อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 6 นวล
พบกับ 4 เรื่องสยอง กับความมืดมนที่จะทำให้คุณกลัวคนมากกว่าผี “อาทิตย์อัสดง” ซีรีส์สยองขวัญเรื่องแรกจาก WeTV ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น. ทาง #WeTVth เท่านั้น เรื่องเล่าสยองขวัญจากทางบ้าน
กดติดตามและกดรูปกระดิ่งเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
งานศิลปะนั้นเป็นงานที่หลากหลายทั้งในเรื่องของรูปแบบและเรื่องของเอกลักษณ์เฉพาะซึ่งเป็นงานที่ใครหลายคนมีทั้งชื่นชอบ หลงใหล หรือคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ ทำให้มีการเปิดแกลลอรี่จัดแสดงภาพขึ้นมา และเรื่องราวประสบการณ์หลอน ๆ ที่จะนำมาเล่าในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวความหลอนของคุณเตยที่ได้นำมาเล่าให้กับทางช่องเล่าเรื่องผีได้ฟังกัน มีความเกี่ยวข้องกับงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า "นวล"
ย้อนกลับไปในตอนที่คุณเตยพึ่งจะเรียนจบมาใหม่ ๆ และกำลังหางานทำ พี่จิน รุ่นพี่ที่คุณเตยรู้จักก็ได้ชวนคุณเตยให้ไปทำงานร่วมกันที่แกลลอรี่เปิดใหม่ของพี่จิน ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ดีมาก เพราะคุณเตยกำลังสนใจที่อยากจะทำงานด้านนี้อยู่ แกลลอรี่ของ พี่จิน นั้น เป็นแกลลอรี่ที่ปรับและรีโนเวทสถานที่ใหม่จากบ้านไม้หลังเก่าที่เป็นของครอบครัวของพี่จินเอง และเพราะพี่จินเป็นคนที่มีความสนใจในด้านงานศิลปะมาก ในเรื่องของภาพวาด ประกอบกับเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรงจากต่างประเทศ ก็เลยตัดสินใจเปิดแกลลอรี่ของตัวเองพร้อมกับร้านกาแฟที่ด้านล่างของแกลลอรี่ควบคู่ไปด้วย ในการจัดงานแสดงครั้งแรกก็ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งจากนักศึกษาสายศิลปะ และแขกชาวต่างชาติที่นิยมมาเดินชมภาพวาด บางคนก็ขอชื่อภาพวาดไปบ้าง บางคนก็ชื่นชมในงานแสดงว่าจัดได้มืออาชีพดี ซึ่งก็ทำให้พี่จินและคุณเตยที่ช่วยกันจัดงานและวางแผนจัดการแสดงภาพวาดนั้น มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น หลังจากงานจัดแสดงภาพวาดครั้งแรกจบลงไป ไม่นานมากนัก ประมาณสัปดาห์กว่า ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าที่แกลลอรี่ พร้อมกับภาพวาดที่ถูกห่อกระดาษไว้อย่างดี ชายคนนั้นเข้ามานั่งกินกาแฟที่ร้านอยู่สักพัก ท่าทางของเขาพยายามที่จะมองตามพี่จินอยู่ตลอดเวลา จนคุณเตยที่คอยดูแลลูกค้าคนอื่น ๆ อยู่สังเกตเห็นอย่างชัดเจน //...พี่จิน ผู้ชายคนนั้นเค้าดูแปลก ๆ นะ มองตามพี่ตลอดเลย...// ... //...จริงเหรอ พี่ว่าเขาก็ปกตินะ...// ระหว่างที่คุณเตยและพี่จินกำลังคุยกัน ผู้ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินมาหาทั้งสองคนพร้อมกับรูปที่ห่อกระดาษเอาไว้ //...ขอโทษนะครับ ใช่คุณจินที่เป็นเจ้าของแกลลอรี่หรือเปล่าครับ...// พี่จินพยักหน้าและตอบรับคำไป ยิ่งทำให้คุณเตยสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครและต้องการอะไร //...ผมอยากจะมอบรูปนี้ให้เก็บไว้ที่แกลลอรี่ของคุณได้ไหมครับ...// พูดจบผู้ชายคนนั้นก็แกะกระดาษที่ห่อภาพวาดเอาไว้ และหันภาพวาดมาให้พี่จินดู ทั้งพี่จินและคุณเตยที่เห็นภาพวาดนั้นก็รู้สึกถูกใจและชื่นชอบขึ้นมาในทันที //...เอ่อ เข้ามาคุยกันข้างในก่อนนะครับ เตยดูร้านให้พี่ด้วยนะ...// พี่จินเชิญให้ผู้ชายคนนั้นเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ด้านหลังและบอกให้คุณเตยคอยดูแลร้านและลูกค้าที่ยังดื่มกาแฟกันอยู่ ผ่านไปไม่ครึ่งชั่วโมง พี่จินและผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมาจากห้อง ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมาตัวเปล่า ผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดตรงเคาน์เตอร์ที่ไว้สั่งกาแฟ มองตรงมาที่คุณเตยพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณเตย //...ฝากดูแล...นวล.........ผมหมายถึง ภาพวาดที่ผมให้ไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ...// พูดจบผู้ชายคนนั้นก็เดินออกจากแกลลอรี่ไป คุณเตยรีบออกจากเคาน์เตอร์จะเดินไปทีห้องทำงานของพี่จิน แต่พี่จินก็เดินออกมาจากห้องพอดี //...ตกลงพี่รับรูปไว้เหรอคะ...// ... //...ใช่ ภาพวาดเขาก็สวยดีนะ เดี๋ยวเตยเอาไปจัดแสดงข้างบนตอนเลิกงานนะ อีกสองอาทิตย์ที่เราจะจัดแสดงงานเพิ่มก็จะครบพอดี...// คุณเตยรับคำ ก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ร้านกาแฟพร้อมกับพี่จิน
เมื่อถึงช่วงเย็นคุณเตยก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบนซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดง พร้อม ๆ กับรูปที่ผู้ชายคนนั้นเอามาให้ คุณเตยเดินขึ้นไปคนเดียว เพราะรูปนั้นไม่ได้เป็นรูปที่ใหญ่มากนัก เมื่อเดินขึ้นไปถึงชั้นบนแล้ว คุณเตยก็เดินไปเปิดไฟภายในห้องจัดแสดงที่ปิดไฟมืดอยู่ แต่ในตอนที่เปิดนั้นคุณเตยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเธอเห็นเหมือนเงาของใครบางคนปรากฎขึ้นในตอนที่ไฟกำลังเปิดและติด ๆ ดับ ๆ อยู่ ก่อนที่จะสว่าง คุณเตยเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี เลยคิดในใจว่าจะรีบวางภาพวาดให้เสร็จ แล้วจะรีบลงไปข้างล่าง คุณเตยกระชับมือที่จับกรอบภาพวาดให้แน่น เพราะตอนนั้นเธอบอกว่าเธอรู้สึกวังเวงและกังวลจนมือนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปตรงยังพื้นที่ตรงฝาผนังด้านในสุด ที่เป็นพื้นที่ว่างสำหรับจัดแสดงภาพวาดหรือผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและมีเพียงแค่รูปเดียวหรือของศิลปินที่วาดงานแค่ชิ้นเดียวในหัวข้อนั้น ๆ เท่านั้น คุณเตยเดินไปถึงก็หยิบรูปขึ้นแขวนที่บนข้างฝา แต่ระหว่างนั้นคุณเตยก็รู้สึกเหมือนมีใครเป่าลมเข้ามาที่คอของเธอ คุณเตยรีบหันหลังกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอเลยตัดสินใจที่จะเลื่อนเก้าอี้มาตั้งรูปตรงนั้นเอาไว้เฉย ๆ ก่อน แล้วค่อยมาติดพร้อมกับพี่จินในวันพรุ่งนี้เช้า คุณเตยวางรูปเอาไว้บนเก้าอี้ และรีบหันหลังเดินออกมาจากห้องจัดแสดงและปิดไฟรีบลงมาข้างล่าง วันต่อมาคุณเตยเดินทางมาถึงที่แกลลอรี่ก็โดนพี่จินต่อว่าเรื่องที่ไม่จัดวางรูปให้เรียบร้อย //...ขอโทษค่ะพี่จิน พอดีหนูรีบก็เลยไม่ทันได้วางให้ดี ๆ นี่ก็เลยรีบมาตอนเช้าแล้ว...// ... //...ไม่ใช่ข้ออ้างนะเตย คราวหลังไม่ทำแบบนี้อีกนะ ภาพทุกภาพมันมีคุณค่าของมันนะ อย่าคิดว่าเพราะเราได้มันมาฟรี ๆ แล้ว เราจะทิ้งขว้างมันได้...// คุณเตยไม่กล้าพูดออกไปว่าจริง ๆ แล้วเธอคิดว่าภาพวาดนั้นมีอะไรแปลก ๆ ถึงแม้จะเป็นรุ่นน้องที่สนิทกัน แต่ตอนนี้้เธอก็เป็นลูกน้องของพี่จินไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายอะไรมาก
สองอาทิตย์ต่อมาคือสัปดาห์ที่มีการจัดแสดงอีกครั้ง ซึ่งเป็นการแสดงภาพวาดของศิลปินทั้งแบบโนเนมและมีชื่อเสียงที่เป็นรู้จักกันในระดับหนึ่ง และภาพวาดที่ได้รับการจัดแสดงนั้น ก็คือภาพวาดของผู้ชายคนนั้นด้วย คุณเตยที่ทำหน้าที่คอยดูแลผู้ชมที่เข้ามาชมภาพวาด ก็เดินดูความเรียบร้อยไปเรื่อย ๆ สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับคุณเตยก็คือ ภาพวาดที่ได้มาฟรีภาพนั้น มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และหยุดที่ภาพวาดนั้นบ่อยมากที่สุด ทำให้คุณเตยเริ่มเกิดความสงสัย เพราะเธอเองถึงแม้จะเห็นภาพวาดนั้นมานานหลายวันเป็นสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสดูภาพวาดนั้นดี ๆ เลยสักครั้ง ครั้งนี้เธอเลยตัดสินใจเดินเข้าไปดูภาพวาดนั้นใกล้ ๆ ซึ่งมันก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกว่าภาพวาดนั้นดูสวยงามและมีจิตวิญญาณบางอย่างในหลายเส้นที่บรรจงวาดขึ้นจากสีน้ำซึ่งเป็นสีแดงจาง ๆ ค่อนไปทางน้ำตาล เข้มอ่อนสลับกันไป จนเกิดเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางเขินอายในรูปภาพนั้น ยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับภาพวาดที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ให้มีอะไรขึ้นมา คุณเตยดูภาพนั้นไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดกับลายเซ็นต์เล็ก ๆ ของศิลปินที่วาดรูปภาพนั้น พร้อมกับชื่อที่เขียนด้วยสีน้ำเหมือนกันว่า "นวล" //...ภาพนี้ขายไหมครับ...// เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในผู้ชมแกลลอรี่เดินเข้ามาคุณเตย คุณเตยหันไปมองที่ป้ายราคาซึ่งว่างอยู่ แล้วก็นึกได้ว่าเธอกับพี่จินยังไม่ได้ตั้งราคาภาพวาดนี้ไว้เลย เพราะจริง ๆ แล้วเป็นภาพวาดที่ได้มาฟรี คุณเตยเลยบอกให้ลูกค้ารออยู่ตรงนั้นก่อน และลงมาหาพี่จินที่กำลังคุยธุระอยู่ข้างล่างกับลูกค้ารายใหม่ที่สนใจอยากจะให้ทางทีมของพี่จินไปจัดงานแสดงข้างนอก คุณเตยเคาะประตูห้องและเดินเข้าไปหาพี่จิน และบอกว่ามีลูกค้าสนใจภาพวาด นวล พี่จินพยักหน้ารับ และบอกให้คุณเตยขึ้นไปรอข้างบน เพราะว่าติดลูกค้าอยู่ คุณเตยกลับขึ้นมาข้างบนและพูดคุยกับลูกค้าที่สนใจภาพวาดนั้นระหว่างที่กำลังรอให้พี่จินขึ้นมา //...รูปนี้เป็นศิลปินโนเนมเหรอครับ...// ... //...อ่อ ใช่ค่ะ...// ... //...ครับ แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนผู้หญิงคนนี้มีชีวิตเลย...// คุณเตยได้ยินประโยคของลูกค้าที่สนใจจะซื้อภาพวาดแล้วก็ทำให้เธอหันไปกลับที่มองภาพวาดนั้นอีกครั้ง คราวนี้เธอรู้สึกว่ามันมีชีวิตเหมือนที่ลูกค้าคนนั้นว่าจริง ๆ ไม่นานพี่จินก็เดินขึ้นมาและพูดคุยตกลงราคากับลูกค้าเรียบร้อย ในการแสดงงานทั้งหมดหนึ่งสัปดาห์ภาพวาดนวลเป็นภาพวาดภาพเดียวที่ขายได้ในงานครั้งนั้น แต่เมื่องานจัดแสดงจบลงภาพวาดนวลที่ลูกค้าพึ่งซื้อก็ถูกส่งกลับที่แกลลอรี่โดยที่คนซื้อไม่ได้มาด้วย //...อ้าว นี่มันภาพนวลนิ...// พี่จินพูดขึ้นหลังจากที่แกะห่อกระดาษออก พร้อมกับอ่านโน๊ตที่ลูกค้าเขียนว่าขอส่งภาพวาดคืน โดยที่ไม่ต้องเงินที่จ่ายไปคืน พี่จินเกิดความกังวลว่าภาพวาดนี้จะมีอะไรหรือเปล่า เลยโทรกลับไปหาลูกค้าที่ซื้อไป แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร นอกเสียจากบอกว่า //...ภาพวาดนี้ไม่อยากอยู่กับผม...// ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับพี่จินและคุณเตยเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะนำภาพวาดนวลขึ้นจัดแสดงกี่ครั้ง ก็มักจะมีลูกค้ามาสนใจซื้อ และเมื่องานแสดงจบลงก็มักจะถูกส่งกลับมาคืนที่แกลลอรี่อย่างไม่มีเหตุผล ลูกค้าทุกคนไม่คิดที่เอาเงินคืน แต่ขอเอาภาพวาดนั้นกลับมาให้คืนแทบจะทุกคน รวมแล้วก็มีมากถึง 5 คน //...พี่จิน ภาพนี่มันมีอะไรกันแน่ ทำไมมันถึง..มีแต่คนส่งคืน เตยว่ามันแปลกขึ้นทุกทีแล้วนะ...// พี่จินไม่ได้ตอบอะไรคุณเตยในเรื่องนั้นและตัดสินใจว่าจะเอารูปนี้ไปเก็บไว้ที่บ้านของตัวเอง คุณเตยก็ถามกับพี่จินว่า เขาแน่ใจใช่ไหมที่จะเอารูปนี้กลับไปไว้ที่บ้านของตัวเอง พี่จินก็ตอบคุณเตยมาว่ามั่นใจ เพราะเขาก็อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ภาพวาดนวลภาพนี้ ออกไปจากแกลลอรี่ถึงต้องกลับมาทุกครั้ง ถ้าหากต้องไปอยู่ที่บ้านของเขา เขาจะต้องเอากลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า //...พี่จินพูดอย่างกับว่า ภาพนี้มันมีอะไรแบบนั้นอยู่...// ... //...พี่ว่ามันไม่ใช่พี่คิดหรอก เตยก็คงคิดเหมือนพี่ ถ้ามันมีจริง ๆ ทำไมอยู่ที่นี่เราไม่เจอเลย...// เย็นวันนั้นพี่จินก็กลับออกจากร้านไปในช่วงค่ำ เพราะต้องขนของหลายอย่างที่ทิ้งเอาไว้ในแกลลอรี่นานแล้ว ซึ่งคุณเตยก็เป็นคนช่วยพี่จินขนของลงไปในรถ ซึ่งก็มีมากพอสมควร และช่วยกันขนจนถึงช่วงค่ำ โชคดีที่วันนี้พี่จินเอารถกระบะมาเลยทำให้ขนของกลับไปได้ทั้งหมด และชิ้นสุดท้ายที่คุณเตยช่วยขนก็คือ ภาพวาดนวล //...ขอบใจนะเตย ปิดร้านแล้วรีบกลับละ...// พี่จินบอกคุณเตยก่อนจะขึ้นรถและขับรถออกไป คุณเตยที่มองตามรถที่กำลังเคลื่อนออกไปของพี่จิน ก็ตกใจและคิดว่าตัวเองตาฝาด เมื่อเธอเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ข้างหลังเบาะและหันมามองคุณเตยด้วยสายตาดุดัน คุณเตยเห็นอย่างนั้นก็รีบกดโทรหาพี่จินทันที พี่จินรับสาย คุณเตยก็รีบเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นให้ฟัง แต่คำตอบของพี่จินนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกมากกว่าเดิม //...ไม่เป็นไร พี่รู้อยู่แล้ว ขอบใจนะเตย...// คุณเตยได้ฟังแบบนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอให้ถึงวันพรุ่งนี้เช้า
เช้าวันต่อมาพี่จินเข้ามาทำงานสายกว่าทุกวัน ซึ่งคุณเตยก็เป็นคนมาเปิดร้านก่อนเหมือนทุกที แต่ก็น่าผิดสังเกตที่พี่จินนั้นเข้ามาสาย และเมื่อมาถึงสภาพของพี่จินนั้นก็เหมือนคนที่ไม่ได้นอน พี่จินเดินลงมาจากรถ พร้อมกับภาพวาดของนวล คุณเตยที่เห็นอย่างนั้นเธอก็เลยรีบเข้าไปหาพี่จินและถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น //...เตย เอาภาพนี้ไปแขวนไว้ที่เดิม เอาไป!!...// (เสียงดัง ลุกรี้ลุกรน) พี่จินพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสั่นและเสียงดัง เหมือนกับรีบและรู้สึกกลัว คุณเตยรับภาพวาดนั้นมา ซึ่งในครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อน ๆ ที่เธอเคยจับภาพวาดนี้ เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ยิ่งได้เห็นท่าทางในภาพวาดนั้นแล้วเธอยิ่งรู้สึกขนลุก คุณเตยรีบบอกให้รุ่นน้องอีกคนในร้าน เอาภาพวาดนี่ขึ้นไปไว้เป็นเธอ ก่อนจะรีบลงมาหาพี่จินที่ห้องทำงานข้างล่าง คุณเตยเดินเข้าไปหาพี่จินที่นั่งอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในห้องด้วยท่าทางที่นิ่งกว่าปกติที่พี่จินเคยเป็น //...มันมีเรื่องอะไรเหรอพี่จิน พี่โอเคไหม...// พี่จินหันมามองที่คุณเตย สีหน้าของเขาดูกลัวอย่างมาก โดยเฉพาะดวงตาของพี่จิน ที่คุณเตยบอกกับทางทีมงานว่า เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นพี่จินมีน้ำตาไหลออกมา พี่จินเริ่มเล่าถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นตอนที่เอาภาพวาดกลับไป ตั้งแต่เริ่มแรกก็คือ ตอนที่พี่จินเปิดประตูกำลังจะขึ้นรถไป เขาก็รู้สึกขนลุก และเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหลังเบาะ แต่เขาพยายามจะไม่คิดอะไร และไม่อยากจะทำตัวว่ามองเห็น แม้แต่ตอนที่คุณเตยโทรมา พี่จินก็พยายามจะทำตัวให้นิ่งมากที่สุด เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน พี่จินก็เอารูปไปแขวนไว้ในห้องที่ตัวเองเก็บรูปภาพและภาพวาดที่ชื่นชอบเอาไว้ หลังจากนั้นพี่จินก็ไปทำธุระส่วนตัว ก่อนจะเข้านอนพี่จินก็ได้ยินเสียงของบางอย่างตกลงมาเสียงดังจากห้องที่เก็บรูปภาพ ภาพวาด เมื่อเปิดประตูเข้าไป ทุกภาพที่แม้แต่ภาพที่แขวนก็ตกลงมา มีแต่ภาพวาดนวลเท่านั้นที่ยังคงตั้งอยู่ พี่จินเดินเข้าไปในห้องเก็บของนั้น และเปิดไฟให้สว่างมากขึ้นกว่าเดิม แต่เห็นว่ามีเงาของใครบางคนปรากฎขึ้นในตอนที่ไฟกำลังจะติด ซึ่งเหมือนกับที่คุณเตยเคยเจอก่อนหน้านี้ พี่จินรู้ทันทีว่าภาพวาดนวลนั้นต้องมีสิ่งที่เรามองไม่เห็นอยู่ พี่จินเลยกำพระไว้แน่น และคิดว่าจะหยิบภาพวาดนวลนั้นอออกมาจากห้อง //...ตอนที่พี่จับหยิบ พี่สาบานเลยนะเตยมันมีมือของใครก็ไม่รู้มาจับที่มือพี่...// พี่จินรีบสะบัดมือออกจากภาพวาดนวล ก่อนที่ไฟทั้งบ้านจะดับลง พี่จินออกมากจากห้องและมองไปที่บ้านหลังอื่น ๆ ซึ่งก็ดับเหมือนกัน แต่ไม่ทันที่จะตั้งตัว พี่จินรู้สึกว่า มีใครบางคนมายืนอยู่ที่ข้างหลังของเขา //...จะทิ้งกันเหรอ...จะให้ไปอยู่กับคนอื่นอีกแล้วเหรอ มึงจะทิ้งกูอีกแล้วเหรอ!!...// (เน้นเสียงผู้หญิงได้จะดี เสียงผี) พี่จินหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าแสงไฟจากถนนด้านนอกที่ส่องลอดเข้ามา ส่องให้เห็นว่าร่างของผู้หญิงซึ่งพี่จินแน่ใจมากว่าคือคนเดียวกัน กำลังยืนมองมาที่พี่จินอยู่ และหน้าของของเธอ มีน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด (เสียงกรี๊ด) //...พี่ว่าเราต้องคืนเจ้าของเค้าไป...// ... //...ได้พี่ ให้เตยโทรหาเขาเลยไหม...// คุณเตยรีบโทรหาตามเบอร์โทรที่ผู้ชายคนนั้นเอาภาพวาดมาให้ ซึ่งโทรไปหลายครั้งก็ไม่มีใครรับ จนช่วงบ่ายเบอร์โทรนั้นก็โทรกลับมา และเรื่องราวทุกอย่างก็ค่อย ๆ ได้รับคำตอบ
//...น้องชายผมเสียไปสองเดือนแล้วครับ...// ปลายสายนั้นบอกกับทางคุณเตย เป็นคำตอบที่ทำให้เธอยิ่งรู้ตกใจมากกว่าเดิม คุณเตยเลยพูดคุยกับทางปลายสาย ถึงเรื่องภาพวาดที่น้องชายของเขานำมาทิ้งไว้ที่แกลลอรี่ //...นวลใช่ไหมครับ...// ... //...ค่ะ ใช่ ภาพวาดนวล...// ปลายสายเริ่มเล่าถึงที่มาที่ไปของภาพวาดนั้น ว่าเป็นภาพที่น้องชายของเขาวาดขึ้นมาจากเลือดของแฟนสาวตัวเองที่ชื่อ นวล น้องชายของเขาเริ่มสติไม่ค่อยดี หลังจากที่นวลเริ่มมีอาการป่วยหนักและต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และน้องชายของเขาเป็นคนดูแล ในทีแรกก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่ได้มีอะไร แต่พออาการของนวลหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ น้องชายของเขาก็ทำใจไม่ได้ และเริ่มจะเสียสติมากกว่าเดิม ในตอนนั้นที่นวลเสียไป น้องชายของเขาไม่ยอมบอกใครเลย แต่กลับกรีดแขนของแฟนตัวเองตอนที่พึ่งเสียไปใหม่ ๆ เอามาวาดเป็นรูปภาพของเธอขึ้นมาแทน กว่าที่เขาจะมาเจอ ศพของนวลก็นอนเน่าในสภาพที่เลือดไหลนองพื้น นานมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองวัน ส่วนน้องชายของเขาก็หวงแหนรูปนั้นมาก แต่เพราะครอบครัวอายไม่อยากให้ใครรู้ก็เลยให้น้องอยู่คนเดียวในบ้าน ที่ล็อคเอาไว้จากนอกบ้าน แต่น้องชายของเขาก็หนีออกไปได้ //...รูปนั้นไปอยู่ที่พวกคุณเองเหรอ น้องชายของผมคงไม่อยากให้แฟนของเขาเหงา...// ได้ยินประโยคนี้แล้วคุณเตยก็ใจหายหล่นลงไปทันที เพราะทุกสิ่งที่ทั้งเธอเองและพี่จินที่เจอหนักมาก ๆ คงจะเป็นเรื่องจริง ชายที่เป็นเจ้าของรูปภาพตั้งใจจะเอาเธอมาไว้ที่นี้ เพราะเขาทนอยู่ไม่ไหวในโลกที่ขาดเธอ เลยตัดสินใจมาที่แกลลอรี่แห่งนี้ ซึ่งก็ทั้งคุณเตยและพี่จินเองก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นความตั้งใจของโชคชะตาหรือความบังเอิญ แต่ ณ ปัจจุบันในตอนนี้ ภาพวาดนวล ก็ไม่ได้อยู่ที่แกลลอรี่ของพี่จินแล้ว ซึ่งอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่พี่จินขอให้พี่ชายของเจ้าของรูปนำไปไว้ครับ
เรื่องราวความหลอนของคุณเตยก็มีเพียงเท่านี้ครับ คุณเตยบอกกับเราว่าในชีวิตของเธอไม่ค่อยได้เจอเรื่องแบบนี้เท่าไรนัก เคยคิดว่ามันคงจะมีแต่ในภาพยนต์หรือละคร แต่พอได้มาเจอกับตัวเองก็ทำให้เธอเชื่อสนิทใจว่าเรื่องราวแบบนี้ ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ทางที่ดี หลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอน่าจะดีเสียกว่า ขอบคุณครับ