อริยสัจ 4 และ มรรค 8 คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไร

อริยสัจ 4 และ มรรค 8 คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไร

อริยสัจ 4 และ มรรค 8 คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อริยสัจ หรือ จตุราริยสัจ หรือ อริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่ 4 ประการ คือ

อริยสัจ 4 มีอยู่ 4 ประการ คือ

  1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5

  2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ

  3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง

  4. มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์

    มรรคมีองค์ประกอบอยู่ 8  ประการ คือ

    1. สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ
    2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
    3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ
    4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ
    5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
    6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ
    7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
    8. สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง

      มรรคมีองค์ 8 นี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้
      1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ
      2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ
      3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ

กิจในอริยสัจ 4

กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่

  1. ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
  2. ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
  3. สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
  4. ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมาย

กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ

กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้

  1. สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
    • นี่คือทุกข์
    • นี่คือเหตุแห่งทุกข์
    • นี่คือความดับทุกข์
    • นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
  2. กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
    • ทุกข์ควรรู้
    • เหตุแห่งทุกข์ควรละ
    • ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
    • ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
  3. กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
    • ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
    • เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
    • ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
    • ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว

ตัวอย่างการแก้ปัญหาโดยใช้ อริยสัจ 4 ในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างที่ 1

ทุกข์ (ผล)           พิจารณารู้ว่าได้รับบาดเจ็บจากการขับขี่จักรยานยนต์ล้ม

สมุทัย (เหตุ)        พิจารณารู้ถึงสาเหตุว่าขับรถด้วยความประมาท

นิโรธ (ผล)           พิจารณารู้ถึงการขับขี่รถอย่างปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุ

มรรค (เหตุ)         พิจารณารู้ถึงสาเหตุที่จะขับขี่รถอย่างปลอดภัย คือ มีสติและ ระมัดระวังขณะขับขี่

ตัวอย่างที่ 2

ทุกข์ (ผล)           น้ำหนักตัวมากจนรู้สึกอึดอัด ถูกเพื่อนล้อ

สมุทัย (เหตุ)        ทานอาหารมากเกินไป

นิโรธ (ผล)          หุ่นดี ร่างกายแข็งแรง

มรรค (เหตุ)         พยายามในการควบคุมปริมาณการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook