รักไม่มีวันตาย!! นายแพทย์ผู้หลงรักหญิงคนไข้ที่เสียชีวิต

เรื่องราวของความรักที่ชวนสยอง ที่โลกต้องตะลึง! คือเรื่องของนายแพทย์ผู้หลงรักคนไข้หญิงที่เสียชีวิต เขาขุดเอาโครงกระดูกของเธอมาใช้ชีวิต ลับลอบอยู่กับศพแบบคู่รัก! ซึ่งประวัติ Carl Tanzler (คาร์ล แทนสเลอร์) เกิดเมื่อวันที่ 8 กพ 1877 ที่เมืองเดรสเดน เยอรมนี คาร์ล แทนซ์เลอร์ เป็นนักรังสีวิทยาประจำโรงพยาบาลนาวิกโยธิน ในเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา

รักข้างเดียวของแทนซเลอร์ เกิดขึ้นราวเดือนเมษายน ปี 1930 ขณะที่เขาทำงานในโรงพยาบาลทหารเรือในคีย์เวสต์ เขาได้พบกับสาวอเมริกันเชื้อสายคิวบานามว่า Maria Elena Milagro de Hoyos หรือ Helen ซึ่งแม่ของเธอพามาพบหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จนกระทั่งได้พบกับ ”เอเลนา โฮยอส” หญิงสาววัยรุ่นที่ นพ.แทนสเลอร์ กล่าวว่าเป็นรักแท้ของตน

เธอเข้ามาทำการรักษาวัณโรค ในช่วงปี 1920 ถึงราวๆปี 1950 ปลายๆ เป็นช่วงที่วัณโรคเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายและคร่าชีวิตคนจำนวนมากในอเมริกา จนถึงขนาดต้องตั้งโรงพยาบาลรักษาวัณโรคโดยเฉพาะ ในระหว่างทำการรักษา คาร์ล ได้นำเสื้อผ้า เพชรนิลจินดา ไปประเคนให้กับอีเลน่าเป็นประจำ และถึงกับเอ่ยปากขอแต่งงานกับเธอ แต่อีเลน่าไม่ได้ตอบรับ หลังจากนั้น เอเลน่า ก็เสียชีวิตในอีก 1 ปีต่อมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1931 ด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น

และคาร์ลนั้นก็เป็นธุระ จัดการจ่ายเงินค่าทำศพรวมถึงทำสุสานเก็บศพให้เฮเลนด้วย คาร์ล ออกแบบให้เลิศหรูอลังการและแถมยังแอบติดตั้งโทรศัพท์สายตรง เพื่อจะได้คุยกับเธอได้ทุกคืน ถ้าวันไหนเขาไม่สามารถไปหาเธอได้ คาร์ลใช้โทรศัพท์สายตรงโทรศัพท์พูดคุยกับอีเลน่าตั้งแต่ค่ำจนถึงรุ่งสาง ในที่สุดเขาก็แทบจะไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาล ทำให้เขาถูกเชิญออกจากงานในปี 1933

เมื่อไม่ต้องไปทำงาน คาร์ลก็มีเวลาอยู่กับคนรักมากขึ้น คาร์ลจึงแอบลักลอบเข้าไปในสุสานฝังศพของเอเลน่า ขุดหลุมและนำโลงศพขึ้นรถลากด้วยตนเอง แต่เมื่อรถลากพ้นเขตสุสานออกมา น้ำหนักที่แท้จริงของโลงก็แผลงฤทธิ์ทำให้รถลากหักโค่น โลงศพตกลงมากระแทกพื้นถนน แม้ปราศจากรถลากแต่คาร์ลก็ยังรวบรวมพละกำลังลากโลงศพมาตามถนนลำพัง เขานำร่างของอีเลน่าทอดลงบนเตียงนอน ซึ่งจากที่อีเลน่าเสียชีวิตนั้นล่วงเลยมาถึง 2 ปีประกอบกับแรงกระแทกเมื่อครู่ ทำให้ร่างของอีเลน่าหลุดออกเป็นชิ้น ๆ แต่คาร์ลก็ไม่ยอมแพ้ นำลวดมามัดกระดูกให้ต่อเข้าด้วยกัน ใช้ขี้ผึ้งและปูนขาวปะผุตามร่างกาย ผสมน้ำยาเคมีชะโลมร่างให้มีกลิ่นเหมือนเนื้อหนังมนุษย์ ซึ่งในความจริงเมื่อตายไป 2 ปีแล้ว ร่างกายก็เน่าหมดแล้วแต่ คาร์ล แทนซเลอร์ เขาใช้กรรมวิธีประกอบร่างดังนี้

-ประกอบกระดูกเข้าด้วยกรรมโดยใช้ลวดและไม้แขวนเสื้อ
-ลูกตาใช้แก้วตาปลอม
-หนังใช้ผ้าไหมชุบด้วยขี้ผึ้งให้เปียกโชกและปูนปลาสเตอร์ด้วย
-ส่วนผม ทำจากวิกซึ่งเขาได้ผมมาจากแม่ของเฮเลนที่เก็บไว้และมอบให้เขาหลังจากฝังเฮเลนในปี1931ได้ไม่นาน
-ส่วนช่วงท้อง และอก ใช้ผ้ายัดไว้ให้คงรูป

และจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ ถุงมือ ตามสมัยนิยม แล้วนำเธอนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ฉีดน้ำหอม ของน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นโชย แต่แล้วความก็แตกเมื่อปี 1940 เมื่อน้องสาวของเฮเลนได้ข่าวว่าแทนซเลอร์ อยู่กับศพพี่สาวตัวเอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจค้นและพบศพพี่สาวนอนอยู่บนเตียง และ แทนซเลอร์ ถูกจับในข้อหาทำลายหลุมศพและย้ายศพออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็ถูกปล่อยตัวไป

เนื่องจากหมดอายุความ ในตอนที่มีการพบศพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบท่อกระดาษในบริเวณช่องคลอดของศพเพื่อให้สามารถมีเพศสัมพันธ์กับศพได้ แต่การชันสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยและแพทย์ที่ชันสูตรศพของเฮเลนได้ออกมาพูดในปี 1972 เพราะคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ยังมีคำถามค้าคาว่าตกลงเขามีอะไรกับศพจริงหรือไม่?

หลังจากชันสูตรศพของ เฮเลน แล้ว มีการนำกลับไปฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้าย อย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นมาอีก ส่วนคาร์ลถูกจับและถูกส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาล แพทย์ลงความเห็นว่าเขาป่วยเป็นโรคจิต ส่วนร่างของอีเลน่าถูกนำไปตั้งแสดงให้สาธารณชนได้ชมใน สุสานดีน-โลเปซ ระยะหนึ่งก่อนที่จะนำไปฝังที่สุสานคีย์เวสต์อีกครั้งตามคำร้องขอของญาติ

ต่อมา คาร์ล ย้ายบ้านไปอยู่ที่เมืองปาสโค แต่ความรักอมตะของเขาก็ยังไม่หมดไป เขาสร้างหุ่นขึ้ผึ้งเท่าตัวจริงของอีเลน่าและอาศัยอยู่กินกับเธออย่างลับ ๆ เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมีคนไปพบเขานอนเสียชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของอีเลน่าภายในบ้านเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1952 รวมอายุได้ 75 ปี เรื่องราวของ คาร์ล แทนซ์เลอร์ อาจเป็นเรื่องสยองขวัญของคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับชาวเมืองคีเวส์ในยุคนั้น โดยเฉพาะบรรดาสุภาพสตรี กลับเห็นอกเห็นใจและยกย่องสิ่งที่ คาร์ล ได้กระทำลงไปเพื่อบูชาความรักที่เขามีต่อหญิงสาว