แบบทดสอบจากญี่ปุ่น สิ่งที่เชฟโมโห บ่งบอกความดื้อในตัวคุณ

แบบทดสอบจากญี่ปุ่น สิ่งที่เชฟโมโห บ่งบอกความดื้อในตัวคุณ

แบบทดสอบจากญี่ปุ่น สิ่งที่เชฟโมโห บ่งบอกความดื้อในตัวคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ว่าคุณจะรู้จุดอ่อนและข้อด้อยของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันค่อนข้างยากที่จะแก้ไข คงจะมีหลาย ๆ ครั้งที่คุณพูดว่า “ก็รู้ แต่มันหยุดไม่ได้” ลองมาสำรวจตัวเองด้วยแบบทดสอบจากญี่ปุ่นกันค่ะ

 

เรื่องที่เชฟกำลังโมโหอยู่คือ ?

A : ช่วงนี้ลูกค้าทานอาหารเหลือบ่อย
B : มีคู่รักหลายคู่จู๋จี๋กันในที่สาธารณะ
C : พนักงานหยุดงานโดยไม่บอก
D : เด็กสมัยนี้ดุด่าไม่ได้เลย

เชฟที่กำลังโมโหอยู่หลังครัวเป็นสัญลักษณ์ของ “ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี” เรื่องที่เชฟโกรธจะสื่อถึงเรื่องที่คุณรู้ทั้งรู้ว่าไม่สมควร แต่ก็ยังทำ

 

A : ช่วงนี้ลูกค้าทานอาหารเหลือบ่อย.. อยากได้ต้องได้

ถ้าคุณต้องการจะซื้อของอะไรสักอย่าง คุณจะทนแทบไม่ได้ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยังไงก็ต้องซื้อมาเป็นของตัวเองให้ได้ ไม่ค่อยจะยับยั้งชั่งใจตัวเองจนบางครั้งก็ถึงขนาดต้องกู้หนี้ยืมสิน ราคาจะสูงแค่ไหนก็ยอมเปย์ ถึงแม้จะมีของที่คล้าย ๆ กันอยู่แล้วแต่เดี๋ยวก็อยากได้เพิ่มอีก ต้องระวังไว้หน่อยนะคะ ยิ่งปล่อยให้ความอยากมีอยากได้มาครอบงำแบบนี้นาน ๆ เข้าจะแย่เอานะ

 

B : มีคู่รักหลายคู่จู๋จี๋กันในที่สาธารณะ.. เล่นกับความรัก

คุณอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรัก เพราะถึงแม้คุณจะไปได้ดีกับคนที่กำลังคบอยู่ แต่คุณก็มักจะพยายามมองหาคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ พอคิดว่าจะตกลงปลงใจจริงจังกับใคร แต่ด้วยความที่เป็นคนหลายใจ ก็เลยยังเผลอไปมองคนอื่นอยู่ตลอด โหยหาความรักที่อันตรายแบบนี้ก็คงไม่พ้นต้องเจอแต่ประสบการณ์ความรักที่เจ็บปวดนะคะ หยุดทำร้ายตัวเองดีกว่า

 

C : พนักงานหยุดงานโดยไม่บอก.. รักสบาย

คุณเป็นคนที่พยายามได้ไม่เก่งและดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตห่างไกลจากคำว่าอดทนอดกลั้น อย่างเรื่องงาน คุณเคยพยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องรับผิดชอบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำเพราะคุณรู้สึกไม่อยากทำมั้ยคะ ? แม้จะมีสักห้วงความคิดที่เข้ามาในหัวว่าจะต้องจริงจังสักที แต่คุณก็อดคิดไม่ได้ว่าสักวันอาจจะถูกลอตเตอรี่และสุขสบายไปตลอดชีวิต ก่อนจะคิดถึงขั้นนั้น ควรหันมาใส่ใจกับความเป็นจริงก่อนดีกว่าค่ะ

 

D : เด็กสมัยนี้ดุด่าไม่ได้เลย.. เสียกำลังใจง่าย

คุณเป็นคนประเภทที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะค้างคาไว้ ถอดใจไม่ยอมทำให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วก็อ้างว่าตนเองไม่มีความสามารถพอ สภาพแวดล้อมไม่อำนวย ไอ้นั่นไม่มี ไอ้นี่ไม่พร้อม ฯลฯ กลายเป็นว่าทำอะไรก็ไม่มีความมุ่งมั่นหรือทำแบบขอไปที พอคิดว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ แต่พอมีอะไรผิดพลาดผิดแผนนิดหน่อยก็ใจแป้วซะแล้ว อย่าเพิ่งโทษใครอื่นเลย หันกลับมามองตัวเองซักนิด

 

การที่เราบอกว่ารู้ทั้งรู้ เข้าใจดีทุกอย่างแต่ก็ยังทำ นั่นก็แปลว่าแท้จริงแล้วเราอาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ได้ จับตาดูข้อบกพร่องของตัวเองและเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นอย่างแน่วแน่ดีกว่าค่ะ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook