ธรรมะล้างจิต เปลี่ยนชีวิตดีกว่าเดิม

ธรรมะล้างจิต เปลี่ยนชีวิตดีกว่าเดิม

ธรรมะล้างจิต เปลี่ยนชีวิตดีกว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นเรื่องราวของผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย จึงเกิดความมั่นใจในตัวเอง ว่าสิ่งที่ตัวเองทำ คิด หรือตัดสินใจนั้นถูกต้อง ส่งผลให้เกิดความเครียด ไม่พอใจคนรอบข้างได้ง่าย แต่เมื่อเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งใหญ่จึงพาให้เขาไปพบกับธรรมะ ที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองความคิดของเขาไปตลอด

 

ชีวิตก่อนมาปฏิบัติธรรม

ผมเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่ อายุ 45 ผมมีธุรกิจเป็นพันล้าน ชีวิตผมเนี่ย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีครบหมด มีปาร์ตี้เกือบทุกวัน อะไรที่ ที่เรียกว่าทางโลกมันมีเนี่ย ผมมีครบ มีเกิน 200% จนท่วมท้นไปหมด แต่ความสุขแบบนั้นเนี่ย มันอยู่กับเราไม่นาน

 

แล้วความทุกข์ก็เข้ามาเยือน

อยู่มาวันนึง ธุรกิจพันล้านผม ก็หายไปภายในหนึ่งวัน โดนโกงไป 10ปี ที่แล้วนะฮะ คนที่โกงผมก็มาฟ้องร้องผมอีกเป็นคดีอาญา ซึ่งถ้าผมสู้คดีแพ้ ผมก็ติดคุก 7ปี จากคนที่เคยเป็นผู้พิพากษา (ผู้พิพากษาสมทบ)  นั่งอยู่บนบัลลังก์กลับกลายเป็นพยานอยู่ในคอกพยานข้างล่าง คือมันเป็นบททดสอบที่ทรมานมาก เงินเป็นพันล้านหายภายในวันเดียวก็เป็นบททดสอบอีกอย่างนึง แล้วก็ต้องสู้คดีมากันอีก 10 ปี



จากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้บทเรียนชีวิต

อยากจะมาแชร์ให้ทุกคนที่ยังอยู่ในทางโลกว่า เราทำสัมมาชีพเราไปมันก็ดี แต่เงินที่หามาได้เนี่ย มันก็หมดได้เหมือนกัน มันมีได้ มันก็มีหมด แต่ทรัพย์ที่เรามาปฎิบัติธรรมเนี่ย ไม่มีใครโกงเราได้ เราหาเองเราก็ได้เอง ใครที่มีความทุกข์ ก็อยากจะให้ดูผมเป็นอุทาหรณ์ 10 ปี ที่ผมต้องทนทุกข์มาตลอดเวลา ทั้งขึ้นศาล ทั้งสูญเสียสถานะทางสังคม สูญเสียทั้งเงินเป็นพันล้าน แต่ผมก็ยังยิ้มได้อยู่ ทุกข์มันมาอยู่กับมันให้ได้ แล้วมันก็จะผ่านไป

 

หลังจากได้เข้ามาทางธรรม มีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม

ที่แน่ๆ นะ ตอนนี้ผมเลิกเหล้าแล้ว เพราะปกติผมจะดื่มไวน์ครึ่งขวดก่อนนอนทุกคืน แล้วอยู่ๆ มันก็ไม่อยากดื่ม ทั้งที่มีไวน์ค้างอยู่ในตู้เย็นและทานมังสวิรัติแล้ว



ครอบครัวกลับมาอบอุ่น มีความสุข

โดยรวมของครอบครัว พอพ่อกับแม่มาปฎิบัติธรรม ลูก ๆ ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงไป เขาเห็นพ่อทำไมใจเย็นจัง ปกติพ่อจะต้องขี้วีน ขี้โมโห โวยวาย ลูกผมยังมีแกล้งแหย่พ่อเลยว่าปกติทำแบบนี้ พ่อต้องออกอาการแล้ว เอ๊ะ แต่ทำไมคราวนี้พ่อเงียบไป 

ลูกๆ ก็แปลกใจ ก็ทำในสภาพบรรยากาศในบ้านมันร่มรื่นน่าอยู่ ไม่มีใครโวยวาย ไม่มีใครทำเสียงดังตึงตัง แล้วทุกคนก็ยิ้มให้กัน คุยกันมากขึ้นครับ 

 

สติและการปล่อยวาง

ผมติดสุขเยอะแล้วก็เป็นคนที่ยัง Enjoy กับในโลก แต่ทางธรรมนี้น้อยมากแทบไม่รู้จักด้วยซ้ำไป สิ่งที่ได้มาเลยเนี่ย คือได้รู้ตัว อะไรเข้ามาสัมผัส เช่น เห็นผู้หญิงสวยๆเ นี่ย  มองไปแล้วก็ตามมองไปเรื่อยๆ เวลาเรามองผู้หญิงเราก็อ๋อ นี่คือผู้หญิง แล้วเราก็ละสายตาออกมา 



เมื่อจิตได้รับธรรมะ

ตอนที่เกิดปิติ ผมรู้สึกว่าจะต้องขอโทษครอบครัวฃเพราะว่าที่ผ่านมาเนี่ย ผมเองเป็นต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้ครอบครัวอยู่แล้วไม่มีความสุข อันเนื่องมาจากความขี้โมโหของผม ขี้หงุดหงิดของผม เอะอะอะไรก็ไปลงกับลูกและครอบครัว เพราะว่าตอนนั้นเอัตตาเราสูง เพราะว่าคิดว่าบ้านก็บ้านเรา เงินก็เงินเรา ลูกก็ลูกเรา เมียก็เมียเรา แต่ปรากฎว่าทั้งหมดนี่มันไม่ใช่ทุกอย่างมันเป็นเรื่องสมมติทั้งนั้น

 

 

หากอยากหลุดพ้นด้วยคำสอนนี้ ลองไปดูกันได้ที่ : คำสอนเมตตาเจโตวิมุตติ คือ ความเมตตาไม่มีประมาณ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook