เรื่องเล่า “น้ำตาล ชลิตา” กับเหตุการณ์ลี้ลับสุดสะพรึงในกองถ่าย

เรื่องเล่า “น้ำตาล ชลิตา” กับเหตุการณ์ลี้ลับสุดสะพรึงในกองถ่าย

เรื่องเล่า “น้ำตาล ชลิตา” กับเหตุการณ์ลี้ลับสุดสะพรึงในกองถ่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสแรง จนเกิดการติดแฮชแท็ก #กระสือยูนิเวิร์ส #กระสือมีมง ไปทั่วโซเชียล สำหรับการกระโดดมาลงจอแก้วครั้งแรก ของ “น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์” ในละคร สาปกระสือ ทางช่อง 8  กับบทบาทกระสือสาว นลิน และ เจ้าหญิงสาวิตราณี ซึ่งสาวน้ำตาลต้องเล่นควบทั้งพาร์ทพีเรียดและปัจจุบัน ตลอดการถ่ายทำกว่า 6 เดือน น้ำตาลเผยว่า ตัวเธอเองและทีมงานในกองได้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดและเรื่องราวมากมายในกอง 

ซึ่งก็หาข้อพิสูจน์หรือเหตุผลไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภาพชวนหลอน ที่ถ่ายติดเงาปริศนาคนใส่ชฎา ระหว่างกำลังถ่ายทำฉากใหญ่ของเรื่อง เป็นฉากการรำถวายตัวของสาวิตราณีกับเจ้าเมืองอนัตราช ซึ่งแสดงโดย ตั๊ก นภัสกร มิตรธีรโรจน

น้ำตาลเล่าว่าฉากนี้ ผู้จัด เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น เลือกโลเกชั่นเป็นที่ ปราสาทเมืองสิงห์  จ.กาญจนบุรี  และตั้งใจจะถ่ายทำฉากรำถวายตัวนี้ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง แต่ก็ปรากฏว่า เกิดฝนตกหนักตลอด 3 วันทุกครั้ง ที่จะตัดสินใจถ่ายฉากนี้  จนมีชาวบ้านละแวกนั้น แนะนำให้ทำพิธีไหว้ และ ถวายไข่  ซึ่งพอทำตามพิธีดังกล่าว ฝนก็หยุดตกจริงๆ 

แล้วน้ำตาลก็ได้ถ่ายทำ ร่ายรำไปตามบท  ระหว่างรำนั้น สาวน้ำตาลยังเผยอีกว่า รู้สึกว่าตัวเองคือสาวิตราณีจริงๆ รำไป ก็ขนลุกไป หลังจากนั้นไม่นาน ทีมงานก็ส่งรูปรำมาให้ดู เพราะมีหลายคนลงความเห็นว่า มีภาพปริศนา คล้ายคนใส่ชฎายืนอยู่ด้านหลัง ตอนเห็นขนลุกมาก เราไม่รู้ว่านั่นคือภาพอะไร แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการแต่งภาพ หรือสร้างกระแสใดๆ แน่นอน 

ก็ต้องแล้วแต่มุมมองและวิจารณญาณของผู้ที่เห็นภาพแต่ละคน  ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ดีกว่าค่ะ  ส่วนอีกเหตุการณ์นึง คือฉากที่น้ำตาลต้องถอดหัวเป็นกระสือครั้งแรก เราต้องนอนกับพื้น และตั้งกล้องถ่ายเจาะหน้ามุมสูง น้ำตาลก็แอบคิดว่ากลัวกล้องจะตกลงมา  และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เหล็กที่ขาตั้งกล้องหลุดและร่วงกระแทกลงฉียดหน้าน้ำตาลไปนิดเดียวพอดี

ซึ่งจังหวะนั้นน้ำตาลก็ไม่รู้อะไรดลใจรึเปล่า แต่เราหันหน้าไปอีกทางพอดี ก็ถือว่าเป็นความโชคดีมาก ไม่งั้นได้เลือดแน่นอน  แต่ก่อนจะถ่ายทำต่อ น้ำตาลกับทีมงานก็ไหว้ขอพร ขอขมา หากทำอะไรผิดไป เพื่อความสบายใจ และตลอดการถ่ายทำก็ผ่านพ้นไปได้ดีค่ะ  ส่วนตัวเวลาไปไหนมาไหน จะสวดมนต์ตลอด เพื่อให้สติกับตัวเองและขอให้พระท่านคุ้มครอง 

เรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับ "กระสือ"

เป็นชื่อผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิงและชอบกินของโสโครก คู่กับ "กระหัง" ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชาย เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินกลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ

ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทรา ไว้ที่ใต้ถุนเรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้

นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบรับประทานของโสโครก เช่น อุจจาระ เป็นต้น เมื่อรับประทานแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายเด็ดขาด และจะต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป

ลักษณะของกระสือ

กระสือในรูปแบบที่รับรู้กันในยุคปัจจุบัน คือ เป็นผีผู้หญิงแก่ที่ล่องลอยไปพร้อมกับหัวและไส้และอวัยวะส่วนอื่น เช่น หัวใจ , ปอด และเรืองแสงได้เรือง ๆ แต่ทว่าตามนิยามของ เสฐียรโกเศศ แล้ว กระสือเป็นเพียงผีผู้หญิงแก่ที่มีเพียงหัวกับไส้ที่ส่องแสงเรือง ๆ โดยที่ไม่มีอวัยวะส่วนอื่นใด ซึ่งที่มาของกระสือที่มีหัวกับไส้และอวัยวะส่วนอื่น ๆ แบบที่คุ้นเคยกันนั้น มาจากภาพวาดของ ทวี วิษณุกร ที่แต่งเติมเอาจากจินตนาการในใบปิดภาพยนตร์เรื่อง "กระสือสาว" ที่ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2516 นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์

สามารถติดตามละคร “สาปกระสือ” ช่อง 8 ออกอากาศทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี  เวลา 18.45 น. 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook