คืนจันทรคราส โดนแสงจันทร์ได้ไหม โดย การะเกต์พยากรณ์

คืนจันทรคราส โดนแสงจันทร์ได้ไหม โดย การะเกต์พยากรณ์

คืนจันทรคราส โดนแสงจันทร์ได้ไหม โดย การะเกต์พยากรณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์  คืนนี้จะมีจันทรุปราคา  ตั้งแต่เวลาประมาณ 15:02 - 20:56 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

คืนนี้ จันทร์จะมีสีแดงส้ม หรือแบบที่บางคนเรียกว่า “พระจันทร์สีเลือด”

ทางโหราศาสตร์  คืนนี้ เป็นคืนวันเพ็ญปุรณมี จันทร์ขึ้นเสวยฤกษ์ภรณีนักษัตร เป็นดาวมหาจักรสูงส่ง กุมลัคนาดวงเมือง ร่วมราหูและมฤตยู 

ทางโหราศาสตร์สากล  คืนนี้ จันทร์ทำระยะเชิงมุมกับจุด  Vx ของดวงเมืองในราศีกันย์ ทำนายไว้เล็กน้อยว่า บ่งชี้ถึงอุปสรรค กรรมเก่า ที่มีอยู่กับงานภาคบริการทั้งหลาย ยังเตือนถึงอาหารเป็นพิษ โรคเรื้อรังในกระเพาะลำไส้ และปัญหาที่มากับความสัมพันธ์อันเหลื่อมล้ำระหว่างนายจ้าง-ลูกจ้าง

ทางไสยเวทย์มนตรา  คืนนี้ เป็นคืนจันทรคราส ราหูมีอำนาจกลืนจันทร์ชั่วระยะเวลา เป็นห้วงเวลาที่ความมืดจะมีพลังยิ่งใหญ่ แต่เช่นกัน เมื่อคราสพ้นไป แสงสกาวสุกใสก็จะนำพลังอีกแบบหวนกลับมา ฉะนั้น ย่อมเป็นเวลาเหมือนเส้นรอยต่อเขตแดนแห่งความมืดและสว่าง อันบางเคล็ดวิชาจะแทรกเข้าไปใช้ประโยชน์ได้

อย่างไรก็ดีมีสิ่งหนึ่งที่ควรทราบไว้

.

แสงจันทร์มาจากไหน ก็มาจากแสงของดวงอาทิตย์ผู้เฉิดฉัน

จุดคราสมาจากไหน ก็มาจากปรากฏการณ์ของวงโคจรดวงดาว ภาพสะท้อนของเงา และเงาของภาพสะท้อน

มนุษย์ตัวน้อยๆ ทั้งหลาย เราต่างอยู่ใต้อิทธิพลดวงตะวัน ดวงจันทร์ และหมู่ดาว

แต่เหล่าพวกเรานะหรือ จะสามารถปฏิเสธแสงดาว แสงเดือน แสงตะวัน

ต่อให้มีหลังคากั้น มีเสื้อผ้าหนาทึบสวมใส่ ต่อให้อยู่ในหีบใบเล็กๆ สักใบ

ดวงเดือน ดวงตะวัน เหล่าดวงดาวเหล่านั้นยังคงเคลื่อนหมุนอยู่ และกระทบถึงเราอยู่ แม้มองไม่เห็นแสงสักประการ

ฉะนั้น บางที สิ่งที่ให้คุณให้โทษหาใช่เพียง "แสง" ไม่ แต่คือกลุ่มพลังงานเคลื่อนไหว ที่เข้ากระทบ กระแทก ปะทะ กับจุดรับในแต่ละดวงชะตา ซึ่งสิ่งนี้ คือที่เราเรียกว่า เกณฑ์ทางโหราศาสตร์

.

ส่วนงานไสยเวทย์พิธีกรรมตามจังหวะพระจันทร์ คือการนำเอาจังหวะดินฟ้ามาประกอบเข้ากับ “เรื่อง” ตามจะประสงค์ หาดูว่า จุดไหนที่จะใช้เสริมส่ง ทำลาย ตัดฟัน ฯลฯ โดยอาศัยการเชิญ (หรือช่วงชิง) พลังงานเหล่านั้นเข้ามาเป็นเครื่องมือประกอบใช้

เหมือนการตักตวงเอากระแสที่มองไม่เห็นมาเก็บไว้ในสายท่อเล็กๆ  แปรเป็นตัวเหนี่ยวนำและทำปฏิกิริยา เหมือนนำเอาไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟไปสู่วัตถุประสงค์ที่ต้องการ

.

ไสยศาสตร์ทำงานอีกแบบหนึ่ง โหราศาสตร์ทำงานอีกแบบหนึ่ง ดาราศาสตร์ก็มีชุดความคิดอีกแบบหนึ่ง

เพียงแต่ว่า ดาราศาสตร์มีปรากฏการณ์ที่ “แลดู” จะจับต้องได้ สามารถพิสูจน์ซ้ำได้ในหลายสิ่งอัน เพื่อยืนยันการมีอยู่

แต่หลายสิ่งหลายอย่างในจักรวาลเรานี้ ก็ “อาจมีอยู่” โดยเรายังไม่รู้ ไม่เห็น และเข้าไม่ถึงก็ได้

กระนั้นก็ตาม เมื่อโลกนี้ จักรวาลนี้ มีพลังงานมากมายมหาศาลอยู่ทั่วไป มีแสงอาทิตย์สาดส่องเสมอต้นเสมอปลาย โลกเราต่างหากที่หมุนไปให้เกิดแสงเกิดเงาในแต่ละซีกส่วน จนเกิดเป็นกลางวัน กลางคืน และฤดูกาล

การจะไม่ออกจากเคหสถานเพราะกลัวจะต้องแสงจันทร์คืนจันทรคราส การจะไม่ทำการใดๆ เพราะคิดว่าอยู่ในช่วงพลังร้ายจากดวงจันทร์

บางทีนะ บางที เหล่านั้นคือ “แค่การตั้งสมมุติฐาน” เพราะมันอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่จริงก็ได้ มันอาจจะใช่หรือไม่ ใครจะรู้ได้นอกจากตัวคนๆ หนึ่ง ที่ผลจะมาถึง หรืออาจมาไม่ถึง หรือแค่ความว่างเปล่าผ่านพ้นไป

.

ประเด็นก็คือ เราควรจะมีชีวิตกันอย่างไร ใต้แสงดาว แสงเดือน ใต้ดวงตะวัน-จันทรา

อีกบางทีนะ บางที  อย่าขับเคลื่อนชีวิตกันด้วย “ความกลัว” จะดีกว่า  ต้องคราสแล้วจะเป็นอย่างไร  อาบน้ำจันทร์แล้วจะเป็นอย่างไร ไม่ได้มีสถิติแบบเมาแล้วขับหลับในไปจนเกิดอุบัติเหตุสักหน่อย

เรามาค่อยๆ เรียนรู้วิธีใช้พลังทั้งหลายน่าจะดีกว่า ผ่านความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี เจตจำนงเสรี (ที่ยังควรมี) และคิดเสียว่า แสงตะวัน แสงจันทรา ต่อให้มีเราหรือไม่มีเรา พวกเขาก็ยังส่องแสงออกมาอยู่ดี  

.

ขอพรพระจันทร์กันดีกว่าคืนนี้ ส่วนที่แนะนำให้เอาเครื่องประดับก็ดี เครื่องรางก็ดี ทำน้ำมนต์ก็ดี ในเวลาที่พ้นคราสไปแล้ว

ก็เพื่อให้ได้  รับแสงจันทร์อันผ่องแผ้ว อย่างเต็มที่ ในตอนที่เขาสว่างกระจ่างงามเด่น  “เพ็ญเต็มดวง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook