Super Full Moon ในโหราศาสตร์ พลังแห่งจันทรา “เงินตราและการเริ่มต้น”

Super Full Moon ในโหราศาสตร์ พลังแห่งจันทรา “เงินตราและการเริ่มต้น”

Super Full Moon ในโหราศาสตร์ พลังแห่งจันทรา “เงินตราและการเริ่มต้น”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปรากฏการณ์ “ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี” หรือ ซูเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon) ไม่เพียงเป็นช่วงเวลาแห่งความงามของดวงจันทร์เต็มดวงที่มีขนาดใหญ่และสว่างกว่าปกติ  ในทางโหราศาสตร์และความเชื่อเรื่องพลังงานยังนับว่าเป็นอีกปรากฏการณ์สำคัญที่มีความหมาย  Sanook Horoscope พูดคุยกับ คุณการะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ หรือ การะเกต์พยากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราเวทย์ ถึงเรื่องราวของดวงจันทร์ซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตของคนเราในทางโหราศาสตร์โดยเฉพาะ

 

 ภาพถ่ายดวงจันทร์ภาพถ่ายดวงจันทร์ โดย การะเกต์พยากรณ์

ความสำคัญของดวงจันทร์ หรือ พระจันทร์ ในทางโหราศาสตร์

"ดวงจันทร์หรือพระจันทร์นั้นสำคัญมากในทางโหราศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือสากล อย่างในโหราศาสตร์ไทยเอง เราดูดวงคนไม่ได้เลย ถ้าเราไม่สามารถอ่านค่าของดวงจันทร์ได้ รวมถึงดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นของคู่กันกับดวงจันทร์

"ในทางโหราศาสตร์ดวงจันทร์นั้นสัมพันธ์กับเรื่องของจิตใจ ดาวแต่ละดวงมีความหมายหลากหลายและทับซ้อนกันอยู่  อย่างดวงจันทร์นี้ ด้านหนึ่งแทนผู้หญิงก็ได้ แทนความเป็นแม่ หรือเป็นคู่รักเพศหญิงก็ได้ อีกด้านหนึ่งหากมองเป็นบุคคล ทั้งชายและหญิงหรืออะไรก็ตาม จันทร์สามารถแทนจิตใจ เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกได้ด้วย หากไปจับเรื่องของธุรกิจการค้า จันทร์ก็หมายถึงการค้าขายสิ่งของหน่วยย่อย เช่น ร้านขายของชำ ถ้าจับเรื่องของการเงิน ก็หมายถึงเงินสดย่อย เงินกระแสรายวัน เงินจากการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้ามา เป็นเงินเหรียญ หรือธนบัตรปลีก

"ความเกี่ยวข้องในทางโหราศาสตร์ขาดดวงจันทร์ไปไม่ได้ แต่มีความแตกต่างจากการดูดวงจันทร์บนท้องฟ้าในทางดาราศาสตร์ เพราะโหราศาสตร์มองจันทร์สัมพันธ์กับดวงชะตา ซึ่งต้องใช้การคำนวณหาตำแหน่งจันทร์ในดวงเกิด เช่นว่า ดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งไหน อยู่ในราศีอะไร ข้างขึ้นข้างแรม  ซึ่งสมัยก่อนมีการบันทึกว่าการเกิดข้างขึ้นข้างแรมกี่ค่ำจะส่งต่อคนแบบไหนอย่างไร นี่คืออิทธิพลของดวงจันทร์ส่วนหนึ่ง และดวงจันทร์เป็นตัวที่กำหนดฤกษ์ดีที่เหมาะกับการทำการมงคล อย่างวันพระก็กำหนดตามพระจันทร์ คือวันพระจันทร์เต็มดวง หรือเป็นวันกึ่งเพ็ญ กึ่งแรม เพราะฉะนั้นในทางโหราศาสตร์ ดวงจันทร์นับว่ามีความสำคัญในมิติของวิถีชีวิตค่อนข้างมาก"

 

ความพิเศษของปรากฏการณ์ Super Full Moon

"ปรากฏการณ์ฟูลมูน ซูเปอร์มูน หรือซูเปอร์ฟูลมูน เกิดขึ้นอยู่แล้วทุกปี  ปีนี้มีซูเปอร์ฟูลมูนครั้งที่สอง เพราะรอบแรกเกิดไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน วันนั้นฝรั่งเรียก “สตรอว์เบอร์รีมูน” เพราะเกิดในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รี่ เป็นช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่หวานหอม บ้างเรียก “ฮันนีมูน” เป็นช่วงเวลาพิเศษของเดือนมิถุนายนที่ดอกไม้ผลิดอก ผลผลิตออกผล  แต่ในวันที่ 13 กรกฎารอบนี้ เป็นพระจันทร์เต็มดวงที่ใกล้โลกเข้ามาอีก

"ทางโหราศาสตร์ก็ถือว่าวันที่พระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่พระจันทร์กับพระอาทิตย์ทำระยะในมุมที่สัมพันธ์ต่อกัน ดวงจันทร์จะอยู่ตรงข้ามดวงอาทิตย์ในมุมร้อยแปดสิบองศา ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เต็มที่ ดวงจันทร์จึงมีพลังสูงสุด เมื่อดวงจันทร์มีพลังในตนเอง มีแสงสว่างมาก และระยะของวงโคจรใกล้โลกเข้ามา นั่นเท่ากับว่าพลังของดวงจันทร์นั้นมีความเข้มข้นมากขึ้น ลองนึกภาพการแผ่รังสี ยิ่งใกล้เข้ามา ยิ่งสว่างมากขึ้น แรงพลังจากดวงจันทร์ก็จะเข้มข้นมากขึ้น"

 

ภาพถ่ายดวงจันทร์ โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ ภาพถ่ายดวงจันทร์ โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

พลังเข้มข้น แต่ดวงแต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน

"Super Full Moon แรงพลังจากดวงจันทร์เข้มข้นมากกว่าปกติ แต่ปัจจัยที่คนเราแต่ละคนจะได้รับพลังจากดวงจันทร์นั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจุดตั้งรับของดวงแต่ละคนด้วย ซึ่งในทางโหราศาสตร์ ดวงจันทร์อาจดีหรือร้าย อยู่ตำแหน่งที่ดีหรืออ่อนแอ ตัวอย่างเช่น ถ้าตอนไหนดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งราศีกรกฎ ราศีกรกฎถือเป็นบ้านโดยตรงของดวงจันทร์ คนที่อยู่ในราศีกรกฎก็เหมือนกับได้เปิดไฟสว่างไปทั้งบ้าน แต่ถ้าดวงจันทร์ถ้าไปอยู่ฝั่งราศีมังกรแทนซึ่งเหมือนอยู่บ้านตรงข้าม บ้านเราก็จะมืดลง ตัวเราก็จะอ่อนแอ เพราะขาดแสงสว่างตรงนั้น พลังที่เราจะได้รับจึงน้อยลงตามไปด้วย

"สำหรับคนราศีสิงห์ จันทร์เป็นดาวอยู่หลังราศีเกิด จะกลายเป็นเรือนที่ ๑๒ เรียกว่าเรือนวินาศ คือสิ่งที่เป็นความลับ สิ่งที่เป็นเรื่องเสื่อมเสีย การป่วยไข้ การถูกจับกุมคุมขังหรือเรื่องที่แย่ๆ ทั้งหลาย ทีนี้พอเรามีแสงสว่างจากดวงจันทร์ในตำแหน่งราศีกรกฎเป็นแรงผลักชีวิตจากด้านหลัง หรือเป็นล้อหลังอยู่ข้างหลังเรา ก็อาจจะผลักให้อะไรๆที่เป็นความลับ ที่เคยเก็บไว้ให้เปิดออกมาหมดเลย เพราะมีแสงที่ถูกส่งให้สว่างเหมือนมีไฟฉายไปฉายห้องมืดของเรา หรือหากมีข้อพิพาทคดีความอยู่ ก็อาจจะโดนหมายเรียกหมายจับขึ้นมาได้

"ยกตัวอย่างอีกเรื่อง หรือถ้าเราเป็นราศีเมถุน ดวงจันทร์อยู่ราศีกรกฎข้างหน้าเรา ดวงจันทร์จะเป็นดาวการเงินที่กำลังส่องสว่าง เป็นร้านที่กำลังคึกคักสดใส แสงสว่างเต็มที่ การทำมาค้าขายอย่างไรก็ได้เงินแน่นอน เมื่อร้านที่เปิดไฟส่องสว่างพร้อมต้อนรับลูกค้า มีพลังงานดี มีเอเนอร์จี้ดี ดึงดูดลูกค้าเข้ามา โดยเฉพาะพวกของยิบย่อยของรายวัน หรือร้านมินิมาร์ท ร้านขายเครื่องประดับ ขายเสื้อผ้าผู้หญิง หรือแม้แต่เครื่องดื่มก็จะขายดี

"แต่ก็ต้องดูด้วยว่า ในพื้นดวงของเจ้าชะตา มีดาวดวงอื่นมาบดบังแสงของดวงจันทร์หรือไม่ หรืออาจมีดาวที่ส่งผลกระทบทางร้ายก็ได้ เช่น คนเกิดราศีเมถุน ดวงจันทร์เป็นดาวการเงิน เป็นซุปเปอร์ฟูลมูลที่เปิดไฟสว่าง พลังงานดี แต่ในดวงเกิด ดวงจันทร์ไปอยู่ในเรือนมรณะ ก็แปลได้ว่าเขาจะได้เงินเข้ามาเยอะก็จริง แต่ก็จะมีการสูญเสียออกไปเหมือนกัน ค้าขายได้มากแต่กำไรไม่เหลือ เพราะมีค่าใช้จ่ายหรือหนี้ท่วมรออยู่

"หากเป็นดวงมหาชน ในทางโหราศาสตร์ Super Full Moon เป็นช่วงที่ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อชีวิตคน เพียงแต่ว่าจุดที่พลังจะกระทบนั้นมีระดับของของใครของมัน ใครจะได้ผลดีผลเสีย จะไม่สามารถชี้ชัดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และรับค่าได้ไม่เท่ากัน"

 

 การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ กับพิธีกรรมจุดประทีปที่ใช้ฤกษ์จากดวงจันทร์การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ กับพิธีกรรมจุดประทีปที่ใช้ฤกษ์จากดวงจันทร์

  

ที่มาของการขอเงินจากพระจันทร์ เดิมไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง

"การขอเงินจากพระจันทร์ เท่าที่จำความได้ ต้นตำรับเดิมจริงๆ คืออาจารย์จรัญ พิกุล  ท่านเป็นคนแรกๆ ในเมืองไทย ที่แนะนำเคล็ดลางนี้ไว้ สมัยก่อนท่านได้ทำหนังสือเล่มเล็กๆ ที่จะมีระบุวันอมาวสีสำหรับขอเงินจากพระจันทร์ออกวางจำหน่ายด้วย การที่ท่านแนะนำให้ใช้วันอมาวสี เพราะวันนี้ เรียกอีกอย่างได้ว่า “วันนิวมูน” เป็นวันที่ตำแหน่งองศาของดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์จะทับกันสนิท เป็นที่มาของคำว่า “จันทร์ดับ”

"จันทร์ดับทางโหราศาสตร์ หมายถึง การเป็นวันที่ 0 เป็นวันของการเริ่มต้น จะเข้าสู่วันที่ 1 ในวงรอบใหม่ของอายุดวงจันทร์ สายโหราศาสตร์เชื่อกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น อาจจะเกิดซ้ำได้ใน 28 วัน หรือ 1 เดือน ตามรอบโคจรของดวงจันทร์ เช่น  ถ้าวันจันทร์ดับเรามีเงินเต็มกระเป๋า อีก 28 วันเราก็จะมีโอกาสมีเงินเต็มกระเป๋าอยู่ตลอด ถ้าวันนั้นเราไม่มีเงิน เราก็มีแนวโน้มว่าเราจะไม่มีเงินไปอีกทั้งเดือน จึงนับเป็นจุดตั้งต้นของการเพิ่มทุนชีวิต  เป็นเคล็ดในการเติมเงินในกระเป๋า ไม่ใช้จ่ายในทางเสียหายหรือรั่วไหลในวันอมาวสี

"จุดจันทร์ดับของดวงจันทร์จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น ในการจะเริ่มต้นเรื่องดีๆ ของตัวเรา ลดความเสี่ยง ลดความสูญเสีย ให้เราระมัดระวังการดำเนินชีวิต ระวังการเสียเงินโดยไร้เหตุผล อย่างถ้าจะใช้ในการตั้งหลักทางการเงิน สร้างทุนชีวิต ก็จึงเป็นวันที่ดี"

 

 “ขอพรพระจันทร์” ให้สัมพันธ์กับพลังที่มี      

"เราเห็นพระจันทร์เต็มดวงเพราะได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์มาก จากนั้นจึงเป็นจุดที่ดวงจันทร์กำลังจะเคลื่อนไปสู่ เวลาที่กระทบแสงน้อยลงไป เหมือนกับเราได้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เต็มที่แล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงของการพักผ่อน การเยียวยาการฟื้นฟู การปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมรับรอบการเพาะปลูกใหม่ เพราะฉะนั้น การขอพรพระจันทร์ ก็ต้องขอให้สัมพันธ์กับพลังของดวงจันทร์ ที่ต้องเข้าใจก่อนว่าพลังเหล่านี้เป็นพลังงานของเรื่องอะไร จะขออย่างไรให้ได้ เช่น หากเราเป็นชาวสวนเกษตรกำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต วันนี้เราก็ต้องขอพรเจาะจง โดยตั้งเจตจำนงว่า ขอให้เราขายผลผลิตได้ ขอให้แปรรูปสินค้าได้ ค้าขายดี อะไรที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตก็จะขอได้ เพราะเป็นจุดที่เอื้อกันอยู่

"แต่ถ้าเราขอโดยไร้เหตุผล เช่น ขอให้ฉันรวยเลยทันทีทันใด ก็เป็นไปไม่ได้  อาจไร้เหตุผลเกินไป ไม่เช่นนั้นคนเราก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ตั้งโต๊ะแล้วก็ไหว้พระจันทร์แล้วขอให้ฉันรวย คนก็รวยกันหมดทั้งโลกแล้ว

"การทำพิธีกรรมใดๆ ก็ตาม คือการแสดงเจตจำนง คือการแสดงความตั้งใจ ให้สัจจะอธิษฐาน หากเราตั้งเครื่องไหว้อะไรสักอย่างเราต้องไหว้ด้วยใจที่เคารพนับถือ ใจที่มีความเชื่อมั่น แต่ต้องมีสามปัจจัยสำคัญ หนึ่งคือรู้ก่อนว่าจะขอพรเรื่องอะไร สองคือมีปัจจัยเพียงพอที่จะไปขอพรหรือไม่ สามคือเรามีความเชื่อถือจริงหรือเปล่า ทุกอย่างต้องประกอบการทั้งหมดจึงจะได้ผล

"ยกตัวอย่างเหมือนกับการปลูกลำไย ถ้าเราดูว่าเรามีผลผลิตแล้ว เราก็จะตั้งเจตจำนงว่า ช่วยเปิดทางให้เราขายลำไยได้ ราคา แล้วเราก็แสดงความจริงใจต่อผู้ค้าของเรา แสดงความนับถือต่อคนที่เราจะไปทำการค้าขายด้วยลำไยที่มีคุณภาพ เขาถึงจะเปิดช่องเปิดทางให้ความช่วยเหลือเรา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะมองเห็นความตั้งใจของเรา เขาก็จะช่วยเรา

"แต่ถ้าอยู่ดีๆ ลำไยก็ไม่มีซักต้น แล้วเราไปตั้งโต๊ะขอให้เรารวยจากการขายลำไย แบบนั้นต้องเรียกว่าความมโน"

 

สิ่งที่ปฏิบัติแล้วดียิ่ง ในวันพิเศษ Super Full Moon

"อย่างง่ายที่สุดในวันนี้คือ ทำอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งที่ดีกับตัวเอง เป็นด้านบวกกับตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถใช้ได้กับทุกวัน คือตื่นเช้ามา เราก็ต้องคิดและทำเรื่องที่ดีกับตัวเรา เช่น หากเราตื่นมาอารมณ์ขุ่นมัวเราก็ต้องพยายามทำให้จิตใจ แจ่มใสเบิกบาน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตเรา

"ในวันพระจันทร์เต็มดวง หรือ Super Full Moon ซึ่งถือว่าเป็นวันที่ดวงจันทร์มีพลังที่เข้มข้น เป็นพลังเชิงบวก เราควรจะรับเอเนอร์จี้เหล่านั้นเข้ามา เราทำได้ทุกอย่างที่สามารถสร้างพลังงานดีให้ตัวเอง อย่างบ้านช่องห้องหอที่รกรุงรัง ก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาด ให้บ้านน่าอยู่ มีกลิ่นหอมๆ จัดบ้านสวยๆ เมื่อแสงจันทร์กระทบเข้ามาทุกอย่างก็จะยิ่งสวยมากขึ้น

"แต่หากเราไม่ทำอะไรเลย จานก็ไม่ล้าง ห้องก็ไม่เก็บ จิตใจวุ่นวายทะเลาะกับคนโน้นคนนี้ เสร็จแล้วก็มาขอพระจันทร์ให้ช่วย ก็อาจจะไม่เกิดผลอะไร หรือแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาก็อาจจะไม่เกิดผลอะไร เพราะพลังของแสงจันทร์ไม่สามารถส่องทะลุเข้าไปถึงก้นบึ้งได้ เหมือนกับดวงจันทร์ที่กำลังสาดแสงลงมาดีงามมาก แต่ห้องเราเต็มไปด้วยขยะ แสงจะเข้ามาถึงตัวเราได้อย่างไร

"ส่วนเรื่องพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น อาบแสงจันทร์ด้วยวิธีการต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ  หากเรามีเครื่องประดับต่างๆ ก็สามารถนำมาอาบแสงจันทร์เอาพลังได้

"ดวงจันทร์เกี่ยวข้องกับจิตใจ แต่เป็นพลังที่มั่นคง เป็นพลังด้านบวก หากใครกำลังจิตใจอ่อนแอหรือถูกก่อกวนให้สะเทือนใจ ให้ตั้งสติ พยายามรวบรวมกำลังและใช้แสงสว่างจากดวงจันทร์ให้เป็นประโยชน์ ใช้จันทร์เป็นส่วนประกอบของพิธีกรรมเพื่อเยียวยาบำบัดจิตใจตัวเองได้   เช่น ในทางโหราศาสตร์ ดวงจันทร์เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือของสะอาด น้ำหอม ดอกไม้สีขาว ดอกไม้สีเหลือง เพราะฉะนั้น เราอาจทำแค่เรื่องง่าย ๆ โดยไปซื้อดอกไม้สวย ๆ มาแต่งบ้าน ใช้น้ำหอม เพื่อรับพลังด้านบวกของดวงจันทร์  จะสามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี พลังงานที่ดี ให้จิตใจได้ผ่อนคลาย

"ไม่ว่าพิธีกรรมใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับแสงจันทร์ ก็เหมือนกับการรับพลัง แต่ต้องประกอบไปด้วยการแสดงตั้งเจตจำนงที่ชัดเจน เชื่อมั่นในดวงจันทร์ และมีความตั้งใจจริงของตัวเรา"

 

พลังธรรมชาติ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

"พลังธรรมชาติ ทั้งแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ สายฝน ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง แต่อยู่ที่ว่าเราจะอยู่ร่วมกับเขาอย่างไร ถ้าฝนสะอาดเราก็อาจจะเปียกฝนได้ ชื่นใจดีเสียอีก หรืออย่างน้ำฝนดี ก็มีค่ากับการเพาะปลูกต้นไม้มากมาย แต่ฝนที่มากับสารเคมี ฝนที่ทำให้เราสกปรกเลอะเทอะ เราก็ต้องมีร่ม หรือไม่จำเป็นต้องไปรับสายฝนแบบนั้น

"พลังแสงจันทร์ก็เหมือนกัน  แสงอาทิตย์แสงจันทร์เขาไม่เลือกหรอกว่า จะให้เราอ่อนหรือแก่ จะเข้มข้นหรือเจือจางกับใครเป็นพิเศษ แต่ขึ้นอยู่กับจุดตั้งรับของแต่ละคน ที่สำคัญ เราควรรู้จักตัวเองด้วย เพื่อจะได้เลือกได้ว่าอยากรับพลังประมาณไหน เหมือนกับการปลูกบ้าน เราก็ต้องเลือกว่าเราจะหันหน้ารับแสงแดดแค่ไหน ใช้วัสดุอะไร การจัดการกับพลังงานที่จะเข้ามาหาเรา เป็นศาสตร์และศิลป์ในตัวมันเอง"

 

คุณการะเกต์พยากรณ์ ทิ้งท้ายด้วยว่า ในมุมมองของเธอ พลังงานเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่คือธรรมชาติ แม้แต่พลังงานในเรื่องไสยศาสตร์ หรือทางโหราศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของธรรมชาติ แต่อยู่ที่ว่าใครจะเข้าถึงและรู้จักมันมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook