แนะนำ 3 จุดท่องเที่ยวเรียกพลังเอาใจสายมู พร้อมวิวสุดสวยในจังหวัดชิกะ

แนะนำ 3 จุดท่องเที่ยวเรียกพลังเอาใจสายมู พร้อมวิวสุดสวยในจังหวัดชิกะ

แนะนำ 3 จุดท่องเที่ยวเรียกพลังเอาใจสายมู พร้อมวิวสุดสวยในจังหวัดชิกะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คราวนี้เราอยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแนว Power Spot ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าสามารถช่วยนำพาโชคดี พร้อมเสริมพลังและกำลังใจให้กับชีวิตมาฝากเพื่อน ๆ สายมู โดยเราจะขอนำเสนอ Power Spot ที่มาพร้อมวิวสวยสุดอลังการในจังหวัดชิกะอันเงียบสงบมาฝากกันนะคะ

ศาลเจ้าชิราฮิเงะ

ศาลเจ้าชิราฮิเงะแห่งนี้เป็นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกของชาติ มีอายุราว 2,000 ปี ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า “ชิราฮิเงะ” มีความหมายว่า “หนวดขาว” ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของการเป็นที่พำนักของเทพเจ้าแห่งการมีอายุยืนยาวนั่นเอง และว่ากันว่าเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยนำพาโชคดีมาให้ในทุก ๆ เรื่อง ทั้งด้านความสัมพันธ์, การขอบุตร, เรียกโชคลาภ, ความสำเร็จทางการศึกษา, เดินทางปลอดภัย, ขับขี่ปลอดภัย เป็นต้น

นอกจากความเชื่อด้านการนำพาโชคดีมาให้แล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยทัศนียภาพอันงดงามของเสาโทริอิสีแดงซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในทะเลสาบบิวะ ภาพของเสาโทริอิกลางทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นเกาะโอกิชิมะ และเหล่าเรือหาปลาที่แล่นไปมาอยู่ท่ามกลางทะเลสาบเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด ทำให้ในช่วงเวลาปกติมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่แวะมายังศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อเก็บภาพความงามดังกล่าว ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “อิคุทสึชิมะแห่งชิกะ” เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับเสาโทริอิของศาลเจ้าอิคุทสึชิมะอันโด่งดังในจังหวัดฮิโรชิมะนั่นเอง โดยในวันขึ้นปีใหม่แต่ละปี เสาโทริอิแห่งนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คนรักการถ่ายภาพที่จะมารอเก็บภาพแสงแรกของปีกันที่นี่

 

ดอกไม้น้ำแห่งจิโซวกาวะ

 

ปีนี้ถือเป็นปีแห่งความยากลำบากของใครหลายคน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ไม่ว่าจะได้รับผลกระทบมาก หรือน้อย แต่ทุกคนล้วนต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวันที่แทบจะรับมือไม่ทันกันทั้งนั้น แน่นอนว่าหลายคนที่ต้องประสบปัญหาอย่างหนักอาจรู้สึกเครียด และต้องการที่พึ่งทางใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นกำลังใจในการผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ คราวนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแนว Power Spot ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าสามารถช่วยนำพาโชคดี พร้อมเสริมพลังและกำลังใจให้กับชีวิตมาฝากเพื่อน ๆ สายมู โดยเราจะขอนำเสนอ Power Spot ที่มาพร้อมวิวสวยสุดอลังการในจังหวัดชิกะอันเงียบสงบมาฝากกันนะคะ

ศาลเจ้าชิราฮิเงะ

ศาลเจ้าชิราฮิเงะแห่งนี้เป็นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกของชาติ มีอายุราว 2,000 ปี ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า “ชิราฮิเงะ” มีความหมายว่า “หนวดขาว” ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของการเป็นที่พำนักของเทพเจ้าแห่งการมีอายุยืนยาวนั่นเอง และว่ากันว่าเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยนำพาโชคดีมาให้ในทุก ๆ เรื่อง ทั้งด้านความสัมพันธ์, การขอบุตร, เรียกโชคลาภ, ความสำเร็จทางการศึกษา, เดินทางปลอดภัย, ขับขี่ปลอดภัย เป็นต้น

นอกจากความเชื่อด้านการนำพาโชคดีมาให้แล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยทัศนียภาพอันงดงามของเสาโทริอิสีแดงซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในทะเลสาบบิวะ ภาพของเสาโทริอิกลางทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นเกาะโอกิชิมะ และเหล่าเรือหาปลาที่แล่นไปมาอยู่ท่ามกลางทะเลสาบเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด ทำให้ในช่วงเวลาปกติมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่แวะมายังศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อเก็บภาพความงามดังกล่าว ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “อิคุทสึชิมะแห่งชิกะ” เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับเสาโทริอิของศาลเจ้าอิคุทสึชิมะอันโด่งดังในจังหวัดฮิโรชิมะนั่นเอง โดยในวันขึ้นปีใหม่แต่ละปี เสาโทริอิแห่งนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คนรักการถ่ายภาพที่จะมารอเก็บภาพแสงแรกของปีกันที่นี่

ดอกไม้น้ำแห่งจิโซวกาวะ

แม่น้ำจิโซวกาวะตั้งอยู่ในเขตซาเมไก เมืองไมบาระ จังหวัดชิกะ ในช่วงระหว่างกลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่ดอกไม้น้ำที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “ไบกาโมะ” บานสะพรั่งสวยงาม แม่น้ำจิโซวกาวะแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความใสสะอาดจนได้รับเลือกให้ติดโผ 100 แม่น้ำชื่อดังแห่งยุคเฮเซจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดปีของแม่น้ำแห่งนี้อยู่ที่ 14°C เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของดอกไม้น้ำที่ชอบอยู่ในน้ำเย็น สะอาด และมีกระแสน้ำไหลตลอดเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีปลาน้ำจืดชนิดต่าง ๆ และปลาหายากบางชนิดอาศัยอยู่อีกด้วย

ที่แม่น้ำแห่งนี้มีสะพานที่มีชื่อว่า “สะพานแห่งการอธิษฐาน” ว่ากันว่าเพียงแค่เดินข้ามสะพานแห่งนี้ พร้อมกับขอพร 1 ข้อ คำอธิษฐานก็จะเป็นไปตามหวัง ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มสาว ๆ คนญี่ปุ่น แต่ว่าจุดชมดอกไม้น้ำดังกล่าวนั้นอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่ จึงอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวอย่าลืมคำนึงถึงมารยาทในการเที่ยวชมกันด้วยนะคะ

ศาลาอุกิมิโด วัดมังเก็ตสึ

ศาลาอุกิมิโด เป็นศาลากลางน้ำที่ตั้งอยู่เหนือทะเลสาบบิวะ เป็นส่วนหนึ่งของวัดมังเก็ตสึ ศาลาแห่งนี้ทำหน้าที่ในการปกปักรักษาทะเลสาบบิวะแห่งนี้และช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่าง ๆ มายาวนานกว่า 1,000 ปี ว่ากันว่าในสมัยเฮอันมีพระนักบวชมองเห็นทะเลสาบบิวะส่องแสงในยามค่ำคืน จึงเกิดความสงสัย และเมื่อลองหว่านแหลงไปก็พบพระพุทธรูปของพระอมิตาภะ จึงได้ให้สร้างศาลาอุกิมิโดแห่งนี้ไว้ที่ทะเลสาบบิวะ พร้อมกับให้สร้างพระพุทธรูปไว้อีก 1,000 รูปไว้เพื่อสักการะด้วย

ด้วยความสวยงามของตัวศาลาและความสวยงามของทัศนียภาพ ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามเป็น 8 สุดยอดวิวทิวทัศน์ของจังหวัดชิกะ ที่ศาลาอุกิมิโดแห่งนี้สามารถมองออกไปเห็นวิวอันสวยงามของทะเลสาบบิวะ มองเห็นทะเลสาบข้ามแม่น้ำบิวะ ภูเขามิคามิ โดยทะเลสาบบิวะที่มองเห็นจากศาลาอุกิมิโดแห่งนี้มีคลื่นลมที่สงบ เมื่อได้มองดูทะเลสาบบิวะจากที่นี่ จึงช่วยทำให้จิตใจสงบตามไปด้วย ถือเป็น Power Spot ที่ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายและสงบตามไปด้วย

เป็นยังไงบ้างคะสำหรับ 3 จุดท่องเที่ยว Power Spot เอาใจสายมู ประจำหวัดชิกะที่เรานำมาแนะนำกัน ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า Power Spot จะช่วยเติมพลังชีวิตให้ ในช่วงที่รู้สึกว่าสภาพจิตใจของตัวเองอ่อนแอ และยังช่วยนำพาโชคดีมาให้ได้นะคะ ใครที่รู้สึกว่ากำลังต้องการกำลังใจ ไปพร้อมกับอยากผ่อนคลายความเครียดต่าง ๆในชีวิตประจำวันด้วยการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์สวย ๆ แนะนำเลยว่า ไม่ควรพลาดไปตามรอยสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 3 แห่งที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้นะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook