อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 8 ยูทูปเบอร์สยอง
พบกับ 4 เรื่องสยอง กับความมืดมนที่จะทำให้คุณกลัวคนมากกว่าผี “อาทิตย์อัสดง” ซีรีส์สยองขวัญเรื่องแรกจาก WeTV ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น. ทาง #WeTVth เท่านั้น เรื่องเล่าสยองขวัญจากทางบ้าน
กดติดตามและกดรูปกระดิ่งเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ ผมชื่อ แบงค์ ครับ ปัจุบันผมเองพึ่งจะเรียนจบและอยู่ในช่วงที่กำลังหางานทำครับ เรื่องที่ผมจะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงที่ผมใกล้จะเรียนจบและกำลังหาว่าตัวเองอยากจะทำงานแบบไหน ตรงสายที่เรียนมา หรืออะไรก็ได้ที่ได้เงิน แต่ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมค่อนข้างจะไขว่เขว้พอสมควรครับ ลังเลและมีความคิดหลาย ๆ อย่างเข้ามา จนกระทั่งผมได้ติดตามช่องรายการในยูทูปช่องหนึ่งที่เป็นของชาวต่างชาติ ซึ่งชอบทำอะไรแปลก ๆ ทั้งล่าท้าผี เอาของจากดาร์กเว็บมาเปิดแล้วเจอเรื่องแปลก ๆ บ้าง และพวกช่องที่เล่าเรื่องผี ๆ อีกหลาย ๆ ช่องทั้งของไทยและของต่างชาติ ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะทำช่องของตัวเองขึ้นบ้าง นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ผมได้เจอครับ
ด้วยความที่ผมเรียนโฆษณาก็พอจะมีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ วีดีโอและการทำให้คนสนใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าช่องของผมไม่ได้ดังอะไร และตอนนี้ผมก็ปิดช่องไปแล้วครับ เพราะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ผมยอมที่จะทิ้งมันไป ถึงแม้ในใจอยากจะทำต่อมาก ๆ ก็ตาม ผมเริ่มต้นทำงานเป็นยูทูปเบอร์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้หวังว่าจะต้องดังอะไรมากในทีแรก แต่เพราะเพื่อน ๆ รวมถึงอาจารย์ที่รู้ว่าผมทำช่อง ได้เข้าไปดูช่องของผมแล้วก็มีคำแนะนำมากมาย รวมถึงบางคนก็ให้กำลังใจจนโอเว่อร์เกินจริง ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองทำให้ดีมากกว่าเดิม ในทีแรกผมก็ลงเป็นเล่าเรื่องผี ๆ โดยการหาเรื่องที่เป็นตำนานต่าง ๆ มาผสมกับการแต่งสีใส่ไข่ให้ดูน่ากลัวมากขึ้น แต่มันไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี เหมือนกับช่องอื่น ๆ เลยครับ ผมเข้าใจว่ามันมีช่องหลายช่องมาก ๆ ที่เล่าเรื่องผี เหมือนกับช่องนี้ที่ผมส่งเรื่องมาเล่า แต่ผมก็มั่นใจและคิดเองว่าเรื่องที่ผมเสนอไปจะมีคนติดตาม แต่เหมือนยิ่งดันทุรังยิ่งรู้สึกห่วยแตกครับ ผมเลยเลือกที่จะทำเนื้อหาใหม่ ๆ คล้ายกับช่องอื่น ๆ ที่ผมติดตามมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เวิคครับ บอกตรง ๆ ว่ายอดวิวน้อยมาก ที่สำคัญแทบจะไม่มีคอมเม้นท์การแสดงความคิดเห็นอะไรเลย จนกระทั่งผมเริ่มคิดแล้วว่า ผมต้องทำอะไรใหม่ ๆ ผมเลยตัดสินใจที่จะทำเรื่องเล่าผีในแบบของตัวเอง แบบคนแสดงสั้น ๆ แต่ทำจริงเล่นจริง โดยที่ตอนแรก ผมขอให้เพื่อนในกลุ่มเดียวกันช่วยแสดงให้ ซึ่งก็มี ไอ้ต้น ไอ้ทอย และปิ่น ครับ ผมหารูปแบบงานต่าง ๆ และขอความเห็นจากเพื่อน ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะนิยมและชอบไปแนวตลก ๆ มากกว่า แต่ส่วนตัวของผมอยากจะให้มันออกมาดูน่ากลัวมาก ๆ //...จะเวิคเหรอวะ มึงแน่ใจเหรอ กูว่าทำแนวตลก ๆ แกล้ง ๆ น่าจะดีกว่า...// ไอ้ต้นบอกกับผม ซึ่งเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิม และในตอนแรกที่ผมอยากจะทำก็คือ เรื่องราวของ ผู้หญิงคนหนึ่งที่หลงรักผู้ชายคนหนึ่งแล้วทำของใส่ ซึ่งในตอนนั้นผมเองที่ไม่ได้มีความรู้และเอาจริง ๆ ผมก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องแบบนี้ ถึงจะเคยฟัง เคยดูว่ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรเพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ //...ให้ทำใส่ไอ้ทอยเลยเหรอ แล้วถ้ามันชอบเราขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ...// ปิ่นถามผมในตอนที่ผมเอาบทมาคุยกับเพื่อน ๆ อีกครั้ง //...ไม่หรอก แค่ทำหลอก ๆ นะ สวดเฉพาะบางท่อนไม่ต้องจบก็ได้...// ... //...เสียว ๆ ว่ะ กูมีแฟนแล้วนะเว้ย มันจะไม่มีผลอะไรจริง ๆ ใช่ไหม...// ... //...เออ ถ้ามีเดี๋ยวกูพาไปแก้ของเอง ฮ่า ๆ...// ไอ้ต้น พูดเสริมไอ้ทอยแบบติดตลก ผม ปิ่นก็เลยตลกไปด้วย สุดท้ายเราก็ตกลงว่าจะทำตามแบบเดิมที่วางไว้ครับ วันแรกที่พวกเรานัดกันมาถ่าย คือ วันเสาร์ที่ว่างตรงกันทุกคน ถ่ายมาเรื่อย ๆ ตามบทตั้งแต่ช่วงตอนบ่ายจนถึงช่วงกลางคืน ที่เป็นฉากต้องทำของใส่ครับ ผม ไอ้ต้น ไอ้ทอย ก็ช่วยกันเซตของเซตฉากต่าง ๆ เตรียมพร้อมรอปิ่นมันเข้าฉาก ถึงแม้ว่าไอ้ปิ่นจะดูเกร็ง ๆ มากก็ตาม //...เฮ้ย ปิ่น อย่าเกร็งดิ เอาไปออกช่องหารายได้นะเว้ย ไม่ใช่ส่งอาจารย์ เล่นดี ๆ หน่อย...// ... //...ไอ้แบงค์ มึงนี่ก็นะ เพื่อนอุตส่าห์มาเล่นให้ยังจะด่ามันอีก...// ไอ้ต้นหันมาว่าผม แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร เลยหันไปบอกกับปิ่นใหม่ว่า ผมแค่อยากทำให้มันดี เพราะตั้งใจอยากจะให้มันเป็นอาชีพที่หารายได้ได้ในอนาคตหลังจากที่เรียนจบ ถ้ามันเวิค พวกเราก็จะได้ทำกันต่อยาว ๆ //...สวดตามนี้ให้จบเลยใช่ไหม...// ... //...เออ ๆ ตามนั้น...// และเพราะแบบนี้เองที่ผมหลุดปากพูดออกไป เลยทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงมาก่อน
หลังจากวันแรกที่ถ่ายกันไปผมก็กลับมาดูฟุตภาพที่ผมถ่ายครับ ซึ่งอารมณ์และภาพที่ถ่ายออกมาก็ค่อนข้างที่จะดี ถึงแม้จะใช้เพียงกล้องตัวเดียวก็ตาม แต่ความน่ากลัวของมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวมากสักเท่าไรนัก หรือเพราะผมเป็นคนเขียนบทเองก็ไม่รู้ ผมจัดการตัดต่อในช่วงแรกของเรื่องเสร็จแล้ว ก็เหลือครึ่งหลังที่ต้องรอถ่ายในอาทิตย์ถัดไปครับ ซึ่งช่วงนั้นก็ช่วงที่เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มเพื่อนของพวกเรา จู่ ๆ ไอ้ทอยกับปิ่นก็เริ่มสนิทกันเสียจนผมกับไอ้ต้นเริ่มผิดสังเกต และในตอนที่คุยเรื่องบทที่จะถ่ายกันในวันเสาร์เสร็จแล้ว สองคนนั้นก็เดินทางกลับไปด้วยกัน เหลือแค่ผมกับไอ้ต้นที่ยังคุยกันถึงภาพที่จะถ่ายกันอยู่ //...เออ กูว่า กูสงสัยเรื่องนึงว่ะ...// ผมหันไปมองไอ้ต้น และรู้อยู่แล้วว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร //...เรื่องไอ้ทอยกับปิ่นใช่ไหม...// ไอ้ต้นพยักหน้า ผมเองก็มีความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน เพราะไอ้ทอยมันมีแฟนแล้ว //...กูว่า จริง ๆ มันอาจจะสนิทกันตั้งนานแล้วก็ได้นะ มันเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน...// ผมพูดออกไป เพราะไม่อยากจะคิดไปในทางไม่ดี ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยครับ //...เออ กูก็ลืมไป ยังไงถ้ามีอะไรมึงบอกกูหน่อยนะ กูสงสารน้องกู ถ้ามันจะ...// ผมรีบตบไหล่ไอ้ต้น เพื่อบอกให้มันรู้ว่าผมเข้าใจในสิ่งที่มันต้องการจะบอก เพราะน้องฝนที่เป็นแฟนของไอ้ทอยคือน้องสาวแท้ ๆ ของไอ้ต้นมัน วันต่อมาผมและไอ้ต้นก็เดินทางไปที่หอพักของไอ้ทอยที่เราจะไปฉากที่เหลือให้กันจนจบ แต่เมื่อไปถึงผมกับไอ้ต้นก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นปิ่นอยู่ในห้องของไอ้ทอยอยู่แล้ว และดูเหมือนจะมาถึงนานแล้วด้วย ในวันนี้เป็นฉากเลิฟซีนที่ผมเองตั้งใจว่าจะถ่ายแค่หลอก ๆ แต่ต้องบอกตามตรงว่า ผมกับไอ้ต้นเองก็ยังอึ้ง ๆ ที่ทั้งสองคนเล่นจริง ๆ แบบที่...ถ้าให้พูดตรง ๆ มันเกือบ ๆ จะเหมือนหนังสดที่พวกเรา ๆ ชอบเรียกกันเลยครับ ผมรีบสั่งคัท ไอ้ต้นเองก็ดูหงุดหงิดมาก แต่ท่าทางของไอ้ทอยและปิ่นดูสนุกมาก ๆ หลังจากงานเสร็จ ไอ้ต้นก็กลับไปก่อนทันที ผมที่ยังอยู่ในห้องกับไอ้ทอยและปิ่นเลยตัดสินใจถามว่าทั้งสองคนชอบกันเหรอ สองคนนั้นไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้ม ๆ ให้กันและหันมามองที่ผม แค่นั้นผมก็พอจะรู้คำตอบแล้วครับ ผมกลับมาจากหอไอ้ทอยก็มาดูฟุตภาพด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไร ไม่อยากจะคิดว่าถ้าฉากนี้ปล่อยออกไป ทั้งผมเองที่เอาลงช่อง ไอ้ต้น น้องฝน ก็ไม่น่าจะโอเคทั้งนั้น แต่ในระหว่างที่ผมกำลังดูฉากที่ว่านั้นในคอมพิวเตอร์ ผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันเหมือนภาพซ้อนขึ้นมาที่ตัวของปิ่น เหมือนเป็นอีกคน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง และในตอนนั้นเสียงของวีดีโอก็ผิดกับตอนที่ผมและไอ้ต้นได้ยินเป็นอย่างมาก เพราะมันมีเสียงแทรกเข้ามาเป็นระยะ ๆ เหมือนเสียงสวดอะไรสักอย่าง (เสียงสวด + สัญญาณแทรก) และพอผมลองสังเกตดี ๆ ที่ปากของปิ่น ก็ขยับอยู่ตลอด ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พยายามกรอกลับไปมา และพยายามที่จะฟังให้ละเอียดมากที่สุด แต่ทุกอย่างมันก็ยังได้ยินแบบเดิมซ้ำ ๆ จนสุดท้ายผมก็ต้องเรียกไอ้ต้นให้มาดูด้วยกัน
//...กูว่ามันแปลก ๆ แล้ววะ...// ไอ้ต้นพูดกับผมทันทีที่มันได้ดูฟุตเทจที่ถ่ายมา //...ปิ่นมันสวดจริง เล่นจริงในตอนแรกนิ...// ไอ้ต้นพูดต่อ ผมเลยรีบกลับไปเปิดฟุตก่อนหน้านี้และดูดี ๆ ก็เห็นว่าปิ่นสวดจนจบจริง ๆ และถึงแม้เราจะใช้ของจริง ๆ แต่ก็ผมก็ถ่ายหลอก ๆ เอา ผมกับไอ้ต้นเริ่มรู้สึกไม่ดี เลยตัดสินใจที่จะไปหาปิ่นที่หอ แต่ก็ไม่เจอ และคิดว่าปิ่นน่าจะอยู่ที่หอของไอ้ทอยอย่างแน่นอน ด้วยความที่ รปภ.เห็นว่าผมกับไอ้ต้นมาบ่อย ๆ ก็พาพวกผมขึ้นไป และตอนที่ผมกับไอ้ต้นได้เจอทั้งสองคนในห้อง ก็อยู่ในสภาพที่กึ่ง ๆ จะเปลือยครับ ไอ้ต้นมันระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ก็เข้าไปต่อยที่หน้าของไอ้ทอย จนเงยหลังไปเลย ผมก็รีบเข้าไปห้ามพร้อม ๆ กับ รปภ. ที่ขึ้นมาด้วยกัน //...ตอนแรกไหนมึงบอกว่าไม่อะไร ไม่คิดอะไร ทำไมทำกับน้องกูแบบนี้วะ!!...// ไอ้ต้นพูดออกมาเสียงดัง จนห้องอื่นเปิดประตูออกมามอง ผมเลยบอกให้เข้าไปเคลียร์กันในห้อง แต่มันก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยครับ ผมเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ เพราะเหมือนสิ่งที่ผมตั้งใจว่าจะให้เป็นเนื้อหาในช่องของผม ตอนนี้มันดันเกิดขึ้นจริง ๆ แบบที่ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เพราะคิดว่า ไอ้ทอยมันก็ดูรักน้องฝนดี ส่วนปิ่นเองก็มีคนคุยอยู่หลายคนและไม่เคยมีท่าทางว่าจะชอบไอ้ทอยเลย แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ เวลาผ่านไปเกือบ ๆ สองชั่วโมงที่พวกเราสี่คนอยู่ในห้องของไอ้ทอย และพยายามจะคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่ไอ้ต้นต่อว่าปิ่น ด่าปิ่น ไอ้ทอยก็จะปกป้องทุกครั้ง จนผมต้องเข้าไปห้ามและบอกว่าให้แยกกันก่อน ค่อยคุยกันวันหลัง ถึงได้แยกย้ายกันไป //...มึงก็อย่าพึ่งไปบอกน้องมึงล่ะกัน เดี๋ยวจะเสียใจเอา จะสอบแล้วด้วย...// ไอ้ต้นไม่ได้ตอบอะไรผมและเดินเข้าหอพักมันไป ผมตัดสินใจที่จะย้อนกลับไปหาปิ่นที่หอพักอีกรอบ ผมอยู่ดักรออยู่ประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมง ก็เห็นว่าไอ้ทอยขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งปิ่นที่หอพัก ผมรอจังหวะที่ไอ้ทอยมันขี่รถออกไปก็รีบวิ่งเข้าไปหา ปิ่น ทันที //...ปิ่น เอาดี ๆ มึงทำจริงใช่ไหม...// พอปิ่นเห็นผมถามอย่างนั้น ท่าทางของปิ่นก็ดูตกใจมาก ปิ่นไม่พูดอะไร แต่บอกให้ผมขึ้นไปที่ห้องของตัวเองด้วยกัน นานมากแล้วที่ผมไม่ได้มาที่ห้องของปิ่นเลย แต่ทุกอย่างก็ดูปกติดี จนกระทั่งมันหยิบกล่องอะไรบางอย่างที่ไม่ใหญ่มาก ออกมาจากตู้เสื้อผ้าข้างบนสุด //...เออ กูทำจริง ๆ ...// ปิ่นมันพูดกับผม ทำเอาผมทั้งอึ้งทั้งตกใจ ปิ่นมันบอกกับผมว่า จริง ๆ มันชอบไอ้ทอยมานานแล้ว ที่มันคุยกับอื่นไปเรื่อย ๆ ไม่คบใครสักทีก็เพราะรอไอ้ทอย แล้วพอผมมาคิดเนื้อหาแบบนี้ออกมา และมันเห็นว่าผมให้เล่นจริง ๆ มันก็เลยลองดู คืนแรกเลยที่มันได้บทสวดจากที่ผมหามา มันก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและหาของของไอ้ทอยมาได้ มันก็ลองสวดดู มันเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เพียงแค่ไม่กี่วันไอ้ทอยจะเข้าหามัน และรู้สึกหลงมันในแบบที่มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นแบบนั้น //...มึงทำบ้าอะไรเนี่ย รู้ตัวรึเปล่า ของพวกนี้มันน่ากลัวนะเว้ย...// ... //...ก็ถ้ามึงไม่คิดจะทำคอนเทนต์แบบนี้ตั้งแต่แรก กูก็คงไม่อยากจะคิดลองทำ...นี่ไง มันก็พิสูจน์ในสิ่งที่มึงอยากทำ มึงอยากลองแล้วไง คนดูจะได้เชื่อ มึงไม่โอเคเหรอ...// ผมได้แต่นิ่งเงียบกับคำพูดของปิ่น มันแทงใจดำผมมาก เพราะมันจริงทุกอย่าง ผมตั้งใจอยากจะทำออกมาให้มันดัง ให้มีคนสนใจ แต่ผมก็ไม่คิดว่า เพื่อนหรือนักแสดงของผมจะเล่นไสยศาตร์และมันได้ผลจริง ๆ ผมถามย้ำกับปิ่น ว่าสิ่งที่ผมหามามันไม่น่าจะได้ผลขนาดนั้น ปิ่นที่เป็นคนตรง ๆ ก็บอกกับผมอีกว่า สิ่งที่ผมบอกมันเหมือนเป็นความคิดเริ่มต้นให้กับมัน และมันก็หามาทำเองอีก จนได้ผลมาถึงตอนนี้และมันก็ไม่อยากจะให้ทุกอย่างต้องพังลงเพียงเพราะผมรู้ความจริงแล้ว //...กูจะพาไอ้ทอยไปแก้ของ แล้วมึงก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกกูอีก!...// ผมพูดเสียงดังออกไปด้วยความโมโห เพราะความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวของปิ่นที่บอกออกมาโดยที่ไม่มีสำนึกอะไรเลย //...ถ้ามึงพามันไป มึง ไอ้ต้น แม้แต่อีฝน ก็อย่าได้คิดว่าจะอยู่เป็นสุข!!...// ในตอนนั้นผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของเพื่อนที่ผมรู้สึกสนิทและไว้ใจมากคนหนึ่ง ผมไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งของเหล่านี้เมื่อเข้าไปพัวพันแล้วจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
หลังจากวันนั้น ผมก็กลับมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไอ้ต้นฟัง รวมถึงเล่าให้พ่อกับแม่ผมฟังด้วย ไอ้ต้นก็จัดการบอกน้องฝน น้องสาวของตัวเอง และเล่าทุกอย่างถึงแม้มันจะสร้างความเสียใจให้กับน้องฝนแต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้ถูกหลอกไปเรื่อย ๆ พ่อกับแม่ก็บอกให้ถอยห่างและอย่าเข้าไปยุ่ง เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ควรพาตัวเองเข้าไปยุ่งกับอะไรแบบนี้ สุดท้ายสิ่งที่ผมหวังไว้ มันก็ไม่สำเร็จครับ ไม่ได้มีการปล่อยคลิปออกไป และผมก็ล้มเลิกความตั้งใจไป ลบช่องและคิดหาทางอื่น หาอาชีพที่อื่นที่คิดว่าตัวเองพอจะทำได้แทน เรื่องของผมจริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้สยองขวัญมากมายเท่าไรนัก แต่ที่ผมอยากบอกมันคือเรื่องความน่ากลัวของจิตใจมนุษย์มากกว่าครับ ที่เราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าจริง ๆ แล้วใครคิดอะไร ยังไง เราจะได้รู้ก็ต่อเมื่อเขายอมเผยธาตุแท้ออกมาเอง และค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จากสิ่งที่เราโดนกระทำ จนเรียนจบมาถึงตอนนี้ เชื่อไหมครับว่า ไม่กี่วันก่อนผมพึ่งจะได้เจอกับปิ่นและไอ้ทอยเองครับ แต่ว่า ไอ้ทอยมันมาในสภาพของดวงวิญญาณที่ตามติดปิ่นไม่ยอมไปไหน แม้แต่ในตอนที่สวดอภิธรรมศพของตัวมันเอง ผมก็ยังเห็นไอ้ทอยนั่งและตามติดปิ่นไม่ยอมไปไหนไกล แม้ตัวจะจากไปแล้ว แต่จิตที่ยังหวงหา โหยหา ก็ยังอยู่ เพราะถูกผูกบ่วงกลายเป็นพันธะต่อกันเอาไว้ ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟัง และคิดว่ามันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องเผชิญ กรรมใคร กรรมมันนั่นเองครับ ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของผม สวัสดีครับ