กรรมที่โดนยืมเงินแล้วโดนเบี้ยวเงินตลอด
หลายๆท่านคงเคยพบว่าตนเองเป็นผู้ที่มีเงินมีทรัพย์อยู่พอสมควร อีกทั้งเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางมีอะไรก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นเสมอ แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมอยู่เสมอคือ พอมีเงินทีไรก็มักจะมีคนมาขอความช่วยเหลือ เป็นประเภทที่ว่าให้ใครยืมแล้วมักจะไม่เคยได้คืน หรือถูกโกงถูกเอาเปรียบเรื่องเงินอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่เคยเอาเปรียบหรือคดโกงใครมีแต่ความปรารถนาดีให้คนอื่นเสมอ เหตุใดเราจึงต้องรับผลกรรมเช่นนั้น ลองมาพิจารณากัน
เหตุจากกรรมเก่า
การที่เราถูกโกงถูกเบี้ยวเรื่องเงินทองอยู่เสมอนั้น ก็เพราะในอดีตชาติหรือแม้ในชาติปัจจุบันเป็นประเภทที่ว่ายืมเงินเขาแล้วไม่ยอมคืนประเภทขอยืมแล้วขอลืมไปเลย เวลาใครมาทวง หรือพูดถึงก็ปฏิเสธพัลวันว่าไม่ได้ไปยืมมา ยิ่งไปสร้างกรรมทางใจหนักเข้าไปอีก หรือเวลาที่ทำบุญไปแล้วมักคิดเสียดายในภายหลังคือเจตนาภายหลังการให้ไม่บริสุทธิ์ หรือตั้งใจจะทำบุญแล้วเปลี่ยนใจไม่ยอมทำภายหลัง
อาจเป็นผู้ที่ชอบนินทาว่าร้ายคนที่ทำที่จะทำบุญ หรือผู้ทรงศีล ผู้ที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ให้กับส่วนรวมให้กับวัดโดยไม่มีมูลไม่มีเหตุ ตั้งใจว่าร้ายด้วยจิตที่เป็นอคติ และเคยอธิษฐานตั้งใจจะทำบุญใด ๆไว้แล้วไม่ยอมทำตามคำอธิษฐานนั้น ประเภทได้แล้วไม่ยอมทำตาม ซึ่งทำให้ไปก่อเจ้ากรรมนายเวรเพิ่ม ซึ่งคราวนี้เป็นดวงจิตวิญญาณชั้นสูง ที่มีอำนาจเหนือกว่า ท่านก็จะปิดทางเรื่องเงินเสีย อะไรที่มีท่านก็จะมาเอาคืนไป ทำให้เสียเงินอยู่ตลอดเวลา
หรือเคยไปสร้างกรรมหนักประเภทขโมยของวัด ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อะไรที่เขายังไม่อนุญาตก็นึกเองเออเอง หยิบฉวยเอาไป กรรมประเภทนี้มักจะเป็นเรื่องของวัตถุที่มีเจ้ากรรมนายเวรเป็นผู้สูญเสียที่มีจิตพยาบาท ต้องการของคืน ซึ่งทางแก้ในเรื่องนี้ไม่ยากนัก อยู่ที่เราเป็นตัวหลักหรือเป็นทายาทกรรม ที่มีชีวิต เรียนหนังสือมาได้โดยเงินคดโกงของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษไปโกงเขามา ยิ่งถ้าเงินนั้นเป็นเงินแผ่นดิน ลูกหลานที่มีชีวิตด้วยเงินนั้นจะได้รับติดต่อกันไปถึง 7 ชั้นหรือที่เรียกว่า “7 ชั่วโคตร” คนที่เป็นลูกหลานจะต้องเจอเจ้ากรรมนายเวร เขามาเอาเงินคืนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เรื่องของกรรมนั้นละเอียดอ่อนมาก เท่าที่ยกตัวอย่างมานั้นคงพอจะทำให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจได้
เหตุจากกรรมใหม่
กรรมที่ทำให้ถูกโกงถูกเบี้ยวอยู่เสมอหากมองในแง่ปัจจุบันก็คือ ตัวเราเองนั่นแหละ ที่มีส่วนทำให้ถูกโกงหรือสร้างโอกาสให้ตัวเองถูกโกงถูกเบี้ยวอยู่แล้ว เขาเรียกว่า พาตัวเองไปสู่ความเสี่ยง พาตัวเองให้ตกลงไปในทางเสื่อม เพราะส่วนหนึ่งอาจจะไปการคบหากับ ” คนพาล” หรือคนที่ไม่ค่อยจะมีนิสัยไม่ดีนักเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่มีวินัยในทางการเงิน ซึ่งคนไทยหรือคนจีนที่ทำการค้าเก่งๆ เขาจะให้โอกาสคนแค่ครั้งเดียว หากเป็นคนมีสัจจะรักษาคำพูด เขาจะช่วยเหลือกันไปจนกว่าจะตาย แต่ถ้าให้ยืมเงินแล้วไม่คืนแค่ครั้งเดียว ต่อให้มาตายตรงหน้าเขาก็ไม่ช่วยอีก
บางครั้งเราเองเป็นคนใจอ่อนหรืออาจะไม่ทันคน ทั้งๆ ที่ รู้นิสัย รู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่มายืมเงินของเรามาขอทรัพย์เราใช้นั้นเป็นคนเกียจคร้านไม่ทำมาหากินและไม่มีศีล แต่ก็ยังยอมให้เงินให้ทรัพย์เขาไป อย่างนี้ต้องโทษตัวเองไปโทษใครเขาไม่ได้ เงินอยู่ในกระเป๋าแท้ๆ ยังให้เขาไปอีก เคยโกงเงินคนอื่นมาก่อนโดยเฉพาะคนใกล้ตัว โกงญาติพี่น้องหรือถ้าเป็นคนทำงานก็เคยโกงค่าแรงลูกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมไม่จ่ายในสิ่งที่ควรจ่าย
ปล่อยให้คนอื่นต้องรอด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และยากลำบาก นอกจากนั้นโดยส่วนตัวเองแล้ว ยังเป็นคนที่ชอบหมกมุ่นมัวเมาอยู่ในอบายมุข ชอบเล่นการพนันเป็นนิจ การพนันนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อมทรัพย์ที่รุนแรง เพราะกฎของการพนันก็คือ เมื่อมีคนได้ย่อมมีคนเสีย คนที่เล่นการพนันอยู่เป็นประจำจึงเสมือนโกงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่อาศัยกฎการพนันที่เป็นกฎทางโลกตั้งขึ้นมาบังหน้าเอาไว้เท่านั้น
การแก้ไขในทางโลก
การที่เราจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ถูกยืมเงินแล้วเบี้ยวหรือถูกโกงอีก เราต้องรู้จัก “เลือกที่จะให้” คือใครที่เคยมาขอยืมของแล้วเอามาคืนก็พึงให้ยืมอีก แต่ถ้าใครมาขอยืมของแล้วไม่รักษาคำพูด ไม่ระมัดระวังเงินที่ให้ไป หรือเงินนั้นไปก่อให้เกิดความเสียหายกับชีวิตของเขาหรือคนอื่น หรือไม่ยอมนำมาคืน ก็อย่าพึงให้ยืมอีกเป็นอันขาด เป็นการป้องกันไว้ชั้นแรกรวมถึงเป็นการช่วยดัดนิสัยเขาทางอ้อมด้วย
โดยส่วนตัวเองนั้น ควรต้องละเลิกในการข้องเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นอบายมุขทั้งมวลแบบทันทีโดยเฉพาะเรื่องการพนัน ผู้ที่ชนะพนันเก่ง ๆ และได้เงินมากๆ นั้นเป็นเพราะเขา “โกงได้เก่ง” ทำได้แนบเนียนจนจับไม่ได้จึงไม่อาจเรียกได้ว่าโกงซึ่งผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรมพาให้เสื่อมได้ตลอดเวลา การคิดในทางที่ผิดที่อยากจะได้ของๆ คนอื่นเป็นเรื่องที่แย่มากในความเป็นคน ใครยังคิดแบบนี้โปรดเปลี่ยนวิธีคิดเสีย
หากมีภาระหนี้ เป็นรายจ่ายที่ต้องจ่ายให้กับผู้อื่น ควรพิจารณาในหลายๆ เรื่อง ต้องเอาเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนวุ่นวายอย่างแน่นอนถ้าไม่จ่าย หรือขอให้จ่ายคืนแก่คนที่เขากำลังเดือดร้อนมากเพราะการกระทำของเรา ควรให้ผู้นั้นไปก่อน สำหรับหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ใคร หากจ่ายคืนได้ไม่หมดในคราวเดียว ก็ขอให้ทยอยจ่ายและแสดงความตั้งใจที่จะจ่ายเงินอย่างจริงใจ ไม่หลบหนีนอกจากจะไม่โดนผูกอาฆาตแล้ว ยังจะได้รับการยอมรับนับถือในน้ำใจและการแสดงความรับผิดชอบอีกด้วย
การแก้ไขในทางธรรม
ให้สร้างกรรมดีโดยทำบุญทำทานด้วยการถวายสังฆทานอยู่เป็นประจำทุกเดือนหรือตามแต่กำลังทรัพย์ที่มี และที่สำคัญอย่าพึงเสียดายในทานที่ให้แก่บุคคลใดหรือกับใครก็ตาม หากมีคนมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินอีก ถ้าสามารถให้ยืมได้โดยที่ตนเองไม่เดือดร้อนแม้ว่าเขาจะคืนหรือไม่ก็ควรให้ไป โดยพึงระลึกเสียว่าเมื่อตั้งใจได้ให้เป็นทานไปแล้ว แม้จะได้คืนหรือไม่ก็ไม่ขอติดใจอะไร
ยกให้เป็นบุญเสีย เพราะหากไม่ได้คืนก็จะไม่เจ็บแค้น ผูกโกรธผูกอาฆาตกันต่อไปอีก และถือเป็นการชดใช้คืนแก่เจ้ากรรมนายเวรไป นอกจากนั้นให้ทำทานในลักษณะของการสละทรัพย์บริจาคในงานบุกุศล หรือบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยต่าง ๆ ตามแต่กำลังที่มีถือเป็นบุญใหญ่หรือบุญเพื่อการสาธารณะ การบริจาคโลงศพ เงินสงเคราะห์ต่างๆ
เคล็ดลับสำคัญ ให้อโหสิกรรมกับคนที่มาเบี้ยวเงินเสีย ให้คิดเสียว่าเราใช้หนี้เวรหนี้กรรมหมดไปแล้วในชาตินี้ อย่าไปสร้างกรรมอะไรต่อกันเลยหากอยากได้เงินคืนให้อุทิศบุญไปให้เขา และเทวดาประจำตัวเขา อธิษฐานจิตว่า ถ้าเรายังเป็นเจ้าหนี้ขอให้เขานำเงินมาชดใช้ จะได้สิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป ไม่ผูกพันกันอีก รักษาศีลให้ดีโดยเฉพาะศีลข้อที่ 2 ที่ต้องระวังเรื่องการเบียดเบียนทรัพย์ผู้อื่นในลักษณะการขอยืมแล้วไม่คืน การถือวิสาสะนำของไปใช้โดยไม่บอกกล่าว แม้จะเป็นคนที่คุ้นเคยหรือเป็นญาติพี่น้องพ่อแม่ก็ตามจะเอาสิ่งใดไปใช้ต้องขออนุญาตก่อนเสียทุกครั้ง
การหมั่นเจริญภาวนาอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตอยู่ให้บ่อยที่สุดโดยเฉพาะคนที่เบี้ยวหนี้คดโกงเรานั้น ขอให้ตั้งใจอธิษฐานบทอุทิศบุญให้เขาเป็นพิเศษเพื่อเป็นการคลายกรรมที่เคยผูกพันกันมาให้เป็นอิสระต่อจากกัน ซึ่งจะเป็นเหตุให้เราสามารถอภัยให้เขาได้ เมื่อให้อภัยได้ก็จะเกิดผลบุญที่เรียกว่า อโหสิกรรม คือกรรมที่เคยผูกพันให้เดือดร้อนนั้นจะไม่มีผลต่อกันอีกต่อไป