ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 3 "การใส่ของคุณไสย ใช้กระดูกผี" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 3 "การใส่ของคุณไสย ใช้กระดูกผี" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 3 "การใส่ของคุณไสย ใช้กระดูกผี"  โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องผี และสิ่งลี้ลับ ตอนที่ 3 "การใส่ของคุณไสย ใช้กระดูกผี"

ทั้งๆ ที่กำลังจะนอน แต่เหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้หวนคิดถึงอีกเรื่องราวหนึ่ง ที่เคยเกิดมาก่อนหน้านี้
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้ให้คำปรึกษากับอีกท่านหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องที่ว่าสามีอาจจะไปมีหญิงอื่น ซึ่งในตอนแรกนั้น เธอก็ไม่แน่ใจ แต่ความที่เขามีพฤติกรรมหลายอย่างเปลี่ยนไป เธอจึงพยายามค้นหาคำตอบ

แล้ววันหนึ่ง เธอก็ได้เล่าให้ฟังว่า เธอแน่ใจแล้วว่าสามีไปมีคนใหม่ และมีพนักงานคนหนึ่งในบริษัทรู้เห็นเป็นใจด้วย เธอรู้เพราะติด GPS เอาไว้ในรถ และซ่อนเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้
สิ่งที่เธอได้ยินก็คือ เสียงของสามีพลอดรักกับคนอื่น และมีเรทระดับจำเป็นต้องเซ็นเซอร์เอาไว้

มากไปกว่านั้นคือ เธอได้รับรู้อีกว่า มีคนบางคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งอาจจะเป็นคนที่ไม่ชอบเธอเป็นการส่วนตัวมาก่อนด้วย จึงได้อาสาดำเนินการ พา "พริตตี้" คนนั้นไปลงเสน่ห์ และทำมนต์มัดใจสามีของเธอ

เมื่อแรกได้รับฟัง ก็พยายามบอกกับเธอว่า บางทีเรื่องทางคุณไสยนั้น อาจจะเป็นการคิดไปเองก็ได้ มีสาเหตุมากมายที่ทำให้ความสัมพันธ์แปรเปลี่ยน ทั้งเขา ทั้งเรา แม้แต่การอยู่ร่วมกันด้วยความเคยชินมากเกินไป

ชีวิตสมรสที่เย็นชา เวลาที่ไม่ตรงกัน การเรียกร้องให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่ตัวเองอาจจะหลงลืมไปก็ได้ว่าครั้งหนึ่ง เคยฟังกันอย่างไร เคยรักกันอย่างไร เวลาที่เอาแต่อารมณ์มาปะทะกัน หลายครั้งก็ย่อมจะพังกับพัง

อะไรก็เกิดขึ้นได้
ควรจะโยนความผิดให้กับไสยศาสตร์เท่านั้นหรือไม่
ก็อยากให้ลองกลับไปคิด
อันที่จริงแล้ว ในทางโหราศาสตร์เอง มีข้อห้ามเกี่ยวกับการทำนายอยู่หลายข้อ เช่น การทำนายดวงชะตาของเด็กไม่เดียงสา, การทำนายเรื่องมรณะ, การทำนายให้สามีภรรยาแตกแยกกัน ฯลฯ

เบื้องหลังเหตุผลเหล่านั้น ก็ย่อมเพราะไม่ต้องการให้วิชาโหราศาสตร์ เข้าไปมีส่วนในอคติ ส่งผลต่อการตัดสินใจในเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเช่น ถ้าหมอดูทำนายว่าเด็กจะเกิดมาแล้วทำให้ครอบครัวลำบาก เด็กจะมีอนาคตที่ไม่ดี เด็กจะโตไปเป็นโจร หรือเด็กจะโตไปได้เป็นเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ ฯลฯ
ไม่ว่าจะทำนายอย่างไร หากไม่ระวัง ก็อาจไปสร้างอคติเชิงลบเชิงบวกในใจพ่อแม่ และเครือญาติ หรือยิ่งถ้าไปเทียบว่า ลูกคนไหนพึ่งได้ คนไหนพึ่งไม่ได้ ก็คงจะสร้างผลเสียให้กับชีวิตในบ้านเรือนมากกว่า

หรืออย่างการทำนายมรณะ ก็รังแต่จะทำให้จิตใจเศร้าหมอง มีความหวาดกลัว มีความตระหนกตกใจ หรือทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม อย่างที่เคยเป็นข่าวว่า มีคนไปดูหมอว่าตัวเองจะถึงฆาต จึงชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน เป็นเรื่องที่น่าโศกสลดยิ่งนัก

ในการพยากรณ์เกี่ยวกับชีวิตรักชีวิตคู่ก็เช่นกัน ทุกชีวิตล้วนมีเรื่องราวของตัวเอง มีเหตุผล มีปัจจัย การจะฟันธงให้ว่า ควรอยู่หรือควรไป ควรเลิกหรือควรรัก จึงเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้
การให้คำปรึกษาใดๆ ของนักพยากรณ์ จึงควรต้องมีจรรยาและเจตจำนงที่ดี เพื่อการใช้หลักวิชาให้มีประโยชน์สูงสุด

และสิ่งเหล่านี้เอง ที่นำพาฉันให้เข้ามาทำงานด้านนี้

กับท่านที่มาปรึกษาคนนั้น จึงพยายามแนะนำให้เธอกลับไปทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง นอกเหนือจากการอ่านพื้นดวง ซึ่งยังพบว่า คู่ครองนั้นจะเป็นคู่วิบากกรรม และจะพ้นวาระกันไปเองเมื่อถึงเวลา

แต่ด้วยความเห็นใจในความรู้สึกไม่มั่นคงทางใจ ความทุกข์ที่ก็สัมผัสได้ ว่ามันเป็นความรู้สึกจริง จึงได้มอบของบางอย่างให้เธอไป

และบอกเพียงว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ จะช่วยคุ้มครองเธอได้ และผู้ที่ทำผิดคิดร้าย ย่อมจะแพ้ภัยไปเอง

หลังจากนั้น ก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท อาจเพราะในแต่ละวัน จะมีการออกคำพยากรณ์ให้กับอีกหลายดวงชะตามากมาย หากใครไม่ได้อัพเดทมา ก็อาจจะตกหล่นไปจากความคำนึงบ้างจนกระทั่งคืนหนึ่ง ฉันก็ฝันไปว่า

มีผู้หญิงคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าลายดอกๆ เดินออกมาจากห้องเสื้อผ้า ที่อยู่ติดกับห้องน้ำในห้องนอนอีกทีหนึ่ง ในมือถืออะไรขาวๆ มาด้วย

ในฝันนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าว ได้ยื่นของสิ่งนั้นมาให้ และจ้องหน้าเขม็ง

ทันใด ก็ตระหนักว่า สิ่งที่ยื่นมานั้น มันคือ "กระดูกผี" คือชิ้นส่วนของกระดูกศพที่ผ่านการเผาเนื้อหนังไปแล้ว

ในทางไสยศาสตร์ การใช้กระดูกผีเป็นวิธีใส่ของกันอย่างหนึ่ง

พอนึกรู้ดังนั้น ก็ตวาดกลับไปว่า อย่าเอามาไว้ในบ้านนี้นะ! และทางทางไหนให้ออกไปทางนั้น! ไม่ให้เข้าบ้าน ไม่อนุญาติให้เข้าบ้าน!

ผู้หญิงคนนั้น ก็หน้าถอดสี แล้วถอยหลัง หายลับไปกับประตู

ก็ตื่นขึ้นในบัดนั้น

และจากนั้น ก็ได้ทบทวนว่า ในระยะนั้นมีเหตุการณ์แปลกๆ อีกหลายอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน คล้ายๆ มีอะไรมารบกวนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร และมีอีกคืนหนึ่ง ที่ฝันว่ามีผู้ชายอีกคน ไม่สวมเสื้อ ถือมีดเข้ามาทางห้องเสื้อผ้าอีกเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาถึงห้องนอน ซึ่งก็เห็นเข้าและไล่ออกไปเหมือนกัน

ก็จึงบันทึกเขียนเก็บเอาไว้ และมีโอกาส ก็ยังได้แลกเปลี่ยนกับรุ่นน้องอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคน "มีเซนส์" ในเรื่องเร้นลับพอสมควร
น้องเขาก็มีความเห็นว่า ใครส่งอะไรมาหรือเปล่า ประเภทลมเพลมพัด หรือของคุณไสย

แต่ก็ยังได้บอกไปว่า ไม่น่าจะมีนะ เพราะไม่ได้มีศัตรูที่ใด ไม่เคยไปก้าวก่ายกับบุคคลที่ทำงานด้านไสย์อื่นๆ ด้วย เพราะถือว่าทางใครทางมัน
น้องเขาก็ถามว่า "พี่เคยให้ของอะไรใครไปหรือเปล่า มีคนเขาไม่พอใจ เลยส่งของมารังควาน"

นี่ก็คิดไม่ออก บอกว่า "เอ ก็ไม่มีนะ นอกจากเครื่องประดับแล้ว ก็เป็นกลุ่มเครื่องรางมงคลทั้งหมด ไม่มีที่เป็นแนวคุณไสยเลย"
จนอีกวันถัดมา จึงเพิ่งนึกออกว่า มี "ของ" อย่างหนึ่งที่ส่งไปให้ "เธอคนนั้น" ที่ติด GPSในรถของสามี

แต่แล้ว ในอีกวันต่อมา พนักงานคนหนึ่งที่มาทำงานในออฟฟิศของเรา ก็มาเล่าให้ฟังว่า
"ว่าจะเล่าให้ฟังค่ะ...หนูฝันแปลกมาก ว่าหนูอยู่ที่บ้านเชิงเขา แล้วมองมาเห็นหลังคาบ้านนี้...มันมีกลุ่มควันขนาดใหญ่มากเลย ลอยดำทะมึนอยู่เต็มฟ้า เหมือนกับคลุมหลังคาบ้านเอาไว้
แต่สักพักหนึ่ง หนูก็เห็นแสงสว่างมากพุ่งออกมา มันเป็นลำๆ เหมือนไฟที่ยิงขึ้นฟ้าเวลามีงานวัดเลยค่ะ แล้วควันพวกนั้นก็เริ่มลอยขึ้นสูง โอ้ย เหมือนในหนังเลยค่ะ...
มันแตกกระจายออกเป็นวงกว้างๆ เหมือนมันเริ่มฉีกออกจากกัน แล้วพวกควันก็ลอยขึ้นเร็วมาก เร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีลมพัดไล่จนมันปลิวไป...มันไปกันทางป่าค่ะ (ทิศเหนือของหมู่บ้าน) แล้วท้องฟ้าเหนือบ้านก็สว่างสดใสขึ้นมา หนูก็สะดุ้งตื่นเลยค่ะ"

ฟังแล้วก็อดตะลึงอยู่ในใจไม่ได้ เพราะอะไรสักอย่างบอกให้รู้ว่า บางที นั่นคือสิ่งที่ส่งสัญญาณให้รู้ ถึงการ "มีอยู่" หรือ "การมาถึง" ของบางสิ่งบางอย่างจริงๆ จนกระทั่ง ได้ตัดสินใจสอบถามไปกับทาง "เธอ" ที่ได้ให้ของไปว่า สถานการณ์เป็นอย่างไรแล้วบ้าง

เธอตอบมาว่า สามีของเธอกลับมาดีเป็นปกติแล้ว กลับบ้านมาอยู่กับลูกเมีย และตอนได้พบกัน เธอสงสารเขามาก เพราะทั้งซูบผอม และไม่มีสง่าราศี แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่า อีกฝ่ายหนึ่ง จะยังกลับมาทำเรื่องมิดีมิร้ายใส่อีกหรือไม่

อย่างไรก็ดี เธอบอกว่า ได้บูชาเครื่องรางที่ให้ไปทุกวัน และเชื่อว่าสิ่งนั้น เป็นส่วนหนึ่งในการแก้อาถรรพ์ ที่ทำให้สามีกลับคืนมา

ภาพของชายแก่ที่ยืนอยู่กลางถนนยังติดตา และภาพของผู้หญิงแปลกหน้าที่ถือกระดูกผีเข้ามาในความฝันก็เช่นกัน

อันที่จริงแล้ว ก็มีคำตอบบางอย่างไว้ให้กับ "ภรรยาหลวง" ที่เพิ่งมาหา แต่เพราะสถานการณ์บางอย่างดูเปลี่ยนไป

อะไรที่เราคิดว่าไม่ใช่ มันอาจใช่

อะไรที่เราคิดว่ามันไม่มีอยู่จริง อาจเป็นของมีจริง

แต่ก็นั่นแหละ บางที ความจริงก็เป็นมายา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเราเองกำลังหลงไปในมายาภาพด้วยหรือเปล่า

จึงได้ลุกมาเปิดแฟ้มปูมดวงอีก และอ่านทั้งสามดวงอีกครั้ง ในวิธีเฉพาะบางอย่าง เพื่อลองค้นหาในสิ่งที่เคลือบแคลงใจ...

(มาอ่านต่อตอนหน้านะคะ)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook