อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 9 ลองดี

อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 9 ลองดี

อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 9 ลองดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พบกับ 4 เรื่องสยอง กับความมืดมนที่จะทำให้คุณกลัวคนมากกว่าผี “อาทิตย์อัสดง” ซีรีส์สยองขวัญเรื่องแรกจาก WeTV ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น. ทาง #WeTVth เท่านั้น เรื่องเล่าสยองขวัญจากทางบ้าน
กดติดตามและกดรูปกระดิ่งเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

 

สวัสดีครับ เคยได้ยินที่เขาว่ากันว่า คนเราไม่เชื่อ ทำให้ตายยังไงมันก็ไม่เชื่อ ไหมครับ ผมเองก็เข้าใจดีว่ามีอีกหลายคนที่คิดว่าเรื่องผี วิญญาณหรือคิดว่าความตายเป็นเรื่องสนุก เรื่องที่เอามาล้อเล่น เรื่องที่เอามาทำให้มันกลายเป็นเรื่องตลกได้ แต่ในความเป็นจริง มันกลับตรงกันข้ามนะครับ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาทำเป็นล้อเล่น เรื่องตลกอะไรเลย ผมชื่อ เบส นะครับ เรื่องที่ผมจะเล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ เป้ เพื่อนของผมเองครับ ผมอยากให้เรื่องนี้ที่ผมจะเล่า เป็นเรื่องที่เตือนใจและให้สติกับใครหลาย ๆ คนนะครับ 

ผมกับเป้เป็นเพื่อนกันมานานครับ ตั้งแต่สมัยมัธยมและมหาวิทยาลัย ถึงแม้จบออกมาเราจะทำงานคนละที่ แต่ความสนิทสนมของเราสองคนก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยครับ ถ้าเรียกแบบสมัยก่อนก็คงจะเรียกว่า ผมกับมันเป็นเกลอกันเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะสนิทกันมาก ๆ รู้ใจกัน ชนิดที่ว่าความลับอะไรก็รู้ของกันและกันหมด นิสัยของผมกับเป้ก็ต่างกันมากพอสมควรครับ เพราะผมเป็นคนที่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยอะไรกับสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคนเงียบ ๆ ก็น่าจะได้ครับ ต่างกับเป้ที่มันเป็นคนพูดมาก และห่าม ๆ กล้าทำไปซะทุกอย่าง ตรงข้ามกับผมที่พยายามจะให้ตัวเองอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยของตัวเองหรือเซฟโซนอยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนเป้มันจะติดผมมากกว่าผมติดมันซะอีกครับ ตอนที่แยกกันอยู่คนละห้อง เพราะเราทำงานกันคนละที่และค่อนข้างจะไกลจากหอพักที่เราอยู่กันเมื่อก่อน ผมที่แยกออกมาแล้วก็ซื้อคอนโดเอง และใช้ชีวิตแบบคนเมืองเต็มรูปแบบ ก็ต้องรู้สึกลังเลใจที่อยากจะขายคอนโดไป เพราะที่คอนโดของผมนั้นมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตในคอนโดที่ผมอาศัยอยู่ครับ สาเหตุการตายผมขอไม่เล่าถึงนะครับ แต่มันก็ทำให้หลาย ๆ คนที่อยู่ชั้นเดียวกับผมพากันทยอยย้ายออกไป แม้แต่ห้องที่อยู่ไกลกว่าห้องของผมก็ยังย้ายออกไปครับ ส่วนผมเองก็อยู่ห่างและเยื้องจากห้องที่เกิดเหตุเพียงแค่สองห้องเองครับ เย็นวันที่เกิดเรื่องผมก็โทรไปเล่าเรื่องนี้ให้เป้มันฟัง ซึ่งดูมันจะสนใจมาก ๆ //...เฮ้ย คืนนี้กูไปนอนห้องมึงดีกว่า...// ... //...จะมาทำไม มึงก็รู้เขาไม่ให้คนนอกเข้าออกตอนนี้...// ผมพยายามที่จะปฎิเสธออกไป แต่มันก็พยายามตื้อและบอกให้ผมบอกกับ รปภ.หรือคนดูแลว่า มันเป็นญาติและมีเรื่องจำเป็นที่จะต้องมานอนที่นี่ ซึ่งจริง ๆ มันก็กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ เลยครับ เพราะ รปภ. เห็นเป้มันมาบ่อย ก็เลยไม่ติดอะไร พอขึ้นมาถึงชั้นที่ผมอยู่ เป้มันก็เดินตรงไปที่ห้องที่ติดป้ายและสัญลักษณ์ห้ามเข้าไว้ทันทีเลยครับ //...ห้องนี้เหรอว่ะ อยู่ใกล้ห้องมึงมากเลยว่ะ...// ... //...มึงจะมานอนก็มานอนเฉย ๆ ไม่ต้องคิดจะทำอะไรแผลง ๆ กูไม่อยากมีปัญหา...// ... //...เฮ้ย ก็ถ้ามึงไม่ไปบอก ไม่มีใครไปฟ้อง ไม่มีใครเห็น กูว่ามึงก็ไม่มีปัญหาหรอก...// เป้พูดจบผมก็ชี้นิ้วไปที่เพดานให้มันลองดูกล้องวงจรปิดที่มองเห็นทั่วทางเดินทั้งชั้น แต่มันก็ทำท่าทางไม่สนใจ //...สวยไหมว่ะ...// เป้มันถามผม ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ก็เลยถามมันกลับออกไปว่า มันพูดถึงอะไร //...เอ๊า ก็ผู้หญิงคนที่ตายไง สวยไหม มึงเคยเจอรึเปล่า...// ... //...ไอ้เป้ มึงพูดอะไรให้เกียรติคนตายบ้างสิว่ะ...// ... //...มึงก็คิดมากไป กูก็แค่อยากรู้ ถ้าสวยก็น่าเสียดายแย่เลย ยังไม่ทันได้กูเป็นผัวก็มาตายซะแล้ว...// ผมตกใจกับสิ่งที่เป้พูดเป็นอย่างมาก ก่อนจะต่อว่ามันไปเสียยกใหญ่ มันเองก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร กลับหัวเราะเยาะเย้ยที่ทำให้ผมหัวร้อนได้ ผมบอกให้มันรีบเข้าไปในห้องพร้อมกัน แต่มันก็หันมามอง ทำท่าไม่สนใจ ก่อนจะหันไปมองที่ประตูนั้น และพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยิน ผมหงุดหงิดที่เป้มันทำพฤติกรรมไม่ดี และกลัวว่าจะมีใครมาเห็นก็เลยเข้าห้องไปก่อน ไม่นานไม่ถึงห้านาทีเป้มันก็เดินเข้ามา ผมบอกให้มันล็อคประตูให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งมันก็จัดการล็อคประตูเรียบร้อยและมานั่งที่โซฟาในห้องผม ส่วนผมเองก็นั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะทำงานที่ผมจัดไว้ใกล้ ๆ โซฟา มันดูทีวีไป หัวเราะไปสนุกสนาน และชวนผมคุยเป็นระยะ ๆ ถึงผมจะหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็ดีที่มันมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงเวลาที่มีคนตายในพื้นที่ที่เราอยู่แบบนี้ จนกระทั่งห้าทุ่มกว่า ๆ มันก็บอกกับผมว่ามันเริ่มง่วงแล้ว จะขอนอนก่อน ผมก็โอเคให้มันเข้าห้องไปนอนก่อน เพราะผมต้องทำงานต่ออีก เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืนครึ่ง //...เบส...// เสียงของเป้ทักผมขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมตกใจสะดุ้งตัวเกือบตกเก้าอี้ ผมหันไปมองเป้ที่มายืนอยู่ข้างหลังผม สีหน้าของมันดูแปลก ๆ //...เป็นอะไรว่ะ มึงพึ่งนอนไปเอง นอนไม่หลับเหรอ...// ... //...มึงจะนอนตอนไหน ไปนอนเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ...//  ผมมองหน้ามันแล้ว ก็ดูนาฬิการในคอมพิวเตอร์ ก็เห็นว่าดึกมากแล้ว ก็เลยปิดคอมและเข้าไปนอนพร้อม ๆ กับมันครับ ซึ่งทั้งคืนนั้นผมก็หลับสนิทดี ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ดีหรือน่ากลัวเกิดขึ้นเลย

ผมตื่นเช้าขึ้นมา ตามเสียงนาฬิกาปลุก ก็ไม่เห็นว่าเป้มันอยู่แล้ว และมันออกไปตอนไหนผมก็ไม่รู้ เพราะมันไม่ได้บอกหรือปลุกผมเลย ผมอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานแล้ว ก็โทรหามัน อยากจะรู้ว่าออกไปตอนไหน แต่มันก็ไม่ยอมรับสาย และผมก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย จนสัปดาห์กว่า ๆ ผมเริ่มสงสัยว่ามันน่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น เพราะมันไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ และไม่ว่าจะมีเรื่องเครียดอะไรยังไง มันก็เงียบไปไม่เกินสองสามวัน มันก็จะติดต่อกลับมา ด้วยความที่เป็นห่วงกลัวว่ามันจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ของเป้ครับ ครั้งแรกแม่ของเป้ไม่รับสาย จนครั้งที่สองช่วงเย็นที่ผมโทรไปแม่ของเป้ก็รับสาย แล้วผมก็ได้ยินเสียงของเป้โวยวายลอดออกมาเป็นระยะ ๆ ดูเหมือนกับว่าทางนั้นจะค่อนข้างวุ่นวายมาก //...เบส พรุ่งนี้ว่างไหม แวะมาหน่อยนะ แม่กำลังจะโทรหาพอดี แวะมานะ...// เสียงแม่ของเป้สั่นมาก ๆ ตอนที่คุยกับผมและขอร้องให้ผมแวะไปที่บ้านซึ่งอยู่ในเขตปริมณฑลที่ค่อนข้างไกลจากที่ผมอยู่พอสมควร แต่เพราะผมยังติดงานและไม่ใช่ช่วงเสาร์อาทิตย์ผมก็เลยยังไปไม่ได้ แม่ของเป้ก็โทรตามผมบ่อย แต่ก็ไม่ยอมบอกเวลาที่ผมถามว่ามีเรื่องอะไร บอกแต่ว่า อยากให้มาดูเอง จนในที่สุดผมที่เคลียร์งานได้ในเย็นวันศุกร์ก็รีบเดินทางไปหาเป้ที่บ้านมันทันทีเลยครับ พอผมไปถึงสิ่งที่ผมเห็นก็คือ พี่ชายและแม่ของเป้ กำลังช่วยกันจับเป้ที่มีอาการโหวกเหวกโวยวายและตะโกนลั่นบ้าน ผมเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเข้าไปช่วย พอเป้เห็นผมจู่ ๆ มันนิ่งและร้องไห้ออกมา มันร้องไห้เกาะขาผมพร้อมกับพูดขอโทษไม่ยอมหยุด //...ขอโทษ ขอโทษ กูขอโทษ กูขอโทษ ขอโทษ...// สภาพของเป้ในตอนนี้ดูไม่ใช่เป้ที่ผมเคยรู้จักเลย มันเปลี่ยนไปและดูเหมือนไม่ใช่คนปกติทั่วไปอีกแล้ว เป้มันร้องไห้พูดขอโทษกับผมไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายพี่ชายของมันก็ขอให้ผมพามันเข้าไปในบ้าน เพราะดูเหมือนว่า มันจะสงบลงกว่าหลายวันที่ผ่านมาเมื่อเห็นผม ผมพาเป้กลับเข้าไปในห้องนอนของมัน แม่ของเป้ก็บอกให้ผมช่วยบอกให้มันกินยา ซึ่งมันก็ทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย ไม่นานประมาณสิบกว่านาที เป้มันก็สงบและหลับไป ผมรีบถามพี่ปอนด์พี่ชายของเป้และแม่ของเป้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทั้งสองคนดูท่าทางเครียดมาก ๆ เหมือนคนไม่ได้หลับ และคนที่เล่าให้ผมฟังก็คือพี่ปอนด์ครับ พี่ปอนด์เล่าว่า

ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ ซึ่งมันก็คือช่วงวันสุดท้ายที่มันไปนอนที่คอนโดของผม จู่ ๆ ที่ทำงานของมันก็โทรไปพี่ปอนด์และบอกว่า เป้มันมีอาการแปลก ๆ มองคนอื่นตาขวาง และหวาดระแวง จนอาการเริ่มหนักมากขึ้น ไปทำงานไม่ได้ พี่ปอนด์ก็เลยพากลับมาอยู่ที่บ้านก่อน แต่พอกลับมาอยู่ที่บ้าน เป้มันก็เป็นหนักมากขึ้น บอกว่าไม่อยากนอนหลับ ไม่อยากนอน ไม่อยากหลับตา กลัวความมืด ไม่ชอบอยู่คนเดียว จนแม่และพี่ปอนด์ต้องผลัดกันมาดูแล พาไปหาหมอแล้ว ก็ไม่ได้เรื่องอะไรกลับมา มีแต่ยาระงับประสาทและยานอนหลับมาให้ ผมเลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องที่เป้มันไปนอนที่คอนโดผมให้พี่ปอนด์และแม่ของเป้ฟัง //...มันไปพูดอะไรไว้ นอกจากนั้นอีกไหม...// ... //...ผมก็ไม่รู้เลยครับ แต่ที่รู้ ๆ มันก็พูดไม่ดีแค่นั้น ผมไม่รู้ว่ามันไปท้าทายอะไรไหม...// พี่ปอนด์และแม่ของเป้มีสีหน้าไม่ดีเท่าไร เลยบอกกับผมว่า อยากจะให้ผมอยู่ด้วย ตอนที่พาหมอ ซึ่งหมอในที่นี่ก็หมายถึงคนที่มีวิชาเกี่ยวพวกผีวิญญาณมาดูอาการของเป้นี่แหละครับ คืนนั้นผมก็เลยได้นอนที่บ้านของเป้ โดยที่ไม่ทันได้เตรียมอะไรมาเลย และมันเป็นคืนที่ทำให้ผมได้รู้ความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำที่เป้มันหลับไป มันก็หลับยาวเลยครับ จนสี่ทุ่มที่ผมเข้ามานอนในห้องกับมันมันก็ยังไม่ตื่น พี่ปอนด์ก็บอกกับผมว่า โชคดีที่เป้มันได้กินยาและหลับไปบ้าง คืนนี้พี่ปอนด์กับแม่ก็พอจะได้พักผ่อนกันบ้าง //...เดี๋ยวยังไงผมจะช่วยดูมันให้ พี่ปอนด์กับแม่พักเลยครับ...// ผมรับปากออกไปในตอนที่แยกย้ายกันเข้านอน เป้มันหลับสนิทนอนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน แม้แต่ตอนที่ผมปิดไฟและขึ้นเตียงไปนอนข้าง ๆ มัน ผมมองมันในความมืด ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อย ๆ แต่จู่ ๆ ผมก็เห็นเหมือนหัวของใครค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากข้าง ๆ เตียงฝั่งทางเป้ และมองตรงมาที่ผม ผมรีบขยับตัวลุกขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาส่องแต่ก็ไม่เห็นอะไร ผมปิดไฟมือถือ นั่งสวดมนต์ และรีบห่มผ้านอนเลยครับ เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ ช่วงกลางดึก ผมรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับสนิทสักเท่าไร มันกระสับกระส่ายไปหมด และผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือผมเห็นเป้มันกำลังนั่งยอง ๆ และโน้มหน้าลงมามองที่ผม ผมรีบขยับตัวหนีมันทันที //...มึงเป็นอะไร...// เป้มันขยับตัว เงยหน้ามองผมที่ขยับตัวหนี ผมรีบลุกจากเตียงกำลังจะเดินไปเปิดไฟในห้องนอนของมัน //...มึงเป็นใคร มึงจะมาเอาคนของกูไปอยู่กับมึงใช่ไหม...// ผมหันไปมองเป้ในความมืด ก็เห็นว่ามันเดินแบบนั่งยอง ๆ กระโดดลงจากเตียงมา ซึ่งคนปกติไม่น่าจะทำได้ ผมรีบหันไปเปิดไฟ แต่พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป้มันยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงแบบเดิม ผมขนลุกขึ้นมาทันทีเลยครับ เริ่มแน่ใจแล้วว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ ผมเลยตัดสินใจที่จะเปิดไฟทิ้งไว้ และกลับไปนอนข้าง ๆ มันเหมือนเดิม แต่คราวนี้ผมเลือกที่จะหันหลังให้มันครับ //...เบส...เบส...เบส...// เสียงเรียกของเป้ปลุกให้ผมตื่นจากอาการสะลึมสะลือที่ใกล้จะหลับ ผมพลิกตัวหันไปหามัน ค่อย ๆ ลืมตามองไปที่เป้ ก่อนที่ผมจะต้องสะดุ้งตัวสุดขีด เพราะสิ่งที่ผมเห็นนั้นคือ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนทับอยู่บนร่างเป้ เธอนอนในลักษณะที่ตัวนาบไปกับเป้ แม้แต่ใบหน้าก็นาบกันไป เป้มันร้องเรียกผมด้วยเสียงที่ไม่ชัดมากนัก อยู่เรื่อย ๆ ส่วนผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้สติอะไรแล้วครับ รีบวิ่งออกมาจากห้องนอนของมันทันที ผมยกมือพนมขึ้น รีบสวดมนต์ในบทที่ตัวเองจำได้ ถึงแม้ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม และคืนนั้นทั้งคืน ผมนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านเป้ทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะหลับหรือกลับเข้าไปในห้องของมันเลยครับ เพราะขนาดว่าผมเปิดไฟให้สว่างจ้า ยังเห็นชัดเจนขนาดนั้นเลย ถ้าอยู่ต่อไม่รู้ว่าผมจะเห็นอะไรอีก จนเวลาประมาณตีห้ากว่า ๆ แม่ของเป้ก็เดินลงมาจากชั้นสอง ผมรีบเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ของเป้ฟัง ซึ่งพอเช้า หมอที่แม่เป้นัดไว้ก็มาถึงพอดี ในตอนนั้นพอพวกเราทุกคนเข้าไปหามัน เป้มันก็ยังหลับอยู่เลยครับ แตกต่างจากเมื่อคืนตอนที่ผมเจอ //...ไปบอกอะไร ไปพูดอะไรไว้ เขาก็มาให้ตามคำขอ จะให้ทำยังไงละทีนี้...// หมอคนนั้นพูดขึ้นหลังจากที่ทำพิธีอะไรสักอย่าง พี่ปอนด์และแม่ของเป้หน้าเสียไม่ต่างจากผมเลยครับ //...มันบอกว่า ถ้ากูมีจริง ให้กูมาอยู่กับมัน มันจะเอากูทำเมีย!!...// (เสียงผี) จู่ ๆ เป้ที่นอนหลับอยู่ก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับพูดในสิ่งที่ผมและคนอื่น ๆ ไม่รู้ แม่ของเป้ร้องไห้ออกมา พี่ปอนด์ก็ปลอบ ส่วนผมเองก็ได้แต่อึ้ง ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร //...จะเอาไปให้ได้เลยใช่ไหม ขอดี ๆ จะให้คืนไหม...// หมอคนนั้นถามออกไป แต่ไม่มีการตอบรับอะไร เป้เอนตัวลงไปนอนอีกครั้ง คราวนี้มันลืมตาตื่นและกลับมาโหวกเหวกโวยวายอาละวาดอีกรอบ //...ไม่ ไม่เอา กูขอโทษ ขอโทษ กูไม่เอา กูไม่ กูไม่เอา ขอโทษ กูไม่เอา ไม่อยากได้ ไม่เอา...// (เสียงโวยวาย) ผมที่ได้เห็นสภาพของเป้แล้ว ก็ได้แต่รู้สึกเวทนามันครับ เพราะหมอที่พามา เขาบอกว่าไม่อยากจะแก้ให้ เพราะมันหาเรื่องของมันเอง หากรรมมาใส่ตัวเองเอง ถ้าเขาช่วย เขาพยายามไปแก้ เขาเองก็อาจจะเดือดร้อนได้ เพราะวิญญาณนั้นไปอย่างไม่สงบ และยังไม่ถึงคราวตาย แต่ตายเพราะคนอื่นกระทำให้ตาย 

หลังจากที่รู้อย่างนี้แล้ว ครอบครัวของเป้ทีมีกันอยู่แค่สามคน  ก็พาเป้ไปหาหมอทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางไสยศาสตร์ แต่ทำยังไงก็ไม่หายครับ ทุกวันนี้มันยังคงเป็นเหมือนเดิม และสภาพร่างกายก็สูบผอมลงไปเรื่อย ๆ ป่วยและมีอาการเหมือนจะไม่รอดเข้าไปทุกวัน ผมที่นำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะให้เป็นเรื่องเตือนใจสำหรับคนที่คิดอยากลองดี หรือ ท้าทายปากดีไปเรื่อยนะครับ ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงแล้ว ไม่มีทางแก้อย่างกรณีของเป้มัน คุณจะต้องทรมานไปตลอดชีวิต ยังไงเสียก็อยากจะให้มีสติกันทุก ๆ คนครับ สำหรับใครที่พอจะรู้จักหมอหรือคนที่มีวิชาเก่ง ๆ แนะนำกันมาบ้างก็ได้นะครับ ผมจะเข้าไปอ่านในวันที่เรื่องนี้ได้ถูกนำไปเล่าครับ รบกวนทีมงานช่องเล่าเรื่องผีด้วยนะครับ ขอบคุณทุก ๆ คนมาก ที่รับฟังเรื่องราวของผม มันน่ากลัวและน่าเศร้าจริง ๆ ครับ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook