“อ.นิติกฤตย์” นำบวงสรวง “พระองค์ดำ” มหัศจรรย์ฟ้าเปิดสยบฝน เล่นเอาอึ้งสาธุกันทั้งงาน

“อ.นิติกฤตย์” นำบวงสรวง “พระองค์ดำ” มหัศจรรย์ฟ้าเปิดสยบฝน เล่นเอาอึ้งสาธุกันทั้งงาน

“อ.นิติกฤตย์” นำบวงสรวง “พระองค์ดำ” มหัศจรรย์ฟ้าเปิดสยบฝน เล่นเอาอึ้งสาธุกันทั้งงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อลังการ “อ.นิติกฤตย์” นำบวงสรวง “พระองค์ดำ” เนื่องในวันครบรอบวันสวรรคต ณ วัดวรเชษฐ์ (วรเชต) วัดที่ถูกลืม ประชาชนแห่ร่วมงานคับคั่ง มหัศจรรย์ฟ้าครึ้มมืดดำ พายุเข้าแต่ฝนไม่ตก เล่นเอาอึ้งสาธุกันทั้งงาน


ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับพิธีบวงสรวงเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ วัดวรเชษฐ์ (วรเชต) นอกเกาะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งว่ากันว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมลบจากหน้าประวัติศาสตร์

โดยในปีนี้ พระอธิการสถิตย์อาภากโร เจ้าอาวาส ร่วมกับ “อ.นิติกฤตย์ กิตติศรีวรนันท์” ผู้คิดค้นศาสตร์พลังตัวเลขคนแรกของประเทศไทย จัดงานน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ วัดวรเชษฐ์ (วรเชต) จ.พระนครศรีอยุธยา



บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยประชาชนที่มาร่วมงานกันอย่างมากมาย ทุกคนต่างสวมชุดขาวหรือชุดไทยมาร่วมพิธี โดยในครั้งนี้ได้มีการรำถวายและการแสดงต่อสู้ นอกจากนั้นก็ยังจัดตั้งกองทาน 5 กอง พิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์, สวดธรรมจักร, ปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน, ถวายอาหารเพล และบังสุกุลเสริมดวงชะตาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมงาน และปิดท้ายด้วยการกรวดน้ำ โดยบทกรวดน้ำจากพญายม

ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า ก่อนหน้าวันจัดงาน อยุธยาและทั่วทั้งประเทศฝนตกหนักเพราะพายุเข้า แต่ในวันทำพิธีบวงสรวงท้องฟ้ามืดครึ้มกลับสดใสและไม่มีฝนแต่อย่างใด สร้างความอัศจรรย์กับผู้ที่มาร่วมงานและต่างกล่าวสาธุกันถ้วนหน้า โดย อ.นิติกฤตย์ ได้กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า...

“วัตถุประสงค์ของการจัดงานบวงสรวงครั้งนี้ ก็เพื่อระลึกถึงพระมหากษัตริย์ วีรบุรุษที่กอบกู้ชาติ ถ้าไม่มีท่าน เราก็ไม่มีวันนี้ เป็นการแสดงถึงการกตัญญูกตเวที เป็นการรำลึกถึงท่าน อีกเรื่องก็จะเป็นเรื่องของการที่เราจะมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กลับมาเป็นวิถีไทย เพราะผมก็มีความคิดว่าจะเอาอาหารไทย ขนมไทยกลับมา เอาวัฒนธรรมกลับมา ทั้งการแต่งกาย ทั้งความรู้สึก ทั้งจิตวิญญาณมันมาด้วยกันหมด คนไทยต้องรักความเป็นไทย งานบวงสรวงก็เป็นงานหนึ่งที่ทำได้ และยิ่งเป็นการทำให้กับบรรพบุรุษด้วยยิ่งสมเหตุสมผล คนที่มาแล้วเขาจะรู้สึกเองว่ามีพลัง กลับไปค้าขายเขาจะรู้สึกเองว่าชีวิตจะดีขึ้น”

“มีน้องคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้วเขาเดินไม่ได้เพราะอุบัติเหตุ เขาก็บอกว่าปีนี้เขาอยากไปด้วยนะ เพราะหลังจากบวงสรวงเมื่อปีที่แล้ว เขามีงานเข้ามาหลายทาง มีธุรกิจ มีโอกาส มีรายได้เยอะขึ้น เขาเชื่อว่าเป็นเพราะงานนี้ เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลับจากงานนี้ทันทีเลย และชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเลย และถ้าจะมาต้องมาด้วยจิตวิญญาณที่มีความคิดเป็นส่วนรวมด้วย ไม่ใช่ว่ามาแล้วคิดแต่จะกอบโกยอย่างเดียว เพราะตอนจบยังไงแล้ว เราต้องนำบุญกลับไปให้แผ่นดิน ความดีความร่มเย็นที่เราได้มาในชีวิต เราขอแบ่งคืนให้กับแผ่นดินนี้ได้สงบสุข ถึงท่านจะจากไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าท่านก็ยังปกปักรักษาประเทศไทย”

เผยถึงที่มาที่ไปบทกรวดน้ำจากพญายม ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำบุญครั้งนี้ว่า เป็นสิ่งสำคัญ

...การกรวดน้ำคือขั้นตอนสุดท้ายของการทำบุญ บางคนกรวดน้ำไม่เป็น ไม่รู้จะกรวดอย่างไร ในการทำบุญครั้งนี้ ผมเลยนำกรวดน้ำ ซึ่งเป็นบทกรวดน้ำจากพญายม ซึ่งบทกรวดน้ำนี้ได้มาจากอาม่าคนหนึ่งเมื่อ 60 ปีที่แล้ว อาม่าตายไปแล้ว 7 วัน และฟื้นขึ้นมาขณะลูกหลานจัดงานศพ และเล่าว่าได้ไปพบเจอพญายม เขาจับวิญญาณผิด แต่ท่านบอกว่าไหนๆ ก็มาถึงนรกแล้ว ก็ขอให้ได้รับรู้ ท่านก็พาทัวร์นรก อาม่าก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมาย

...แกก็ท่องนรกไปเรื่อย มีเหตุการณ์หลายอย่าง และก่อนจะกลับท่านก็สอนให้อาม่าคนนี้สวดมนต์ แต่คนแก่คนจีนพูดไทยก็ไม่ชัด ท่านก็ให้บทกรวดน้ำมาบทหนึ่ง ท่านก็ท่องให้ฟัง บทกรวดน้ำนี้ก็จะเป็นคำกลอน พออาม่าได้ฟังด้วยความที่มันยาวมาก อาม่าแกก็บอกยมบาลว่ามันยาวมากจำไม่ได้ ท่านบอกว่าพอขึ้นไปจะจำได้ทุกเรื่อง พอหลังจากแกฟื้นขึ้นมาที่งานศพ แกก็เคาะฝาโลง พอเปิดมาแกก็ฟื้นจริงๆ แล้วแกก็เล่าในสิ่งที่แกเจอ จึงเป็นที่มาของบทกรวดน้ำนี้

 

คลิกอ่านเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook