อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 13 เวรกรรม

อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 13 เวรกรรม

อาทิตย์อัสดง x เล่าเรื่องผี GHOST STORIES EP. 13 เวรกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พบกับ 4 เรื่องสยอง กับความมืดมนที่จะทำให้คุณกลัวคนมากกว่าผี “อาทิตย์อัสดง” ซีรีส์สยองขวัญเรื่องแรกจาก WeTV ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น. ทาง #WeTVth เท่านั้น เรื่องเล่าสยองขวัญจากทางบ้าน
กดติดตามและกดรูปกระดิ่งเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

 

เวรกรรมมีจริง....คำพูดที่ใครต่อใครหลายคนพูดบอกกับคนที่คิดจะทำบาป คิดจะทำแต่สิ่งไม่ดี ให้ระวังเอาไว้ว่า เวรกรรม มันจะตามทัน ว่า กรรมชั่วที่เราทำมันจะสนองคืน ผมเชื่อนะครับว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ สวัสดีครับ ผมชื่อ นพ นะครับ ปัจจุบันนี้ ผมไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนกับเมื่อประมาณช่วง 7-8 ปีก่อน เพราะชีวิตของผมมันพลิกผันและเปลี่ยนแปลงไปจากเวรกรรมที่ผมไปด้วยความเห็นแก่ตัว และเห็นแก่ได้นั้นเองครับ 

ก่อนหน้านี้ผมทำงานเป็นเซลครับ ต้องวิ่งรถขายงานอยู่บ่อย ๆ ขายได้บ้างไม่ได้บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พอผมเริ่มจับทางได้ ผมก็สร้างรายได้ให้ตัวเองได้มากขึ้นเรื่อย ๆ มากเสียจนผมเริ่มตั้งตัว และได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นของสาขาที่ตัวเองทำงานอยู่ ในตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมสนุกกับการทำงานและการใช้ชีวิตมาก ๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีขนาดนี้ และคงต้องยอมรับว่า เงิน นั้นมีอิทธิพลกับผมมาก ๆ ในตอนนั้น ในช่วงก่อนสิ้นปีนั้นแค่ไม่กี่เดือน มีการประกาศเรื่องการปรับเลื่อนขั้นตำแหน่งจากผลงานยอดขายที่ทำได้ ซึ่งมีผม และ เอ รุ่นน้องที่ทำงานอีกคนหนึ่งที่ไฟแรงไม่แแพ้กัน ถูกเรียกหัวหน้าให้เข้าไปคุย ว่าถ้าใครทำผลงานได้ดีในเดือนนี้ ก็จะเสนอชื่อให้ที่สาขาใหญ่พิจารณาขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดในปีถัดไป ผมเองก็อยากจะมีฐานะมากกว่านี้ เลยพยายามขายงานและเดินทางไปแทบจะทุกที่ที่คิดว่าจะขายงานได้ แต่ปรากฎว่าครึ่งเดือนผ่านไปแล้วยอดขายของผมแม้ว่าจะมีลูกค้าจำนวนมาก แต่ยอดก็ไม่ได้สูงเท่ากับลูกค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้าที่เอไปขายมาได้ //...แบบนี้จะเพิ่มยอดทันเหรอนพ...// พี่นน ผู้จัดการสาขาที่ผมทำงานอยู่ เรียกผมเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว เพราะจริง ๆ แล้ว พี่นน แกก็แอบเชียร์ผมและคอยส่งลูกค้าให้ผมอยู่ตลอด //...จะพยายามให้ทันครับ...// ... //...แค่พยายามไม่ได้นะนพ ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้น พี่คงเสนอชื่อนพไปไม่ได้นะ ถ้ามีคนที่พร้อมมากกว่า...// ประโยคที่พี่นนพูดกับผม มันทำให้ผมรู้สึกกดดันมาก ๆ และอยากจะคว้าโอกาสที่ตัวเองได้มาไว้ให้ได้ โดยที่ไม่สนว่าวิธีที่ตัวเองทำมันจะทำร้ายใคร ขอแค่ให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมถึงเป็นแบบนั้น ความโลภมันบังตาผมมาก ไหนจะเรื่องตำแหน่งที่สูงขึ้น ฐานะทางสังคมที่เริ่มถลำลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องเงินที่ผมเริ่มจะฟุ่มเฟือยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะคิดว่าตัวเองหาเงินได้มากพอ ผมเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป ผมแอบดูเอกสารที่โต๊ะของเอ ในตอนที่ทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว ก็เห็นว่ามีลูกค้ารายใหญ่อยู่เจ้าหนึ่งที่ผมเคยขายให้ และค่อนข้างที่จะสนิทกัน แผนชั่ว ๆ ในหัวของผมมันก็เกิดขึ้นมาทันที โดยที่ไม่ต้องคิดมาก มันเหมือนกับในละครหรือในหนังไม่มีผิดที่ตัวร้ายทำทุกอย่างเพื่อเงิน และผมเองก็เป็นตัวร้ายจริง ๆ ครับ //...เอ เข้ามาพบผมด่วนเลยนะ...// สองวันหลังจากคืนนั้น พี่เอก็เดินเข้ามาที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด และเรียกเอที่กำลังนั่งทำงานอยู่เข้าไปพบ ผมเองก็มองดูอยู่ห่าง ๆ รับรู้ได้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ไม่ต่างกับคนในออฟฟิศคนอื่น ๆ ผ่านไปราว ๆ เกือบชั่วโมง เอก็เดินออกมาจากห้องของพี่นนด้วยสีหน้าที่ไม่ดี //...นพ เข้ามาหาพี่หน่อย...// ผมลุกขึ้นไปตามเสียงตะโกนเรียกของพี่นน หันไปมองเอที่มองตรงมาที่ผม สายตาของเอ มันทำให้รับรู้ได้ว่า เขาโกรธมากแค่ไหน //...เดี๋ยวพี่จะให้เจนทำเอกสารให้นะ แล้วเดี๋ยวพี่จะเซ็นให้ นพก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ละกัน...// ... //...ผมถูกเสนอชื่อเหรอครับ...// ถึงแม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ถามเพื่อความมั่นใจอีกรอบ ผมทั้งตื่นเต้น ดีใจ และไม่ได้คิดเลยว่า จะเล่นแรงจนทำให้ เอ ถูกไล่ออก และโดนตั้งข้อหาฉ้อโกง //...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่า ไอ้เอ มันยักยอกเงินไปเยอะขนาดนั้น...// ไอ้แฟ้มเพื่อนผมที่ทำงานพูดถึง เอ ตอนที่ออกไปกินข้าวพักเที่ยงด้วยกัน ผมก็ได้แต่นั่งเงียบ ฟังมันพูดกับเพื่อนคนอื่น ๆ ไป และรู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจ ว่า ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมเปลี่ยนตัวเลข และเข้าไปคุยกับลูกค้าใหม่อีกครั้งเรื่องยอดที่เสนอไป เมื่อลูกค้าตอบตกลงและโทรไปคุยกับพี่นนใหม่ เลยทำให้ทุกอย่างที่ เอ เสนอไป เป็นตัวแรกที่ไม่ตรงกันตั้งแต่แรก //...ใครทำอะไรไว้ ก็ได้อย่างนั้นแหละ...// วันนั้นผมพูดปิดท้ายออกไป โดยที่ไม่ทันคิดเลยว่าจริง ๆ แล้ว ผมต่างหากที่เป็นคนทำทุกอย่าง

หลังจากที่ เอ ออกจากที่ทำงานได้ไม่นาน เช้าของวันจันทร์ในสัปดาห์ต่อมาหลังจากที่ผมถูกเสนอชื่อ ข่าวร้ายก็เกิดขึ้นครับ //...เฮ้ย ไอ้เอมันผูกคอตายว่ะ...// ทุกคนในที่ทำงานพากันตกใจและอึ้งพอ ๆ กับผม ที่ไม่คิดว่า เอ จะคิดสั้นแบบนั้น //...จริงเหรอวะ ไอ้แฟ้ม มึงรู้ได้ยังไง...// ... //...ก็น้องเนย แฟนมันโทรมาบอกกู เห็นว่ามันมีแม่ที่อยู่ที่โรงพยาบาลด้วย แม่ง น่าสงสารว่ะ...// เบื้องหลังชีวิตของคนอื่น บางทีเราก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่าง เหมือนที่ผมก็พึ่งจะรู้ว่า เอ มีภาระที่ต้องดูแลแม่ที่ป่วยจากโรคมะเร็ง ผมเริ่มรู้สึกอัดอึดและพะอืดพะอม พูดไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ และเริ่มสำนึกได้ว่า ตัวเองทำอะไรลงไป ในวันเดียวกันนั้น ก็มีประกาศจากสาขาใหญ่ออกมาว่าให้ผมไปประจำการที่สาขาใหม่ในฐานะของผู้จัดการ //...กูละเชื่อเลย ชีวิตมึงพุ่งเอา พุ่งเอา ต่างกับไอ้เอแม่งพุ่งได้แปปเดียว...// ... //...อย่าพูดถึงคนตายเลย...// ผมพยายามพูดกับไอ้แฟ้มที่เข้ามายืนคุยกับผมในห้องครัวของออฟฟิศหลังจากที่ประกาศออกมา วันนั้นพี่นนจะขอเลี้ยงฉลองให้กับผมที่ต้องย้ายไปในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า แต่ผมก็ขอให้เป็นวันหลัง ก่อนจะขอตัวรีบกลับ เพราะรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมออกมาจากออฟฟิศและเดินทางกลับบ้าน ตลอดทางผมเอาแต่คิดเรื่องของ เอ รุ่นน้องที่ผมทำลายชีวิตของเขาไปโดยที่ผมไม่รู้ว่า มันจะร้ายแรงมากขนาดนี้ แต่กรรมมันคงตามทันจริง ๆ ใครทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น ผมออกรถตามไฟเขียวที่แสดงสัญญา แต่ดันมีรถอีกคันที่ฝ่าไฟแดงออกมา ชนผม ทำให้ผมประสบอุบัติเหตุที่หนักที่สุดในชีวิต ผมจำความรู้สึกตอนที่รอให้คนมาช่วยในซากรถที่เละเทะได้ ว่า มันรู้สึกหายใจไม่ออกแค่ไหน มันคงเหมือนความรู้สึกเดียวกับตอนที่ เอ มันผูกคอตาย แต่ต่างจากผมเศษซากรถ มากดค้ำคอเอาไว้ จนเกือบจะสิ้นลม แต่ก็มีคนเข้ามาช่วยไว้ได้ก่อน และมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ผมสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง แต่ก็ยังพยายามคิดในแง่ดี ว่า ยังเลือกอีกข้าง ส่วนหลอดเสียงของผมก็เสียหาย ได้รับบาดเจ็บ จนกลายเป็นคนพูดเสียงแหบ และเป็นเรื่องที่แย่ที่น้ำเสียงของผมกลายเป็นแบบนี้ การทำงานของผมคือการพูดโน้มน้าวและทำให้คนเชื่อใจ มันเลยส่งผลร้ายกับงานอย่างมาก สุดท้ายเมื่อผมทำงาน ทำกำไรให้บริษัทไม่ได้ ก็ถูกเชิญออก ต้องบอกเลยครับว่า มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือที่มืดมิดดำสนิทจริง ๆ และสุขภาพจิตของผมก็เสียลงเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่ผมต้องเผชิญไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกายที่ต้องสูญเสีย แต่เพราะผมเห็น เอ ตามติดผมไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในตอนที่ผมตื่น หรือ แม้แต่ตอนที่ผมนอนหลับและฝันไป //...เอาชีวิตกูคืนมา เอาชีวิตกูคืนมา!!!...// ผมจะสะดุ้งตื่นทุกครั้ง ที่ผมฝันเห็นเอมาบอกว่า ให้เอาชีวิตของเขาคืนไป แม้จะสำนึกผิดมาตลอด แต่บางครั้งผมก็คิดว่า ผมไม่ได้เอาชีวิตของเอไป แต่เขาตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเองต่างหาก

ออกจากงานมาไม่นาน ผมก็เริ่มที่จะหมดเงินลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ต้องขายรถ ขายคอนโดที่อยู่ เพื่อเอาเงินมาประทังชีวิต แต่เมื่อหักลบหนี้สินที่มีอยู่ก่อนแล้ว ผมก็เหลือเงินติดอยู่ในบัญชีแค่ไม่กี่หมื่น //...กูช่วยไม่ได้จริง ๆ วะ มึงไปถามคนอื่นเถอะ...// ไอ้แฟ้ม พูดกับผมในตอนที่ผมโทรไปขอยืมเงินมัน มันทำให้ผมเห็นว่าเพื่อนแท้เป็นยังไง เพื่อนกินเป็นยังไง ก็ตอนที่ผมลำบากจริง ๆ แม้แต่แฟนของผมเอง เธอก็ขอเลิก แต่ผมก็ยินดี เพราะอยากให้เธอได้ไปมีชีวิตดี ๆ บ้าง โชคดีที่ผมไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ตัวคนเดียว เป็นภาระของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ลำบากกว่าที่ผมคิดมากกับชีวิตที่ทุกทรมานแบบนี้ จนนานวันเข้าที่ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว แทบจะไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย และเมื่อผมจะเอ่ยปากพูดอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเสียงของตัวเองมันแทบจะไม่มีซะแล้ว //...อยากจะบวชไหมล่ะโยม ท่าทางจะทุกข์ใจมากนะ...// ในตอนที่ผมเดินทางไปที่วัด เพื่อทำบุญวันเกิดให้กับตัวเอง แม้จะไม่ได้ทำอะไรมาก แต่หลวงพ่อที่เดินออกมาทักก็ทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ผมพนมมือขึ้น พยักหน้ารับคำกับท่าน พูดออกไปด้วยเสียงเบา ๆ ว่า ครับ ถึงจะไม่ชัดเจน แต่รอยยิ้มของหลวงพ่อก็ทำให้ผมเหมือนได้เห็นทางสว่าง แต่มันก็ไม่ใช่ทางที่สว่างจริง ๆ แต่เพราะร่างกายและอะไรอีกหลายอย่างก็ทำให้ผมไม่สามารถที่จะบวชเป็นพระได้ ผมเลยตัดสินใจเลือกที่จะเข้ามาปฎิบัติธรรมแทน ในช่วงแรก ๆ ผมยอมรับเลยครับ ว่า มันทรมานมากกว่าที่ผมคิด จะเรียกว่าผมน้ำตาตกในเลยก็ว่าได้ ในตอนที่ผมนั่งสมาธิอยู่ ผมก็จะได้ยินเสียงของ เอ ตลอด (ให้พูดว่า เอาชีวิตกูคืนมา คลอไปด้วย) วิญญาณของเอที่ไม่ไปไหน เหมือนผูกจิตสุดท้ายไว้กับผม เหมือนรู้ว่าผมเป็นคนทำทุกอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่า เอ รู้ได้ยังไง มันตามหลอกหลอนผมไม่ยอมหยุด แทนที่ผมจะได้บุญ กลับยิ่งเหมือนโดนอาฆาต แม้จะไม่มาเห็นเป็นตัวในตอนที่อยู่ในวัด แต่ความรู้สึก และเสียงของ เอ ก็ไม่เคยไปไหน ผมไม่ยอมแพ้นะครับ ก็พยายามที่จะทำให้ได้ แต่สุดท้ายด้วยสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย ผมก็เลยต้องหยุดทำไป

สุดท้ายที่ผมทำได้ก็แค่พยายามที่จะสวดมนต์ และทำบุญเท่าที่พอมี และใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ เหมือนคนสติไม่ค่อยดี เพราะเห็นภาพหลอนของคนที่ผมทำผิดด้วยอยู่ตลอด ในตอนนี้ผมก็รับล๊อตเตอร์รี่มาขายครับ จากชีวิตที่เคยสบาย ตอนนี้ผมรู้ซึ้งถึงความลำบากของคนที่มีฐานะด้อยกว่าผมในตอนนั้นมาก ๆ ตัวคนเดียวและไม่มีใคร ที่ผมส่งเข้ามาเล่า ก็เพราะเพียงแค่ว่า ผมอยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟังว่า เวรกรรม นั้น มันมีจริงนะครับ อยู่ที่ว่า มันจะสนองกรรมของเรายังไงก็เท่านั้นเอง อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องผีที่น่ากลัวมาก แต่ถ้าทุกคนต้องเห็นคนตายมาจ้องมองตอนที่คุณนอน คุณกินข้าว คุณออกไปไหนมาไหน แม้แต่ในตอนกลางวัน จะตื่นหรือนอนอยู่ ก็ต้องเจอ ผมว่า มันคงไม่ใช่ชีวิตแบบที่เราต้องการ หรือจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผมเห็น ผมจะหลอนหรือคิดไปเองเพราะรู้สึกผิดหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เตือนใจผมได้อย่างดีเลยครับ ว่า ผมต้องใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของการกระทำที่ดีต่อตัวเองและคนอื่น ยังไงเสียขอฝากเรื่องนี้ให้ทุกคนรับฟังเพื่อความบันเทิง และเป็นข้อคิดให้ทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตทั้งตัวเราเองและคนอื่น ๆ ด้วยนะครับ ขอบคุณมาก ๆ ถ้าได้นำเรื่องของผมไปเล่า ขอบคุณครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook