ขูดเลขนำโชคตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 6 "บทเฉลยของคนทำของ" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 6 บทเฉลยของคนทำของ
- ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 1 "ภรรยากับสามี"
- ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 2 "เสียงนกนอกหน้าต่าง"
- ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 3 "การใส่ของคุณไสย ใช้กระดูกผี"
- ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 4 "พื้นดวงของคนทั้ง 3 และความจำเป็นในการทำคุณไสย?"
- ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 5 "กลิ่นสาบพราย"
หากยังจำกันได้ ฉันเคยได้เล่าไว้ว่า ก่อนจะพบภรรยาหลวงอีกครั้ง และเมื่อผูกดวงดูเบื้องต้นแล้ว ก็คิดว่า จะมีคำตอบบางอย่างให้กับเธอ
นั่นคือ การบอกกับเจ้าชะตาว่า ความสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องวิบากกรรมบางประการ ซึ่งเท่าที่ตรวจดูแล้ว เจ้าชะตา และสามีจะยังต้องอยู่ร่วมกันจนสิ้นอายุขัย ส่วนภรรยาน้อยนั้น จะจากไปเองตามวาระเวลา
และในเรื่องทางคุณไสย ไม่อยากให้หมกมุ่นอยู่กับมัน ด้วยอาจเป็นสิ่งที่ “คิดไปเอง” ก็ได้
แต่แล้ว สัญญาณหลายอย่างที่มาปรากฏ ก็เป็นการบอกให้รู้ว่า บางที เรื่องที่เร้นลับนั้น ก็มีมุมที่เป็นอันตรายได้จริงๆ
ในการออกคำพยากรณ์นั้น สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากก็คือ การให้คำพยากรณ์ใดๆ ที่จะส่งผลกระทบในทางลบทางร้ายกับเจ้าชะตา อย่างที่เคยยกตัวอย่างไปแล้วว่า อาทิ เรื่องมรณะ ไม่สามารถจะพูดได้ เว้นแต่มีผู้สอบถามเพื่อประโยชน์ของดวงชะตา
เช่น ลูกหลานที่มีผู้สูงอายุป่วยหนัก อยากจะทราบไทม์ไลน์ในการดูแลรักษา หรือเตรียมความพร้อมเพื่อให้จากไปโดยสุขสงบ ให้ช่วยส่งดวงวิญญาณให้
เพราะสิ่งใดก็ตาม ที่อาจทำให้เกิดความตระหนกตกตื่น หรือมีผลกระทบทางกายทางใจ แม้ต้องพูดด้วยความสัตย์ แต่ก็ต้องมีเจตนาอันเป็นกุศล และพึงระลึกเสมอว่า ผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษาทางโหราศาสตร์นั้น เพื่อต้องการทางออกให้ชีวิตในทางใดทางหนึ่ง
หรือเพื่อรู้เขา รู้เรา เพื่อนำไปประกอบใช้ในการดำเนินชีวิตให้ดีที่สุด
แต่ในโลกไสยศาสตร์นั้น แม้จะมีกฎเกณฑ์ และข้อห้ามอีกมากมายเช่นกัน แต่ก็ยากยิ่งนักที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในร่องรอยได้
ในสงครามแห่งไสย มักไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะที่แท้จริง โดยเฉพาะไสย์มืด หรือไสย์ดำ ที่มักนำพาความมืดอันลึกล้ำหนาทึบ เข้ามาสู่ชีวิต “ผู้เล่น” อย่างน่าสะพรึงกลัว
จึงเมื่อได้ตรวจดวงชะตาของภรรยาหลวงแล้ว มีจุดอ่อนอยู่มาก มีคีย์เวิร์ดบอกว่า เจ้าชะตานี้มีความเสี่ยงจะถูกกักขังต้องโทษ หรือลงเอยในคุก ในโรงพยาบาลอันเหมือนสถานกักกัน
ขณะที่ภรรยาน้อยเองนั้น อีกไม่นานก็จะดวงตกไปยิ่งกว่านี้ และเป็นที่แน่ชัดด้วยว่า ฝ่ายชายเองกำลังพยายามจะตีตัวออกห่าง
แม้จะยังรักใคร่ แต่เรื่องทางเพศรสก็ไม่ใช้สิ่งดึงดูดที่สุดอีกต่อไป และชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆ ก็เรียกร้องให้อยากหวนกลับไปสู่ความสุขสบายอีกครั้ง
แต่ชายนี้จะสิ้นอายุขัยก่อนภรรยา
มีคำกล่าวว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ และการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวงจรแห่งกรรมนั้น จะสิ้นสุดได้ด้วยเวรที่ระงับด้วยการไม่จองเวร
แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อแต่ละดวงใจต่างตกในไฟทุกข์สุมร้อนเร่า มองดูชีวิตทั้งสาม ไม่มีใครเลยจะกินได้นอนหลับโดยปกติสุข
เหมือนต่างก็ตะเกียกตะกายกันไปในวงเวียนแห่งกรรม
มีสิ่งหนึ่ง ที่คนในบ้านของเราหลายคนต่างล่วงรู้ แต่เธอยังไม่รู้ คือฉันและพ่อนั้น แม้จะอยู่กับเรื่องเร้นลับต่างๆ จนคุ้นเคยดี และพ่อเองมีวิชาความรู้เหล่านี้อยู่มาก เพราะท่านได้ศึกษามาครบถ้วนทั้งสายขาวสายดำ
แต่ท่านย้ำอยู่เสมอว่า เราจะไม่ใช่ไสย์ดำเพื่อการใดๆ ให้เกิดเป็นโทษ
และมีเรื่องแปลกอยู่อย่างว่า ผู้ใดก็ตาม ที่ตั้งใจใช้คุณไสยในทางให้โทษ หากได้พบกับเราสองพ่อลูก ด้วยเส้นรุ้งเส้นแวงใดๆ ก็ดี ดังมีเกิดขึ้นหลายครั้ง บุคคลเหล่านั้นมักจะประสบเหตุบางประการ ให้ความขลังทางเวทย์เสื่อมสลาย หรือเกิดเหตุการณ์ให้ได้ “แพ้ภัย” คืนวิชาแก่ครูบาอาจารย์ไปเอง
สิ่งดังกล่าวนี้ เป็นการยากที่จะเล่าออกมา เพราะอาจฟังเป็นการยกตัวเอง หรือประหนึ่งจำแลงตนขึ้นเป็นผู้วิเศษ แต่ความที่หลายสิ่งหลายอย่างเคยได้ปรากฏขึ้น
คงไม่ใช่เพื่อให้เรายกตัวว่าเหนือกว่าใคร แต่เป็นการเตือนให้รู้ว่า จิตนั้นมีพลังยิ่งนัก และหลายต่อหลายครั้ง จิตนั้นทำลายได้แม้แต่เจ้าของ
แค่เราเป็นเพียงกระจกบานหนึ่ง ให้อาวุธนั้นสะท้อนกลับ
บางคน จึงพบภาวะที่ "มีดหันปลายวกกลับ" ดิ่งเข้าปักอกตัวเอง
ฉันและพ่อ เคยได้พบหลายบุคคลที่มี “พราย” อยู่ในตัว ทั้งด้วยการเลี้ยงไว้ หรือสิงสู่อยู่ในตัวตน ซ่อนเร้นเป็นปรสิตชนิดหนึ่ง
คนหลายคน เลี้ยงดูพรายเหล่านั้นให้เติบโตด้วยน้ำเลือดน้ำหนองในชีวิตตัวเอง ด้วยความเกลียด ความโกรธ ความระอุคุคั่งอาฆาตแค้น และเมื่อพรายได้สำเหนียกถึงสิ่งที่พวกมันชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทวีความกล้าแข็งขึ้น
อย่างที่มีคำว่า “ของเข้าตัว” หรือ “ถูกพรายสิง”
ในสังคมไทยเรา ในโลกอันมืดดำของไสย์ พรายมีอยู่มากมายจากการขุดค้น การเสาะ การปั้น และการปลุกให้เกิดขึ้น
ศพบางศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร หรือเป็นศพตายทั้งกลม เป็นศพโดนฟ้าผ่า เป็นศพที่เสียด้วยเหตุอาถรรพ์นานา อาจถูกลักขโมยชิ้นส่วน ลนเอาน้ำมัน กรีดเอากระดูกหน้าผาก หรือเลาะกระดูก เก็บรวบรวมเส้นผม เพื่อนำไปทำเครื่องรางของขลังมากมาย
และคนหลายคน ก็ถือครองของเหล่านี้ด้วยเจตนาอกุศล ซึ่งสุดท้ายมักโดนครอบงำให้มีชีวิตเช่นเดียวกับฝูงพราย
“ค่าบูชาเท่าไหร่เจ้า”
เธอ “ผู้เป็นภรรยาหลวงที่มาขอคำปรึกษา” เอ่ยถามขึ้น เมื่อฉันได้มอบของสิ่งหนึ่งให้ หลังจากที่คุยกันอีกจนเสร็จสิ้นถ้อยคำหมดแล้ว
“ให้พี่ไปทำบุญนะ” ตอบไป “แล้วแต่ความสะดวก ขอแค่ให้ตั้งใจทำเท่านั้น”
“ขอมอบเป็นค่าครูนะเจ้า” เธอกุลีกุจอควักใบแดงออกมา 200 บาท “รับไว้หน่อยเถอะเจ้า”
จึงกล่าวว่า “งั้นก็ให้กับพ่อนะคะ แล้วท่านจะเอาไปทำบุญอีกทีหนึ่ง”
เธอจึงลุกจากเก้าอี้ เข้าไปหาคุณพ่อบนตั่งอีกตัวหนึ่ง และพนมมือไหว้ ส่งค่าครูให้พ่อ
เธอออกไปจากบ้านของเรา ด้วยความรู้สึกใดไม่อาจทราบได้ อาจจะผิดหวังก็ได้ ที่ไม่มีการทำคุณไสยใดๆ ให้เธออีก ตามที่คาดหวัง
แต่ก็หวังว่าเธอจะมีความหวัง เพราะได้บอกกับเธออยู่ว่า
“ให้พี่ลองดูนะ แล้วสามีจะค่อยๆ กลับมาเอง เขาอาจจะมาช้าหน่อย แต่ยังไงก็มา พี่รักษาตัวรักษาใจตัวเองไว้ก็พอ”
ยันต์ดวงพิชัยสงคราม
สิ่งที่มอบให้เธอนั้น คือ ยันต์ดวงพิชัยสงคราม บรรจุดวงชะตาของเธอและสามี ลงอักขระปิดทอง กำกับพระคาถา ซึ่งนับเป็นเครื่องรางสูงสุดสายโหราเวทย์ ที่บรรจุเอาไสยศาสตร์ขั้นสูงไว้กับดวงชะตา
นับเป็นการจัดทำดวงพิชัยฯ ที่ใช้เวลาเร็วที่สุด เพราะได้ฤกษ์ยามอย่างไม่น่าเชื่อ
บอกกับเธอว่า ให้สวดมนต์บูชาพระคาถาทุกค่ำเช้า และให้พยายามยุติความขึ้งเคียดเกลียดชัง หากเธอต้องการจะมีชีวิตใหม่ ก็แค่ทำตัวเองให้แข็งแรงและสง่างาม
เธอถามว่า “ยันต์นี้จะช่วยล้างคุณไสยหรือเจ้า”
ตอบว่า “ใช่”
แต่ที่ไม่ได้บอกเธอคือ ไม่ได้ล้างคุณไสยใดอื่น แต่จะช่วยชำระล้างสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเธอนั้นเองต่างหาก
ด้วยอำนาจพระพุทธคุณ และด้วยบารมีของพระคาถาที่บรรจุไว้ ตลอดจนเจตจำนงที่ดีในการมุ่งหวังให้เธอมีชีวิตที่ดีที่สุด แน่นอนว่า ในไม่ช้า พรายที่อยู่กับเธอจะต้องเสื่อมสลายไป
แต่สิ่งที่เธอต้องผจญต่อไปอีกมาก คือวิบากกรรมในชีวิตกับผู้เป็นสามี ที่ต่อให้ไม่มีคนอื่น ก็ยังเป็นบ่วงเวรของกันและกัน
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ขอแต่ละคนอย่าได้ลุกมาฆ่ากัน
เพราะมันปรากฏอยู่รางๆ ในดวงชะตาสองดวง ซึ่งไม่ขอบอกว่าเป็นดวงของผู้ใด
ที่ฉันนำเรื่องนี้มาเป็นบันทึกเรื่องเล่า เพราะแม้จะดูเหมือน “ไม่มีอะไร” แต่ในระหว่างที่เหตุการณ์ดำเนินไป ก็มีรายละเอียดต่างๆ ดังที่ได้เล่าให้ฟัง
และสิ่งสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจให้เรื่องลงเอยเช่นนี้
เพราะ ชายแก่ที่มายืนกลางถนนในดึกดื่นกับเสียงนก นั่นแหละ
แม่เคยบอกว่า จะมีนกบางชนิดที่จะมาปรากฏตัว เมื่อบุคคลที่มีวิญญาณสิงสู่จะมาหาเรา
(เอาไว้จะเล่าให้ฟังในภายหลังอีกค่ะ ถ้าใครอยากฟัง)
ด้วยความเป็นประสบการณ์ตรงของแม่ และได้ยินคำสอนมาแต่เด็ก อีกทั้งมีหลายเหตุการณ์อีกเช่นกัน ที่ยืนยันในเรื่องนี้ “นกกับวิญญาณ”
ได้บรรลุจริงๆ ก่อนที่เธอจะเข้าบ้านมาในเวลาไม่นานนัก
ตอนฉันได้ยินเสียงนกนั้นมาร้องอยู่นอกหน้าต่างทางทิศใต้ จึงให้สะดุดหูทันที พร้อมกับคำสอนของแม่แว่บเข้ามา จึงได้ทดลองกำหนดจิตว่า ถ้าหาก “ใช่” เธอย่อมจะปรากฏตัวในไม่ช้า
แล้วรถเครื่องของเธอก็แล่นมา
และฉันเห็นชายแก่คนนั้นนั่งคร่อมมากับท้ายรถของเธอ
ซึ่งเมื่อแต่เมื่อจอดลง ก็มีแต่เธอเท่านั้น
คำเฉลยเรื่องราวทั้งหมดก็คือ
ภรรยาหลวงต่างหาก ที่เป็นฝ่ายทำของใส่สามี และพยายามจะไปหาคนทำของใส่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน และมุ่งจะทำลายเมียน้อยของสามีให้พบความพินาศหายนะ แต่ทว่า เธอกลับถูกครอบงำเสียเอง และมีพรายติดตามตัว
ยันต์ดวงพิชัยที่ให้เธอไป จึงคือสิ่งที่จะช่วยปัดเป่าคุณไสยจากตัวเธอเอง และช่วยคุ้มครองดวงชะตาของเธอด้วย ส่วนสามีและผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เขาจะมีวิถีทางจากกันไปเองตามวิบากกรรมเวร
มีอย่างหนึ่งนะคะ ที่ทำให้อยากเขียนเล่าเรื่องนี้ เพราะอยากให้สังเกตว่า บางครั้ง เราก็ไม่สามารถสรุปตัดสินอะไรได้ง่ายดายทั้งสิ้นเลย เหมือนคนทั้งสามที่มีเวรผูกพันกันอยู่ และดูแล้ว ต่างก็ทำร้ายกันไปทำร้ายกันมา จนแทบจะสูญเสียอะไรต่อมิอะไรไปพอๆ กัน
อันที่จริงแล้ว คงมองได้อีกหลายมุม ในแง่โครงสร้างหลายสิ่งที่กดทับแต่ละคนอยู่ ทั้งความเป็นหญิง-ชาย ค่านิยม ความเชื่อ และเรื่องทางเศรษฐกิจต่างๆ ด้วย
แต่เมื่อตรวจดวงชะตาแล้ว ยิ่งดูลึก ยิ่งพบว่า ผู้คนเหล่านี้มีโอกาส “ฆ่ากัน” ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่าลืมว่าหลายครั้ง อาชญกรรมเกิดได้ในขณะจิตวูบเดียว
และ ก็อดคิดไม่ได้ว่า วิญญาณที่มากับเธอผู้นั้น จะมากน้อยก็เตือนให้ได้ตระหนักว่า เรื่องทางคุณไสยที่เธอได้กล่าวอ้างถึง ไม่ใช่เรื่องหลักลอยแต่ประการใด
และถ้าไม่ฟังเธอเลย หรือใครสักคนยอมทำคุณไสยให้ตามที่เธอต้องการอีก ก็อาจเป็นการนำเอาตัวเองเข้าไปร่วมในบ่วงวิบาก เป็นเวรกรรมที่จะต้องไปผูกพันกันไปอีก ให้เชือกนั้นล่ามกันพะรุงพะรังยิ่งขึ้น
