อิ่มบุญสุขใจทำบุญเสริมดวง "วันสงกรานต์" ปีใหม่ไทย
วันสงกรานต์ เป็นเทศกาลสำคัญของคนไทย คือ วันขึ้นปีใหม่ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต เพราะคนไทยโบราณยังมีความเชื่อที่ว่า "เริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีใหม่ ชีวิตก็จะราบรื่นมีความสุขไปตลอดปี"
วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือกันว่าเป็นระยะที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ตามปกติก็อยู่ในระหว่างวันที่ 10 ถึงวันที่ 18 เมษายน ของทุก ๆ ปี แต่เท่าที่ปฏิบัติมาแล้วการกำหนดวันสงกรานต์ ถือเอาวันที่ 13 เมษายน เป็นวันตั้งต้น ตามคติของพราหมณ์กล่าวว่า
"วันสงกรานต์ เป็นวันแห่เศียรท้าวกบิลพรหมของนางสงกรานต์ทั้ง 7 ซึ่งเป็นธิดาของทางกบิลพรหม ผู้แพ้การแก้ปัญหาต่อธรรมบาลกุมาร จนต้องถูกตัดเศียรของตนเป็นเครื่องบูชาธรรมบาลกุมาร การแห่เศียรนี้ต้องมีทุก ๆ ปี โดยธิดาทั้ง 7 ผลัดเปลี่ยนกันออกมาเป็นผู้ถือพานรองเศียรนั้น"
นอกจากตำนานเรื่องเล่าที่กล่าวไปแล้ว ในวันสงกรานต์ของทุกปี เราชาวไทยยังมีประเพณีที่เรียกว่ายืดถือและสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณนั่นคือ การทำบุญเสริมดวงในวันสงกรานต์ ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมดวงชะตาชีวิตให้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ จึงต้องตระเตรียมงานกันเป็นการใหญ่ จนมีคนที่พูดกันติดปากว่า "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่" สิ่งที่เตรียมกันนั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องกระทำกันเป็นพิเศษตามลำดับ ดังนี้
เครื่องนุ่งห่มเพื่อใส่ในโอกาสไปทำบุญที่วัด ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งร่างกายอย่างค่อนข้างจะพิถีพิถันเพื่อให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์ที่มีแต่รอยยิ้มและความสุข โดยจะเน้นสีสันสดใส ลวยลายความเป็นไทยหรือลายดอก
ของทำบุญ เมื่อใกล้จะถึงวันงานก็เตรียมของทำบุญเลี้ยงพระ และที่เป็นพิเศษของที่จะทำขนมพิเศษ 2 อย่างได้แก่ ข้าวเหนียวแดงในวันตรุษและขนมกวน หรือ กะละแมในวันสงกรานต์ นอกจากจะทำขึ้นเพื่อทำบุญแล้ว ยังแลกเปลี่ยนแจกกันในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อแสดงอัธยาศัยไมตรีในวันสำคัญอย่างวันปีใหม่อีกด้วย
การทำความสะอาดบ้านเรือนที่อาศัยตลอดจนบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ดูเรียบร้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บูชาพระและที่เก็บอัฐิบรรพบุรุษ แม้เสื้อผ้าที่ใช้สอยก็ต้องซักฟอก ให้สะอาดหมดจดโดยถือว่า กำจัดสิ่งสกปรกให้สิ้นไปพร้อมกับปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ ด้วยความบริสุทธ์ผุดผ่อง
สถานที่ทำบุญ วัดเป็นสถานที่ทำบุญสวดมนต์เลี้ยงพระ และทำต่อเนื่องกันหลายวัน นอกจากจะทำความสะอาดกุฏิที่อาศัยแล้ว ยังต้องทำความสะอาดหอสวดมนต์ โบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ ตลอดจนลานวัด เพราะต้องใช้ทำกิจกรรมหลายอย่าง ได้แก่ การทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ ก่อพระเจดีย์ทราย และงานรื่นเริงต่าง ๆ ด้วย
ไหว้พระขอพร 9 วัด เสริมดวงในทุก ๆ ด้าน
• วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) มีคติว่า "แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา" หรือ "เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย"
• วัดกัลยาณมิตร มีคติว่า "เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี"
• วัดชนะสงคราม มีคติว่า "มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง"
• วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) มีคติว่า "ร่มเย็นเป็นสุข"
• วัดระฆังโฆสิตาราม มีคติว่า "มีคนนิยมชมชื่น ชื่อเสียงโด่งดัง"
• วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร มีคติว่า "มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป"
• วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) มีคติว่า "ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน"
• วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร มีคติว่า "พบแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิต"
• วัดสระเกศ มีคติว่า "เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล"
นอกจากนี้ถือกันว่าในระหว่างวันสงกรานต์ ซึ่งอย่างน้อย 3 วัน และอย่างมาก 5 - 7 วันนั้น นับเป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปี ชาวบ้านส่วนมากหยุดทำการงาน และหยุดการทำบาปตลอดจนการใช้แรงงานสัตว์ ต่างพากันออกหาความเพลิดเพลินด้วยการละเล่นรื่นเริงต่าง ๆ ตามประเพณีที่มีอยู่เป็นท้องถิ่นที่ได้ไปเยี่ยมเยือนหรือท่องเที่ยวนั่นเอง