล้ว

"วิญญาณผีปอบ" ที่บ้านผมมันไม่ใช่อีสานซะทีเดียว เขาจะเรียกอีสานภาคกลาง อำเภอชัยบาดาล จะติดกับ ชัยภูมิ ติดกับ เพชรบูรณ์ มันจะเป็นอำเภอ คล้ายๆอำเภอสุดท้ายของจังหวัดลพบุรี คือ ผีปอบ มันจะมากับผู้ที่เรียนของ เรียนวิชา และ เดรัชฉานวิชา ถ้าเป็นปอบงอย เขาเรียกงอยอยู่ในตัว แล้วไม่รู้ตัว ปอบมันจะเข้าสิงคนที่อ่อนแอ คนที่ป่วย กิน เขาเรียกเข้าไปกิน

มีน้าคนนึงอยู่บ้านตรงข้าม ไม่อยากพูดชื่อแก ลูกแกก็เป็นเพื่อนกับผม แกป่วยนอนติดฟูกมาเป็นเดือนแล้วแกเหมือนเป็นโรคผอมแห้ง ไม่มีแรง ไม่ลุก เหมือนเป็นคนป่วยลุกไม่ขึ้น ป้อนข้าวป้อนน้ำกันบนเตียงมานานแล้ว ลักษณะคล้ายอัมพฤกษ์ อัมพาต อะไรอย่างนี้ อยู่ๆ แกลุกขึ้นมาเดินโคลงเคลงๆ อาละวาด โวยวาย พูดนู่นพูดนี่ พูดแล้วไม่ใช่เสียงแก เหมือนไม่ใช่ตัวแก เจ้าบ้านก็มา ลูกเต้าก็มา ก็ไปตามพ่อมา ตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก ก็ไปตามพ่อ พ่อไปไหนผมก็ไป เขาก็บอกนี่ปอบเข้า ปอบเข้า เสร็จปุ๊บ ทำพิธีเอาด้ายผูกแขน มัดไว้ ก็ได้ยินเสียง กรีดร้อง ยอมแล้ว ไม่เอาแล้ว

พ่อก็ทำพิธีเอาว่านไพรตี ตีจิ้มตามตัว ผมเป็นเด็กผมก็เอาว่านจิ้มช่วยพ่อ เราเป็นลูกหมอ ลูกมือ ช่วยจิ้มไม้ เอาแหครอบไว้ ครอบตัวคนป่วยไว้ไม่ให้ออก ทำพิธีล็อค แล้วก็ไปตามหมอผี มาทำพิธี เขาก็ทำพิธีแล้วแต่ความเชื่อใคร บางทีมีมีดหมอ เผาไฟพ่น เอาตะเกียงไปตั้งไว้ข้างนอกสามดวง

คือตะเกียงที่ใส่น้ำมันก๊าซ ที่มีใส้ ลุกเป็นควันดำๆ ตั้งไว้ บอกมึงออกไป ออกไป แล้วเหยียบหมาทุกหลังคาเรือน เหมือนมีคนไปเป่าดับตะเกียงจนหมด จนกว่าจะหลุดออกจากหมู่บ้าน ตะเกียงมันดับ พรั่บๆ แล้วหมาก็ร้อง เอ๋งๆๆ เป็นคลื่นๆๆระยะๆ แบบในหนังเลย ต่อกันเป็นหลังๆ ประมาณบ้านห้าหกหลังคาเรือน จนหลุดออกจากหมู่บ้านไป หมาจะมาร้องพร้อมกันเป็นระยะๆ คือ วิธีปราบปอบเป็นอย่างนี้ ที่ไปเห็นมา ก็เลยเชื่อว่าปอบมีจริง ดวงวิญญาณมี เวทย์มนต์คุณไสยมีจริง

ข้อมูลและภาพประกอบจากรายการ คนอวดผี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook