อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 4 บ้านของเรา
เรื่องราวที่จะเล่าต่อจากนี้ เป็นเรื่องราวของคุณเนยครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอพึ่งจะแต่งงานกับคุณพอลได้ไม่นาน และต้องสูญเสียคุณแม่ที่เป็นที่รักไปหลังจากแต่งงานได้เพียงแค่ 5 เดือนครับ
คุณพอลที่เป็นสามีของคุณเนยนั้นเป็นชาวต่างชาติที่ตัดสินใจเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย และทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในฐานะของหัวหน้าผู้จัดการ ซึ่งค่อนข้างมีฐานะ คุณเนยเจอกับคุณพอลในตอนที่บริษัทของเธอได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับทางบริษัทของคุณพอลครับ หลังจากรู้จักกันได้ประมาณ 4 ปี ทั้งสองก็ตัดสินใจแต่งงานกันและเตรียมจะขยับขยาย หาบ้านใหม่เพื่อที่จะสร้างครอบครัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่นานหลังจากแต่งงาน แม่ของคุณเนยก็เสียชีวิตลงด้วยวัยชรา และได้ทิ้งมรดกบ้านเก่าแก่ของฝั่งทางตระกูลฝ่ายแม่เอาไว้ให้กับคุณเนย หลังจากเสร็จสิ้นงานศพแล้ว คุณเนยก็ชวนสามีของตัวเอง กลับไปที่บ้านซึ่งเป็นบ้านที่คุณแม่ทิ้งเอาไว้ให้เธอ คุณพอลก็ยินดีที่จะไปกับเธอด้วย และเมื่อไปถึงบ้านหลังนั้นก็เป็นที่ถูกใจของคุณพอลเป็นอย่างมาก //...สวยจริง ๆ น่าอยู่มาก...// นั่นเป็นประโยคแรกที่คุณพอลพูดขึ้นทันทีที่ลงจากรถและได้เห็นตัวบ้านและบริเวณรอบ ๆ บ้านอย่างชัดเจน คุณเนยหันไปมองสามีแล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ถึงแม้บ้านหลังนี้จะสวยงามตามแบบบ้านเก่าแก่มีพื้นที่บริเวณรอบข้างกว้างขวาง แต่เธอที่เกิดและเติบโตมาที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ จนกระทั่งพ่อและแม่ของเธอเลิกกัน ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจบ้านหลังนี้เท่าไรนัก เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับเธออยู่บ่อยครั้งในวัยเด็ก เป็นเรื่องที่แม้แต่โตขึ้นมาขนาดนี้แล้วเธอก็ยังหาคำตอบไม่ได้ พี่หน่อง คนดูแลบ้านที่แม่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ พร้อมกับป้านาถซึ่งเป็นแม่ของพี่หน่องเอง แต่เสียไปแล้ว เดินเข้ามาหาคุณเนยและคุณพอลด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ก่อนจะยื่นกุญแจบ้านให้กับคุณเนย เธอก้มหน้าลงมองกุญแจในมือของพี่หน่อง ชั่งใจอยู่สักพักว่าจะหยิบมันมาดีไหม จนคุณพอลต้องเดินเข้ามาทัก //...โอเคไหม มีอะไรหรือเปล่า...// คุณเนยรีบหันไปหาคุณพอลและบอกปัดออกไปว่าไม่มีอะไร เธอรีบคว้ากุญแจมาจากมือพี่หน่องและเดินตรงไปที่ประตูบ้านทันที โดยที่มีคุณพอลและพี่หน่องเดินตามไป
คุณเนยเดินไปไขประตูบ้าน และเปิดประตู เดินเข้าไปในบ้านก่อนคนอื่น ๆ ความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่านั้น เป็นความรู้สึกกลัว ปนความเศร้าและความผูกพัน ที่เธอเองก็ไม่อาจจะอธิบายได้ คุณพอลเดินเข้ามาโอบไหล่ของคุณเนยจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้งและกรี๊ดออกมาเสียงดัง ทั้งสองคนดูตกใจกันและกันอย่างมาก นั่นสร้างความแปลกใจให้กับคุณพอลพอสมควร เขารีบเดินมาถามคุณเนยว่าโอเคใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า เพราะเขาสังเกตุเห็นพฤติกรรมของคุณเนยตั้งแต่ยืนที่หน้าบ้านแล้วดูแปลก ๆ //...ไว้กลับแล้ว จะเล่าให้ฟังนะ...// คุณเนยบอกกับคุณพอลไปอย่างนั้น คุณพอลที่เห็นว่าภรรยาของตัวเองดูขวัญเสียและมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี ก็เข้าไปกอดและจูบที่หน้าผากของเธอ (เสียงประตูปิดเสียงดัง) ทุกคนสะดุ้งตกใจพร้อม ๆ กัน รีบหันไปที่ประตูหน้าบ้านที่จู่ ๆ ก็ถูกปิดเสียงดัง //...สงสัยจะเป็นลมจากด้านนอกครับ คุณเนยตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้...// คุณเนยรู้แก่ใจดีว่ามันไม่ใช่ลม เพราะประตูที่บ้านหลังนี้นั้นทั้งหน้าและใหญ่ การจะมีลมแรง ๆ พัดมาปิดมันได้นั้น ยากมาก //...ไม่เป็นไรพี่หน่อง เนยแวะพาพอลเค้ามาดูแค่แปปเดียว เดี๋ยวก็กลับแล้ว...// พี่หน่องหยุดเดินและหันมาพยักหน้าให้กับคุณเนย ท่าทางของพี่หน่องนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปและเธอจำได้ดีว่า แกเป็นคนสุภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เดินดูรอบ ๆ บ้านกันได้ไม่นาน ซึ่งทุก ๆ ห้อง การตกแต่ง รวมไปถึงดีไซน์บ้าน ดูจะถูกใจคุณพอลเป็นอย่างมาก ต่างกับคุณเนยที่เดินไปพร้อม ๆ กับคุณพอลแล้วเธอก็รู้สึกพะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับจะคลื่นไส้ และเวียนหัว จนต้องขอตัวคุณพอลออกมานอกบ้านเพื่อสูดอากาศ คุณเนยเดินกลับมาที่รถ เธอบอกกับทางทีมงานว่า ในตอนนั้นเธอรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ มันเหมือนกับมีใครเอามือค่อย ๆ มากดที่หัวของเธออย่างแรง และแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอปวดหัว เวียนหัวไปหมด เธอรีบหายาดมในกระเป๋าที่ถือติดตัวออกมาดม ก่อนจะหันกลับไปมองที่บ้าน และเห็นใครบางคนเดินหายเข้าไปทางประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้ //...ใครน่ะ...// ด้วยสัญชาตญาณ คุณเนยตะโกนถามออกไป ก่อนจะเห็นว่าเป็นคุณพอลสามีของเธอที่เดินออกมาพร้อมกับพี่หน่อง คุณเนยโล่งใจและคิดว่าเธอคงจะตาฝาดไปเอง หรือคิดไปเอง คุณพอลเดินมาหาคุณเนยและบอกว่าให้เดินทางกลับกัน เดี๋ยวจะถึงที่พักซึ่งเป็นคอนโดใจกลางเมืองดึก ทั้งสองคนบอกลาพี่หน่อง //...ไปก่อนนะคะพี่หน่อง ขอบคุณมากนะคะ ยังไงฝากดูแลบ้านด้วย...// ... //...ได้ครับ ยังไงก็รีบตัดสินใจนะครับ บ้านหลังนี้รอคุณเนยอยู่...// พี่หน่องพูดจบแล้วก็ส่งยิ้มให้กับคุณเนย เธอรู้สึกได้ว่าที่พี่หน่องพูดนั้นเป็นเรื่องจริง บ้านหลังนี้กำลังรอให้เธอกลับมาหา บ้านหลังนี้กำลังต้องการให้ทายาทคนที่เป็นเจ้าของกลับมาดูแล ในคืนนั้นคุณเนยและคุณพอลเดินทางกลับมาถึงที่พักในช่วงหัวค่ำ ซึ่งตลอดทางคุณพอลก็พูดถึงบ้านหลังนั้นไม่ยอมหยุดและบอกว่าเป็นบ้านที่สวยมาก //...ถึงจะเก่า แต่ถ้าตกแต่งใหม่ ก็คงอยู่ได้ น่าจะเหมาะกับลูก ๆ ของเรา ยูว่าดีไหม...// คุณพอลถามคุณเนยออกไประหว่างที่ขับรถ เธอไม่ได้ตอบอะไรมาก แค่พยักหน้าตอบกลับไป ทำให้คุณพอลยิ่งสังเกตเห็นอาการของเธออย่างชัดเจน และเมื่อเดินทางมาถึงห้อง คุณเนยก็แยกไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร ส่วนคุณพอลก็แยกไปเก็บกระเป๋า เพราะพวกเขาพึ่งกลับจากการไปนอนค้างบ้านของญาติที่ไม่ห่างจากเมืองกรุงเท่าไรนัก ตอนที่จัดงานศพแม่ของคุณเนย ซึ่งจะให้เทียวไปเทียวมาก็ไม่ไหวทั้งสองก็ไม่ไหว หลังจากเก็บกระเป๋าและแยกเสื้อผ้าเสร็จแล้ว คุณพอลก็เดินออกมาจากห้องนอนและเดินไปเปิดม่านตรงห้องนั่งเล่น คุณเนยที่กำลังเดินหยิบจานอาหารจะมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว (เสียงกรี๊ด+จานแตก) จู่ ๆ เธอก็ร้องกรี๊ดเสียงดังและทำจานหล่นแตก คุณพอลรีบหันหลังกลับและเข้าไปหาคุณเนยด้วยความเป็นห่วงทันที //...ไหวไหม ยูเป็นอะไร มา ๆ นั่งพักก่อน...// คุณพอลรีบพาคุณเนยเดินไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับห้องครัว คุณเนยมีอาการสั่นไปทั้งตัว เธอหันหน้าไปมองสามีและหันไปมองที่กระจกที่ผ้าม่านเปิดออกอีกครั้ง เธอก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ก่อนจะหันกลับไปมองสามีของเธอ //...พอล ถ้าเล่าอะไรให้ฟัง สัญญาได้ไหมว่าจะไม่คิดว่าไอเป็นคนบ้า...// คุณพอลพยักหน้ารับ แล้วนั่งลงข้าง ๆ คุณเนยอย่างเต็มตัว เขามองหน้าคุณเนยอย่างจริงจัง และจับมือของคุณเนยเอาไว้ตลอด เพราะรู้สึกเป็นห่วง คุณเนยบอกกับทางทีมงานว่า คุณพอลนั้นเป็นคนที่ไม่มีเซ้นส์อะไรเลย หรือจริง ๆ จะเรียกว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เพื่ออยากจะให้คุณพอลได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอและหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น //...ที่บ้านหลังนั้นมันมี...ผี...ยูเชื่อไอไหม...// ในตอนที่คุณเนยบอกออกไป สีหน้าของคุณพอลก็มีเปลี่ยนไปในทันที มันเป็นสีหน้าของความสงสัย //...ถ้ายูไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้น ไม่ต้องแต่งเรื่องหลอกไอก็ได้นะ...// คำพูดของคุณพอลเป็นการตอกย้ำได้ดีว่าคุณพอลไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์นั้นสั่นคลอน และเพราะเป็นคนตรง ๆ อยู่แล้ว เขาเลยพูดออกไปอย่างที่ตัวเองคิด จนคุณเนยต้องรีบบอกว่าเธอไม่ได้แต่งเรื่อง และจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง และอยากให้คุณพอลฟังที่เธอจะเล่าให้ฟังจนจบก่อน ระหว่างที่พูดสายตาของคุณเนยก็เหลือบไปมองที่กระจกอีกครั้ง ทำให้คุณพอลเกิดความสงสัยและหันไปมองตาม //...มองอะไร เห็นมองไปสองสามครั้งแล้ว...// คุณเนยรีบส่ายหน้าไปมา และบอกกับคุณพอลว่าให้ฟังเรื่องราวที่เธอจะเล่าต่อจากนี้ก่อน คุณพอลพยักหน้า คุณเนยก็เงียบไปสักพัก ก่อนที่จะเริ่มเล่าถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในตอนเด็กกับเธอเอง จนถึงเรื่องราวปัจจุบัน
คุณเนยเริ่มเล่าให้กับคุณพอลฟังว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ ที่บ้านของเธอนั้นเป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักมาตลอด โดยที่ฝั่งทางของแม่เป็นตระกูลที่มีฐานะและมีชื่อในเรื่องของตำแหน่งและยศของคนสมัยก่อน แต่ฝั่งทางพ่อเป็นตระกูลธรรมดาที่มีฐานะปานกลาง การแต่งงานของพ่อแม่เท่าที่คุณเนยรู้ ผู้ใหญ่ไม่ชอบใจนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณทวดซึ่งเป็นเจ้าของบ้านตรอมใจเสียชีวิต ซึ่งในตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่เกิดก็เลยไม่รู้ว่าที่เธอได้ยินมาจาก ป้านาถที่เป็นแม่ของพี่หน่องที่ตายไปแล้วนั้นจะจริงแท้มากน้อยแค่ไหน แต่เธอก็คิดเสมอว่า มันคงเป็นสาเหตุที่หลังจากที่เธอเกิดมาได้ไม่นาน พ่อก็ต้องย้ายออกไป แต่ถึงอย่างนั้น แม่ของเธอเองก็ไม่เคยมีสามีใหม่ และยังรักพ่ออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพ่อพยายามจะตัดการติดต่อทุกทางจากแม่ แต่แม่ก็ยังเขียนจดหมายไปหาพ่อ พอคุณเนยอายุ 12 ขวบ ก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกับคุณพ่อ เพราะเธอมีอาการแปลก ๆ จนคุณแม่ตัดสินใจให้เธอย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คุณแม่ตัดสินใจอย่างนั้น ก็เพราะคุณแม่ของคุณเนยเองเชื่อในสิ่งที่คุณเนยเจอว่ามันมีอยู่จริง //...ตอนนั้นไอกำลังนอนอยู่ในห้องนอนที่ไอนอนอยู่เป็นประจำ ห้องที่ยูบอกว่ายูชอบมาก...// คุณเนยมองหน้าของคุณพอลด้วยสีหน้าจริงจัง เพื่อบอกให้คุณพอลรู้ว่าเรื่องที่เธอจะเล่านั้น เธอไม่ได้แต่งมันขึ้นมาเพื่อที่จะไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้น แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ ในคืนนั้นที่คุณเนยเข้านอนในห้องของตัวเองซึ่งตรงกับวันเกิดของเธองพอดี เป็นคืนที่เธอได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอีกครั้ง แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้นอนที่บ้านหลังนี้ถึงแม้ว่า แม่ของเธอจะพยายามชักชวนแล้วก็ตาม หลังจากที่พ่อของคุณเนยมาส่งเธอเข้านอนแล้วก็ออกจากห้องไป เธอได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันอยู่สักพัก ถึงแม้แม่จะพยายามให้พ่อเบาเสียงลง แต่เธอก็ยังได้ยินชัดเจนดี และเมื่อเสียงทะเลาะเงียบลง คุณเนยก็เริ่มง่วงและค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ แต่หางตาของเธอ ก็หันไปเห็นเงาของใครบางคนที่ส่องลอดเข้ามาที่ใต้ประตู เงานั้นเดินมาหยุดที่หน้าห้องของเธอ คุณเนยก็เลยแกล้งหลับเมื่อได้ยินเสียงว่าประตูนั้นค่อย ๆ เปิดออก (เสียงประตู) คุณเนยคิดในใจว่า น่าจะเป็นพ่อของเธอที่เข้ามาดูอีกครั้งว่าเธอหลับหรือยัง เธอแน่ใจว่าพ่อของเธอนั้นค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอที่เตียงและหยุดยืนที่ข้าง ๆ เตียง ซึ่งเธอไม่ได้ลืมตามอง ก่อนจะรู้สึกและสัมผัสได้ว่า มีมือของใครบางคนลูบที่หัวของเธอ คุณเนยยิ่งมั่นใจว่าเป็นพ่อของเธอเอง //...สุขสันต์วันเกิด...// (เสียงแห้ง ๆ แหบ ๆ) หลังจากที่ได้ยินเสียงอวยพรวันเกิดนั้น คุณเนยก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว และเพราะเธอนอนหันข้างอยู่ก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ที่พ่อของเธอโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูของเธอโดยที่ไม่โดนตัวเธอเลย หรือจะบอกว่ามันเหมือนกระซิบอยู่ที่ข้างหลังของเธอก็ได้ คุณเนยเลยตัดสินใจลืมตาขึ้น ก่อนจะตกใจสุดขีด เพราะเห็นเงาดำ ๆ หลายร่าง กำลังยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ และแม้แต่บนเตียงก็ยังมีอีกด้วย คุณเนยหลับตาและกรี๊ดออกมาสุดเสียง พ่อและแม่ของเธอก็รีบเปิดประตูเข้ามา //...เนย เป็นอะไรลูก เนยเป็นอะไร...// พ่อของคุณเนยเข้ามากอดคุณเนยไว้ เธอเลยค่อย ๆ ลืมตาอีกครั้ง ก็เห็นพ่อกับแม่ของเธอเท่านั้น เธอกอดพ่อเอาไว้แน่นและเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ซึ่งมันก็ทำให้พ่อของเธอดูมีอาการโกรธมาก ๆ //...ผมบอกแล้วว่าไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นี่ บ้านหลังนี้มันน่ากลัว คุณทนอยู่ไปคนเดียวเถอะ ถ้าคุณไม่ยอมให้ลูกย้ายไปอยู่กับผม ผมจะฟ้องหย่าแล้วเอาลูกมาอยู่ด้วยให้ได้...// พ่อของคุณเนยพูดจบ ก็รีบบอกให้คุณเนยลุกออกจากเตียง แม่ของคุณเนยได้แต่ร้องไห้ ไม่ได้เข้ามาดึงและรั้งคุณเนยไว้ แต่ก่อนจะออกจากห้องมาพร้อมคุณพ่อ คุณเนยก็เห็นที่บนเพดาน ว่าเงาร่างดำพวกนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่เกาะอยู่บนเพดานภายในห้องของเธอเต็มไปหมด แล้วหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา คุณเนยก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังนั้นและมาอยู่กับคุณพ่อในเมือง //...และเมื่อกี้ที่ไอตกใจ ก็เพราะไอเห็นเงาดำนั้นอีกแล้วตอนที่ยูเปิดผ้าม่านออก...// คุณพอลแสดงสีหน้าตกใจ และหันไปมองที่กระจกอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองที่คุณเนย //...แล้ว..ตอนนี้ยูยังเห็นไหม...// คุณเนยส่ายหน้าแทนคำตอบ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเธอยังคงเห็นมันอยู่ แต่เพราะไม่อยากให้คุณพอลคิดมากและกังวลไปมากกว่านี้ เธอเลยตัดสินใจที่จะโกหกไป ในตอนนั้นถึงแม้คุณพอลจะไม่ได้เชื่อเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่า เขามีความลังเลใจ และเชื่อเธอมากกว่าครึ่งแล้ว //...ยูพักเถอะ เดี๋ยวไอทำอาหารเอง...// พูดจบคุณพอลก็ลุกขึ้นไปเก็บกวาดจานอาหารที่หล่นแตกเลอะเทอะ และคืนนั้นทั้งคืนคุณพอลก็ไม่ยอมเข้านอน เขาคิดมาก คิดมากกว่าคุณเนยเสียอีก จนกระทั่งเกือบเช้า คุณเนยก็รู้สึกได้ว่าคุณพอลเข้ามานอนกับเธอด้วย เขาเข้ามากอดเธอไว้ ลูบที่หัวของเธอ //...กลับมาอยู่ที่บ้านของเราเถอะ...// (เสียงแหบแห้งแบบเดียวกันกับวันเกิด) คุณเนยลืมตาขึ้นรีบลุุกจากที่นอนและหันไปมองที่ข้างหลัง ก็เห็นว่าคุณพอลนั้นนอนหลับอยู่และหันไปคนละทางกับเธอ คุณเนยรีบมองดูนาฬิกาที่หัวเตียง ก็เห็นว่ามันเป็นเวลาตีสี่กว่า ๆ แล้ว มันทำให้เธอนอนไม่หลับอีกเลย เธอเลยตัดสินใจที่จะลุกไปอาบน้ำและไปทำอาหารเช้าให้คุณพอลก่อนออกไปทำงาน
คุณพอลถามคุณเนยว่าอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม คุณเนยก็เลยยืนยันออกไปว่าได้ เพราะเธอก็เกรงใจ ไม่อยากให้คุณพอลต้องมากังวล หลังจากที่คุณพอลออกไปทำงาน เธอก็จัดการทำความสะอาดบ้านแบบที่เธอเคยทำ ก่อนจะมานั่งทำงานของเธอที่ทำจากที่บ้านได้ ตลอดทั้งวันนั้นดูเหมือนชีวิตของเธอจะกลับมาเป็นปกติ จนกระทั่งคุณพอลโทรมาคุยกับเธอเรื่องบ้านอีกครั้ง เขายังยืนยันคำเดิมว่าอยากจะได้บ้านหลังนั้น //...ถ้ายูไม่สบายใจ ก็ทำพิธีที่บ้านยูก็ได้ ไอถามเพื่อนที่ทำงานแล้ว ต้องทำพิธีใช่ไหม...// ดูเหมือนคุณพอลจะอยากได้บ้านหลังนี้อย่างมาก สุดท้ายเธอก็ยอมที่จะปล่อยเลยตามเลย เพราะรู้นิสัยของสามีเธอเองดีว่า หากเขาไม่ได้เจอกับตัวเองเขาก็จะไม่เชื่อ และเขาเองก็เป็นคนที่หัวรั้นมากพอสมควร ทุกอย่างจึงเริ่มดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งการวางแผนตกแต่งบ้านใหม่ จนไปถึงเริ่มต้นการรีโนเวทบ้าน //...คุณเนยแน่ใจเหรอครับว่าจะทำบ้านใหม่...// พี่หน่องเดินเข้ามาคุยกับคุณเนยก่อนหนึ่งวันที่จะมีช่างเข้ามาทำการรีโนเวทบ้าน คุณเนยไม่ได้พูดอะไร และหันไปเก็บข้าวของบางส่วนต่อ เธอเดินถือของออกมาจากห้องที่ชั้นสอง คุณพอลก็เดินเข้ามาภายในบ้านพอดี คุณเนยเห็นคุณพอลก็ยิ้มให้ แล้วจู่ ๆ ภาพที่เธอเห็นมันก็กลับหัว เพราะเธอถูกผลักให้ตกลงมาจากบันได คุณพอลรีบวิ่งเข้าไปหาคุณเนยที่กำลังตกลงมา เขาขึ้นไปที่ขั้นบันไดเพื่อเอาตัวรับเธอไว้ แต่ก็ทำให้แต่เพราะแรงทิ้งทั้งตัวของคุณเนยมันก็ทำให้คุณพอลไม่ทันตั้งหลัก กลิ้งตกลงมาจากบันไดพร้อม ๆ กัน พี่หน่องที่ได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งลงจากบันไดมาช่วยทั้งสองคน คุณพอลไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก จะมีก็แค่รู้สึกเจ็บและปวดที่แขนกับขาเท่านั้น แต่ทางด้านของคุณเนยนั้น มีรอยถลอกที่โดนขอบบันไดหลายรอย และที่น่าตกใจก็คือ เธอปวดท้องมาก และทุกคนก็เห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากหว่างขาของเธอ คุณพอลรีบอุ้มคุณเนยไปที่รถ ออกมาพร้อมกับคุณหน่องและไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และข่าวร้ายที่พวกเขาไม่อยากได้ยินก็เกิดขึ้น //...หมอเสียใจด้วย ลูกในท้องไม่รอดนะครับ...// คุณพอลตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าคุณเนยท้อง และแม้แต่ตัวของคุณเนยเองก็ไม่รู้เช่นกัน คุณพอลเดินเข้ามาหาคุณเนยในห้องพักคนไข้ด้วยอาการเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก //...ขอโทษ ขอโทษนะ ไอน่าจะเชื่อยูตั้งแต่แรก...// นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณเนยได้เห็นน้ำตาของคุณพอลแม้ว่าจะคบกันมาหลายปีแล้วก็ตาม เธอเองก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สุดท้ายบ้านหลังเดิมก็ไม่ได้ถูกสร้างหรือตกแต่งใหม่แต่อย่างใด แต่ก็มีการทำบุญและทำพิธีทางศาสนาตามที่คุณพอลและคุณเนยต้องการ แต่ก็ไม่ได้กลับเข้าไปอยู่ และคุณเนยก็ได้รู้ว่า คุณพอลนั่นเชื่อเธอสนิทใจ เพราะเขาเห็นว่ามีมือของเขาบางคนผลักให้คุณเนยล้มลงและตกบันไดไป จนถึงทุกวันนี้คุณเนยก็ยังไม่รู้และไม่แน่ใจมากนักว่าสิ่งที่อยู่บ้านหลังนั้น คืออะไร จะเป็นบรรพบุรุษหรือไม่ แต่เธอก็มีความเชื่อว่า ถ้าเป็นบรรพบุรุษของเธอจริง ๆ ก็คงไม่คิดร้ายกันแบบนี้ มันคงเป็นสิ่งอื่น ที่คนภายในตระกูลไม่ได้บอกต่อกันมาทุกรุ่น แต่มันก็อยู่กับลูกหลานมาตลอด แม้แต่ในรุ่นของเธอเองก็ตาม